สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 995 กำหนดวันแต่งงาน

บทที่ 995 กำหนดวันแต่งงาน

บทที่ 995 กำหนดวันแต่งงาน

บทที่ 995 กำหนดวันแต่งงาน

เรือนชิงเวย

เคร้ง! เคร้ง! เพล้ง!

เครื่องลายครามชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกปาลงบนพื้น เกิดเป็นเสียงแตกเสียดแก้วหู สาวใช้ที่เฝ้าประตูไม่กล้าก้าวเข้าไปข้างใน ทำได้เพียงยืนฟังเสียงตัวสั่นเทิ้ม

ฮูหยินรองสิงรุดมา เมื่อได้ยินเสียงจากข้างในก็ไม่กล้าก้าวเข้าประตู อันดับแรกจึงส่งเสียงเข้าไปก่อน “เวยเอ๋อร์ อย่าได้สร้างปัญหา หากไปรบกวนท่านย่าเจ้า ถึงตอนนั้นหากนางส่งเจ้าไปอยู่ที่หมู่บ้าน เจ้าจะต้องร้องไห้”

เสียงข้างในหยุดลงแล้ว

จากนั้นก็มีเสียงร้องไห้ดังออกมา

ฮูหยินรองสิงเดินเข้าไป มองสิงเจียเวยที่นอนอยู่บนเบาะนุ่มกำลังร้องห่มร้องไห้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมา

“ร้องไห้ ๆๆ เอาแต่ร้องไห้” ฮูหยินรองสิงขึ้นเสียง “หากสิงเจียซืออ่อนแออย่างเจ้า ไม่รู้ว่าต้องตายไปกี่ครั้งกี่หนแล้ว”

สิงเจียเวยลุกขึ้นแล้วเอ่ยกับฮูหยินรองสิง “แน่นอนว่าข้าไม่มีความสามารถอย่างสิงเจียซือ แม้กระทั่งท่านซื่อจื่อจวนท่านอ๋องลู่ยังหลงใหลในตัวนาง ทั้งยังยินดีแต่งกับหญิงกำพร้าพ่อกำพร้าแม่อย่างนาง ข้าอยากถามสิงเจียซือนักว่านางใช้คาถาใด เหตุใดแม้กระทั่งเรื่องที่หยางเซียงจวินทำไม่ได้ นางกลับทำได้”

“ตอนนี้ทั่วทั้งจวนสิงนับแต่บนลงล่างล้วนยินดีปรีดา คำพูดเหล่านี้ของเจ้าไม่อาจให้ผู้อื่นได้ยินเป็นอันขาด” สิ้นคำ ฮูหยินรองสิงก็หันไปเอ่ยกับบ่าวรับใช้ข้าง ๆ “ยืนนิ่งทำอะไร? พวกเจ้าแต่ละคนล้วนตาบอดกันไปหมดแล้วหรือ? หากเศษกระเบื้องบนพื้นพวกนี้บาดคุณหนู พวกเจ้าได้เห็นดีแน่ ไยยังไม่รีบทำความสะอาดอีก!”

“เจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้อย่าได้บอกฮูหยินผู้เฒ่า หากข้ารู้ว่าผู้ใดปากมากจะขายพวกเจ้าไปที่ที่สกปรกโสมมที่สุด”

“บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ”

ฮูหยินรองสิงมองดูเศษกระเบื้องบนพื้น ราวกับปวดใจกับอะไรบางอย่าง

ถึงแม้จะกล่าวว่าสิงเจียซือนำสินเดิมของแม่นางกลับคืนไปแล้ว ของเก่าแก่โบราณภายในจวนทั้งหมดล้วนอยู่ที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าเครื่องลายครามเหล่านี้ก็เป็นเงินเป็นทองเช่นกัน หลังจากสิงเจียเวยระบายความโกรธเช่นนี้ แม้ความโมโหของนางจะลดลงแต่สกุลสิงกลับสูญเสียเงินไปจำนวนมาก

“ภายหน้าโกรธก็โกรธ ไม่จำเป็นต้องขว้างปาข้าวของมากเพียงนี้ ตอนนี้สถานการณ์ของสกุลเราเป็นอย่างไรเจ้าไม่รู้หรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นสิงเจียซือ มีสินเดิมของมารดา และตนเองยังมีกิจการหรือไร?”

