“ถ้างั้น… ตอนนี้ลีนจังเป็นลมสลบไปแล้ว จนกว่าเธอจะตื่นอีกทีนึง เธอก็เหลือตัวคนเดียวแล้วนะ จะทำยังดีล่ะ? ถ้าเธอยอมแพ้แต่โดยดี ดิฉันจะยอมปล่อยไปแบบนี้เลยก็ได้นะ…”
“ไม่ค่ะ เราจะไม่ทำแบบนั้นแน่”
ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ลีนก็เป็นลมไป แต่เราคิดว่าอีกไม่นานเดี๋ยวเธอก็ฟื้นนั้นแหละ
งั้น ถ้าเราปกป้องลีนไว้จนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเรา 2 คนก็จัดการเธอคนนี้ได้แล้ว เพราะลีนใช้การอวยพรจากดวงจันทร์ได้แล้วด้วย
ไม่มีทางเลือกให้ยอมแพ้หรอก
แล้วก็ ยังมีเหตุผลอีกข้อที่ทำให้ฉันยอมแพ้ไม่ได้ด้วย
“หืม…? ถ้าอย่างนั้น ดิฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เธอเอง- เ――อ๋!?”
พอเราเข้าประชิดตัวได้ เราก็ขว้างไดอาสในมืออกไปสุดแรงระหว่างที่หมุนมันให้กระชับเข้ามือ
ถึงเธอคนนั้นจะสามารถหลบได้ในวินาทีสุดท้ายก็เถอะ แต่… นี่หมายความว่าเธอคนนี้ รู้ถึงความสามารถเฉพาะตัวของดาบมาร ไดอาสด้วยงั้นเหรอ
1 ในความสามารถติดตัวของดาบมาร ไดอาส [ตัดทะลุผ่านการป้องกัน] ความเสียหายที่สร้างได้จะทำใส่คู่ต่อสู้โดยไม่สนใจสเตตัสการป้องกันของอีกฝ่ายเลย
ถ้าท่านฟลูเรเทียไม่หลบเมื่อกี้ล่ะก็ ไดอาสคงฟันไหล่ซ้ายของเธอได้แล้วแท้ๆ
ไดอาสลอยพุ่งไปแล้ว… แต่เราเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ามัน เลยสามารถอ้อมไปคว้ามันได้เหมือนกับทุกที
“ด- เด็กสมัยนี้ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ เลยนะ… ขว้างสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองเนี่นะ!?”
“เปล่าค่ะ เราเอง ปกติก็ไม่ทำแบบนี้หรอกค่ะ เพราะ [คมดาบบิน] ก็คงเพียงพอแล้ว… แต่ถ้าไม่ทำขนาดนี้ เราก็คงชนะไม่ได้ใช่มั้ยคะ?”
เราอยากจะชนะคนคนนี้ให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม
“พูดตามตรงนะคะ… เราเองก็ ลังเลนิดหน่อยที่จะต้องหันดาบเข้าหาท่านฟลูเรเทียที่ไม่เราไม่เคยมีความแค้นใดๆ ด้วยเลยค่ะ ความลังเลนั่นเลยอาจทำให้เราช้าลงนิดหน่อย… แต่ตอนนี้ เราไม่ลังเลอีกแล้วค่ะ”
ใช่ เราน่ะ…
“…หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“อะฮะฮะ เรื่องง่ายๆ เลยค่ะ… ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ
…ท่านกล้าดียังไง ถึงมาทำร้ายเพื่อนสนิทที่สุด (ลีน) ของเรากันล่ะคะ”
เราน่ะ โกรธมากเลยนะ
“ฮุ ฮุฮุฮุ… นั่นสิน้า งั้น ก็เข้ามาแก้แค้นซะเลยสิ! แสดงให้ดิฉันเห็นพลังของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารในตอนนี้หน่อยสิ!”
“ต่อให้ท่านไม่บอก เราก็จะแสดงให้เห็นอยู่แล้วค่ะ…!”
“ฮ่า!”
“อันตราย…!”
“ย้า!”
“กึก! {เคาน์เตอร์บาเรีย (บาเรียสวนกลับ)} !”
