บทที่ 998 สนามรบแห่งใหม่
บทที่ 998 สนามรบแห่งใหม่
ฉีเจินเอ่ยคำนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังบอกผู้อื่นว่าเรื่องในเรือนหลังไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ความปลอดภัยของอนุภรรยาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา หากมีเรื่องใดให้ไปหาภรรยาเอกเขาเอาเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงและแต่ละครอบครัวในสกุลสิงล้วนส่งเจ้าสาวอยู่ที่หน้าประตู
ถึงอย่างไรสิงเจียเวยก็เป็นคนสกุลสิง วันนี้เป็นวันที่นางออกเรือน คนในสกุลสิงย่อมต้องมาส่ง ถึงแม้ภายในใจพวกเขาจะดูแคลนการกระทำของสิงเจียเวยเป็นพิเศษ ยามนี้ก็ไม่ได้แสดงออกมา
ฉีเจินอยู่บนหลังม้า ด้านหลังมีเกี้ยวหลังหนึ่ง
ชาวบ้านเห็นฉากนี้ก็เริ่มพูดคุยเรื่องการแต่งงานของคุณหนูสกุลสิงอีกครั้ง
“คุณหนูสี่ผู้นี้ช่างโชคร้ายจริง ๆ สกุลหัวมาทาบทามสู่ขอ นางแต่งไปก็เป็นฮูหยินน้อย บัดนี้ไม่เพียงเป็นอนุ ฝ่ายชายยังอายุมากกว่าพ่อเสียอีก โชคร้ายจริง ๆ เลย”
“จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร? ข้ากลับรู้สึกว่าถูกคนใช้อุบายแล้ว?”
“ข้าได้ยินเรื่องหนึ่งมา หากพวกเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วจะต้องล้มเลิกการคาดเดาเมื่อครู่นี้อย่างแน่นอน”
“อะไรหรือ?”
“คุณชายรองสกุลหัวเป็นคนป่วย อยู่ได้ไม่นาน หากคุณหนูสี่สิงผู้นี้แต่งงานไปอาจกลายเป็นม่าย พวกเจ้าว่า เวลานี้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น เป็นเพียงอุบัติเหตุจริงหรือ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมองสิงเจียซือที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าเป็นคนมีวาสนา”
สิงเจียซือเอ่ย “วาสนาก็ต้องคว้ามาด้วยตนเอง”
“ไม่ผิด ดังนั้นเจ้าก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “การแต่งงานกับสกุลลู่นี้ยอดเยี่ยมยิ่ง เจ้าคงไม่โง่กระมัง?”
“ไม่อย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ดี” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “ได้ยินว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับสกุลลู่ไม่เลว ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ทำเรื่องโง่ ๆ”
หลังจากสกุลหัวกับสิงเจียเวยหารือเรื่องการแต่งงานแล้วก็ส่งเทียบเชิญออกไป กำหนดวันแต่งงานเรียบร้อย บัดนี้สิงเจียเวยกลายเป็นอนุภรรยา ตำแหน่งฮูหยินน้อยรองจวนหัวจึงว่างลง ตอนนี้เองผู้คนต่างคาดเดาว่าการแต่งงานนี้ไม่มีแล้ว การแต่งงานของคุณชายรองสกุลหัวอาจต้องรออีกระยะหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าสิงเจียเวยเพิ่งกลายเป็นอนุ ทางสกุลหัวก็มีข่าวออกมา ว่ากันว่าสกุลหัวกำลังจัดเตรียมงานแต่งให้คุณชายรอง
“ได้ยินว่าเป็นคุณหนูสกุลหวัง” ฉิงโหรวกล่าวขณะยกโจ๊กรังนกเข้ามา “คุณหนูหวังผู้นั้นเป็นซาลาเปานิ่ม*[1] ชื่อดังในเมืองหลวง เห็นได้ชัดว่า สกุลหัวเชี่ยวชาญในการเลือกซาลาเปานิ่ม”
“ก่อนหน้านี้สถานการณ์ร่างกายของคุณชายรองหัวมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ ดังนั้นเมื่อเอ่ยถึงการแต่งงานกับสกุลหัวจึงมีคนมากมายยินดี บัดนี้เรื่องพลิกผัน ผู้ใดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สกุลหัวจึงเลือกได้เพียงซาลาเปานิ่มแล้ว” สิงเจียซือเอ่ย “พี่หญิงสกุลหวังผู้นั้นนิสัยดีทีเดียว เพียงแต่ที่บ้านมีแม่เลี้ยงคอยจัดแจง สิ่งที่นางสวมใส่และประดับศีรษะล้วนเป็นของเก่าที่นิยมเมื่อสามปีก่อน หันไปมองน้องสาวของนาง ไม่ว่าด้านใดล้วนโดดเด่น การแต่งงานครั้งนี้หล่นใส่หัวนาง ไม่แปลกแม้แต่น้อย”
“ตอนนี้ดูแล้ว คุณหนูสี่ช่างกล้าดิ้นรนจริง ๆ ที่จริงแล้วนับว่ากล้าหาญมาก” ฉิงฮุ่ยเอ่ย “เพียงแต่เลือกไปเลือกมา ไยไม่เลือกดี ๆ เล่า กลับเลือก…”
ฉีเจินจริงอยู่ว่าตำแหน่งสูงส่งมีอำนาจ แต่เขามีภรรยาเอกแล้ว หากเป็นเพียงเรื่องอายุ ไม่นับเป็นอะไร เหตุที่ใคร ๆ ต่างมองว่าสิงเจียเวยโง่เขลา นั่นเป็นเพราะนางเลือกบุรุษที่มีภรรยาแล้ว ทำได้เพียงลงเอยด้วยการเป็นอนุภรรยา
ถึงแม้สกุลสิงจะไม่ดีดังแต่ก่อน อย่างไรก็ยังเป็นสกุลที่มีเกียรติ นางเป็นถึงบุตรสาวภรรยาเอกบ้านรอง อย่างไรก็ไม่ถึงขั้นต้องไปเป็นอนุ เห็นได้ชัดว่านางทำเรื่องโง่เขลาเพียงใดลงไป
“พี่หญิงสี่ผู้นั้นของข้าแต่ไรมาก็ไม่เคยยอมแพ้ นางไม่ยินดีแต่งเข้าสกุลหัว ไม่ยินดีแต่งให้รองแม่ทัพผู้นั้น ในเมื่อต้องการเลือกผู้ที่ดีกว่า เป็นเช่นนี้แล้ว ไยถึงไปเลือกเสนาบดีฉีเล่า? เกรงว่าระหว่างทางจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ท้ายที่สุดจึงลงเอยเช่นนั้น”
ไม่ว่าจะถูกซ้อนแผนหรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องที่สิงเจียซือต้องขบคิด อย่างไรเสียยามนั้นนางไม่อยู่ อีกทั้งผู้ที่อยู่ในยามนั้นก็แสร้งทำเป็นหูหนวกเป็นใบ้ ไม่มีทางเอ่ยถึงเรื่องนี้
สิงเจียเวยมีฐานะเป็นอนุ ไม่ต้องมีงานแต่ง เพียงแค่ต้องไปคารวะนายหญิงเท่านั้น
ฉู่หนิงจูนั่งด้านบน มองหญิงสาวผู้มีเสน่ห์คุกเข่าอยู่ตรงนั้น ดวงตายังคงเลื่อนลอย
จู่ ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่าตนมีท่าทีอย่างไรตอนที่เพิ่งแต่งให้ฉีเจิน
ในตอนนั้นหัวใจนางเป็นของผู้อื่น ไม่ยินยอมพร้อมใจแต่งให้ฉีเจิน ใบหน้าย่อมไร้ความยินดี ซึ่งไม่ต่างจากสิงเจียเวยในยามนี้นัก