เราหลบท่าฟันจากเธอด้วยการบิดตัว แล้วก็แกว่งดาบในมือของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากที่ท่านฟลูเรเทียใช้ {บาเรียสวนกลับ} ไปครั้งนึงแล้ว จะมีช่วงที่ล่าช้าไปอยู่ประมาณ 20 วินาที ก่อนที่จะสามารถใช้มันอีกครั้งนึงได้ บางที เวทนี้อาจจะประกอบสูตรเวทมนตร์ได้ลำบากก็ได้ ตราบเท่าที่เราไม่ประมาทล่ะก็ เราเอาอยู่แน่
“ฟิ่ว… นี่เธอเป็นมนุษย์จริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย? โดยสัตย์จริงเลยนะ ขนาดในช่วงที่ดิฉันยังทำงานอยู่ ยังแทบจะนับด้วยมือแค่ข้างเดียวด้วยซ้ำเลยนะเนี่ย ว่ามีกี่ครั้งกันที่ฉันต้องสู้ลำบากแบบนี้น่ะ รู้หรือเปล่า?”
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะคะ เราเป็นมนุษย์จริงๆ ค่ะ แต่ว่า ตลอดการต่อสู้เท่าที่เราเคยสู้มา ท่านแข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 เลยนะคะ”
สเตตัสใกล้เคียงกัน เรามีแค่ดาบ ส่วนอีกฝั่งมีบาเรีย ต่อให้สถานการณ์แทบจะเท่าเทียมกัน ขนาดเราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ท่านฟลูเรเทียยังดูสบายๆ อยู่เลย
กล่าวคือ เรากำลังถูกไล่ตอนอยู่ นานแล้วนะเนี่ยที่ได้รู้สึกแบบนี้น่ะ
แต่เหมือนท่านฟลูเรเทียจะไม่สบอารมณ์กับคำตอบนั่นเลย
“…อันดับ 2? มีใครที่แข็งแกร่งกว่าดิฉันอีกงั้นเหรอ?”
ได้ยินแล้วค่ะ
ก็ แน่นอนอยู่แล้วสิ…
“ก็ลีนไงคะ ถ้าเธอมีการอวยพรจากดวงจันทร์ ตั้งแต่คืนเดือนครึ่งขึ้นไปล่ะก็ เธอแข็งแกร่งกว่าทั้งเราทั้งท่านได้เลยค่ะ”
“อ๋า… เข้าใจแล้ว ก็จริงนะ การอวยพรจากดวงจันทร์ของแวมไพร์น่ะรับมือยากสุดๆ เลย ฟิลิสเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน คิดถึงเมื่อตอนนั้นจังเลยน้า…”
มีช่องว่าง!
“นี่! มันอันตรายนะ!? กล้าดีนี่ที่มาสร้างช่องว่างกันแบบนี้น่ะ!”
“โชคร้ายหน่อยนะคะ ความชั่วร้ายของกองทัพจอมมารน่ะ แข็งแกร่งที่สุด เราจะต้องชนะให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตามค่ะ”
“จริงๆ เลยน้า น่ากลัวจังเลยนะเนี่ย…!”
แล้วการปะทะกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ท่านฟลูเรเทียหลบการฟันลงมาในแนวดิ่งของเราด้วยการพุ่งถอยหลัง เตะดาบของเราด้วยขาข้างนึง ก่อนจะเตะใส่เราด้วยขาอีกข้าง
หลังจากกระโดดหลบมา เราก็ฟันใส่ทั้งที่หมุนตัวไปด้วย
ท่านฟลูเรเทียก้าวหลบไปด้านข้าง ก่อนจะพุ่งหมัดใส่จุดที่เราจะแตะพื้นพอดี
เราหยุดมันด้วยการชี้คมของไดอาสไปทางนั้น และพยายามจะฟันแขนของเธอ ก่อนที่จะทันชักแขนนั่นกลับไป
แต่ว่า หมัดนั่นหมุนด้วยความเร็วเท่ากับดาบเลยทำให้ฟันไม่เข้า สถานการณ์พลิกทันทีเลย แขนที่เราใช้จับดาบก็ถูกจับไว้แน่นด้วยมือทั้ง 2 ข้างเลย
“อึก…!?”
“จับได้ซักทีนะ…! สมกับที่เป็นนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ ประมาทไม่ได้เลย แต่ ดิฉันก็ชนะแล้วล่ะนะ ถ้าไม่อยากให้แขนหักไปทั้งๆ อย่างนี้ล่ะก็ ยอมแพ้ซะดีๆ!”
“ใครจะ ไปยอม!”
ต่อให้แขนขวาเราหัก เราก็ใช้แขนซ้ายแกว่งดาบแทนก็ได้
ถ้าแขนอีกข้างก็ถูกหัก เราจะใช้ปาก ขา หรืออะไรก็ได้เพื่อจับดาบเอาไว้ให้ได้
แขนแค่ข้างเดียวน่ะ เรายกให้เลย
“จะหักก็ลงมือได้เลยค่ะ!? ยังไงท้ายที่สุด พวกเราจะเป็นฝ่ายชนะแน่ค่ะ!”
“เด็ดเดี่ยวดีมาก! แต่ว่า ดิฉันคือผู้ชนะล่ะนะ!”
ในตอนที่แขนเราถูกหัก จังหวะนั้น อีกฝ่ายต้องผ่อนคลายลงไปชั่วขณะแน่ๆ
จังหวะนั้นแหละ ต้องปล่อยมือจากไดอาส เปลี่ยนไปใช้มือซ้าย แล้วฟันใส่ทั้งๆ แบบนี้แล้ว
“อื้อออออกกก!”
“ฮุฮุฮุ หักแขนแบบนี้อาจจะหนักไปหน่อยสำหรับเด็กๆ ที่ยังทนความเจ็บปวดได้น้อยไปหน่อยนะ! ไม่ต้องกังวลไป จะหักให้เรียบร้อยดีเลย…”
“นี่ ทั้ง 2 คน อย่ามัวแต่สนุกตื่นเต้นกันเอง แล้วลืมฉันไปสิคะ?”
พอรู้ตัวอีกที ท่านฟลูเรเทียก็ปล่อยแขนเรา แล้วรีบถอยห่างออกไปเลย
แล้ว เลือดก็ไหลออกจากใบหูของเธอด้วย…
“เจ็บ เจ็บ…! เพราะแบบนี้ฉันถึงเกลียดกรงเล็บของแวมไพร์น่ะ! ก็เคยขอไว้แล้วนี่ว่าให้พวกแวมไพร์ตัดให้เรียบร้อยน่ะ! แถมไว้เล็บยาวมันยังไม่ดีต่อสุขอนามัยด้วยนะ!?”
“ให้ทำยังไงได้ล่ะคะ ถึงฉันจะตัดไปแค่ไหน มันก็งอกกลับมาอยู่ดีนี่คะ แถมยังคมด้วยนะคะเนี่ย”
เสียงนี้…!
“ลีน!”
คู่หู ผู้มีพระคุณ และเพื่อนสนิทของเรานี่เอง
ดูเหมือนลีนจะได้สติขึ้นมา หลังจากสลบไปสองสามนาทีสินะ
“ลีน ปลอดภัยดีสินะ! ร่างกาย ไม่เป็นไรนะ!?”
ดูเหมือนความเสียหายที่เธอได้รับจะไม่แย่ขนาดนั้นนะ
โล่งอกไปที…
“………อะ ……อึ- อื้อ …ม- ไม่เป็น ไร……”
อึม?
ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นอะไร แต่ลีนต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
เธอไม่หันมามองเราเลย แถมหน้าก็แดงด้วย…
“ก- เกิดอะไรขึ้น? บางอย่าง… แปลกๆ… ไม่จริงน้า ไม่สบายเหรอ!? หรือว่า เป็นผลจากความเสียหายจากที่ถูกโจมตีก่อนหน้านี้น่ะ!?”