เมื่อดูใบหน้านี้จากมุมมองของผู้อื่น ดูแล้วไม่เป็นมงคลนัก ไม่แปลกใจ เหตุใดนับแต่วันที่สองของการแต่งงาน ฉีเจินจึงไม่ย่างกรายเข้าไปในห้องของนางอีก กระทั่งนางเริ่มแสดงความอ่อนแอ ริเริ่มเอาอกเอาใจเขา เขาถึงได้เริ่มไปที่ห้องของนางในวันหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำของเดือน เช่นนี้จึงได้มีโอกาสให้กำเนิดลูกสองคน
จู่ ๆ ฉู่หนิงจูพลันรู้สึกเห็นใจสิงเจียเวยขึ้นมาบ้าง เพียงแต่ความเห็นใจก็ส่วนความเห็นใจ กฎเกณฑ์ที่อนุภรรยาต้องปฏิบัติตามยังคงต้องปฏิบัติตาม ยิ่งกว่านั้น นางเองก็รู้ว่าคุณหนูสี่สิงผู้นี้ไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่เห็นภายนอก
หมู่นี้เรื่องของสกุลสิงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง นางพอรู้เรื่องนี้มาบ้างเช่นกัน นอกจากนี้ ฉู่หนิงจูไปสู่ขอนางให้รองแม่ทัพในจวน ทว่าสกุลสิงกลับดูแคลน บัดนี้ดีนัก อีกฝ่ายยังคงเข้าจวนฉี เพียงแต่ไม่ได้แต่งให้กับรองแม่ทัพผู้นั้น หากแต่เป็นอนุภรรยาของฉีเจิน
“ภายหน้าเจ้าต้องดูแลนายท่านผู้เฒ่าให้ดี” ฉู่หนิงจูเอ่ย “ข้าไม่ชอบเสียงดัง ไม่มีเรื่องไม่ต้องมาคารวะข้า เจ้าใช้ชีวิตของตนไปก็พอ”
สิงเจียเวยหลุบตาลงแล้วขานตอบเจ้าค่ะ
“หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เจ้ากลับห้องของตนไปเถอะ คืนนี้นายท่านผู้เฒ่าจะไปหาเจ้า เจ้ารอปรนนิบัติเถิด!”
“เจ้าค่ะ”
“นี่เป็นสาวใช้สองคนของเจ้าหรือ?” ฉู่หนิงจูมองสาวใช้แต่งตามข้าง ๆ สิงเจียเวย “ในเมื่อใช้สอยได้ง่าย ข้าก็ไม่จัดแจงให้เจ้าแล้ว หากเจ้ารู้สึกว่าคนไม่พอใช้ ให้พ่อบ้านเตรียมการให้ได้”
“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”
เมื่อออกมาจากห้องของฉู่หนิงจู เซียงเสวี่ยก็เอ่ยขึ้น “ฮูหยินฉีดูมีเมตตา ดูเหมือนคุณหนูอยู่ที่นี่ก็มีชีวิตที่ดีได้นะเจ้าคะ”
“ดีหรือ?” สิงเจียเวยมองเซียงเสวี่ย “เป็นอนุผู้อื่น เจ้าคิดว่าดีนักหรือ?”
เซียงเสวี่ยไม่กล้าปริปากอีกต่อไป
สิงเจียเวยมองท้องฟ้าด้านนอก “ข้าไม่ยินยอม”
เหตุใดแผนที่วางไว้จึงสูญเปล่า?
เหตุใดยิ่งต้องการยิ่งไม่มีสิ่งใด?
หากนี่เป็นโชคชะตาของนาง นางไม่เชื่อในโชคชะตานี้
ฮูหยินฉีไม่ได้เยาว์วัยอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ยามเยาว์งดงามหลายส่วน ทว่าบัดนี้กลับตามหญิงสาวอย่างพวกนางไม่ไหว
ในเมื่อนางขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงปีนป่ายขึ้นไป
“เซียงเสวี่ย ผงหอมที่ท่านแม่ให้ข้า เอามาด้วยหรือไม่?”
“เอามาแล้วเจ้าค่ะ”
“อีกประเดี๋ยวข้าจะเข้าไปอาบน้ำ เจ้าเตรียมผงหอมให้ข้า” สิงเจียเวยเอ่ย “ในเมื่อเข้ามาอยู่ในจวนฉีแล้ว ต่อไปที่นี่จะเป็นสนามรบแห่งใหม่ของข้า”
[1] ซาลาเปานิ่ม หมายถึง คนหัวอ่อน เมื่อถูกรังแกก็ไม่กล้าพูดอะไร
—————————————————-