“อะ ป- เปล่า… โยมิ…… ใกล้ไป……! อ่า……”
(นี่ดิฉันกำลังดูอะไรอยู่เนี่ย…)
“……อื้ออื้อ! …โยมิ ขอโทษที่ให้รอนะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“ร- เหรอ? งั้นก็ดีแล้วนะ”
หน้าเธอยังแดงๆ อยู่เลย แต่ดูแล้ว สภาพภายในของเธอยังแข็งแรงดีอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“ท่านฟลูเรเทีย ขอโทษที่ต้องให้คอยนานนะคะ จากนี้ไป ขออนุญาตร่วมสู้พร้อมกัน 2 คนอีกครั้งนะคะ”
“จ้า จ้า ไม่มีปัญหา จะบุกเข้ามาแบบคู่รักกันเลยได้นะ”
“? คู่รักเหรอ? …หมายถึงอะไรน่ะคะ?”
“คุ- คุคุ- คู่ คุคุ- คู่รัก!? ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ใจเย็นก่อนนะดิฉัน… นี่มันก็แค่แผนศัตรูนะ… ก็แค่แผนปั่นหัวให้เสียสมาธิ ทำให้ความสามารถการต่อสู้เสียไปเท่านั้นเอง……! ใจเย็นก่อน… ทำจิตให้ใสเหมือนกระจก ให้สงบเหมือนผิวน้ำนิ่ง… สุขุมเข้าไว้… ตั้งสติเข้าสิ…”
TN: 3 คำที่ลีนพูดกับตัวเองเป็นเหมือนวลีนะครับ
明鏡止水 (Meikyō shisui) แปลตรงๆ คือ “กระจกใสและน้ำนิ่ง” ความหมายคือ ใสและเงียบสงบ (เหมือนกระจกขัดเงา และผิวน้ำที่เรียบนิ่ง)
泰然自若 (Taizen jijaku) ความหมายคือ การควบคุมตัวเองให้สุขุมและใจเย็น
沈着冷静 (Chinchaku reisei) ความหมายคือ สงบ ใจเย็น และตั้งสติได้
ประมาณนี้ครับ
(ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำแบบนั้นเลยซักนิดนะ……)
“ป- เป็นอะไรไปน่ะ ลีน!? เธอดูแปลกๆ ไปจริงๆ นะ!?”
(มั่นใจเลยว่า ในใจของเด็กคนนี้ต้องกรีดร้องตะโกนดัง ‘เป็นความผิดของเธอนั่นแหละ!?’ อยู่แน่นอนเลย)
“ม- ม- ม- ไม่เป็นไร…… ฟู่ว งั้น เอาใหม่นะ… ขอโทษที่ต้องให้รออีกแล้วนะคะ ท่านฟลูเรเทีย”
“หน้าเธอแดงอยู่นะ ลีนจัง”
“หนวกหู! …ค่ะ!”
“ฮุฮุฮุ… เอาเถอะ ทำไมพวกเธอทั้งคู่ไม่เข้ามาพร้อมกันเลยล่ะ?… ดิฉันจะรับมือพวกเธอสุดฝีมือเลย”
“ลีน ระวังตัวนะ… คนคนนั้นน่ะ แข็งแกร่งกว่าเราซะอีก”
“รู้อยู่แล้วล่ะ โยมิ …อะ ท่านฟลูเรเทียคะ ฉันมีข่าวร้ายนิดหน่อยมาฝากท่านด้วยนะคะ”
“…อะไรงั้นเหรอ?”
“อาทิตย์ลับฟ้าแล้วนะคะ”
“อาระอาระ… การอวยพรจากดวงจันทร์ทำงานแล้วเหรอเนี่ย ก็รู้สึกได้ชัดเจนเลยล่ะว่าบรรยากาศรอบตัวเธอแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ น่ะ”
“ยังงั้นเหรอคะ? …ถ้างั้น นี่ก็ยกสุดท้ายแล้วค่ะ …นี่อาจจะหยาบคายกับผู้อาวุโสนะคะ แต่ว่า …พวกเราจะบดขยี้ท่านอย่างสุดกำลังเลยค่ะ”
“ฮุฮุฮุฮุ… เข้ามากันได้เลย! เอาล่ะ มาสนุกกันดีกว่า!”