“กรี๊ดดดด!” สิงเจียเวยกรีดร้องเสียงดัง ราวกับคลุ้มคลั่งไปแล้ว “ท่านอย่าได้เอ่ยถึงสิงเจียซือได้หรือไม่ ข้าไม่อยากได้ยินชื่อนี้อีก”

“พอได้แล้ว” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “สิงเจียซือกำลังจะแต่งเข้าจวนลู่ ตอนนี้คนทั่วทั้งจวนสิงล้วนเห็นนางเป็นบรรพบุรุษไปแล้ว เจ้าก็อย่าได้ไปยุ่งกับนางอีก”

แววตาของสิงเจียเวยเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย

“ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการแต่งกับสกุลหัว” สิงเจียเวยเอ่ย “คุณชายรองสกุลหัวเป็นคนป่วย ก่อนหน้านี้เพราะเหตุนี้จึงอยากให้สิงเจียซือแต่งไป ตอนนี้สกุลลู่ต้องการแต่งกับสิงเจียซือ การแต่งงานกับสกุลหัวนี้จึงหล่นใส่หัวข้า ข้าไม่แต่ง! หากท่านคิดจะโยนข้าลงกองไฟกองนี้ ข้าแขวนคอตายอยู่ในสกุลสิงเสียดีกว่า”

“ตายไม่ตายอะไร? อย่าได้กล่าวคำไม่ดีเหล่านี้” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “สกุลหัวไม่ใช่ที่ที่ดีอะไร แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ให้เจ้าแต่งไปที่นั่น”

“เช่นนั้นท่านมีวิธีใด?” สิงเจียเวยได้ยินฮูหยินรองสิงกล่าวเช่นนั้นก็รู้สึกชื้นใจขึ้นมา

เมื่อครู่นี้นางแทบบ้า ประการแรกเป็นเพราะอิจฉาสิงเจียซือที่ได้คู่ครองที่ดีเพียงนั้น ประการที่สองเป็นเพราะการแต่งงานกับสกุลหัวนี้หล่นใส่หัวนาง นางไม่ยินยอม

ผู้อื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่านางกระจ่างแจ้งดี เหตุที่สกุลหัวยินดีลดตัวมาเกี่ยวดองกับสกุลสิง นั่นเป็นเพราะคุณชายรองจวนหัวของพวกเขาเป็นคนป่วยแต่กำเนิด กล่าวให้น่าฟังหน่อย สกุลหัวหาคนมาจัดงานมงคลขจัดเสนียดจัญไร หากกล่าวอย่างไม่น่าฟังก็คืออยากจะจัดงานแต่งให้เขาก่อนที่เขาจะตาย ถ้าโชคดีอาจหลงเหลือลูกที่บิดาทิ้งไว้หลังตายไป

ฮูหยินรองสิงและสิงเจียเวยรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ดังนั้นจึงพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะหาทางปัดการสู่ขอของสกุลหัวออกไป อีกทั้งยังพยายามผลักสิงเจียซือออกไปรับหน้าแทน

เห็น ๆ อยู่ว่าฮูหยินรองจวนหัวต้องตาสิงเจียซือ ทั้งสองสกุลกำลังจะกำหนดเรื่องการแต่งงานแล้ว จู่ ๆ สกุลลู่ก็คิดจะแย่งชิงเจ้าสาว ท้ายที่สุดการแต่งงานนี้จึงหล่นใส่หัวนาง

นางยังเยาว์วัย ย่อมไม่มีทางยินยอมแต่งไปเป็นม่าย ดังนั้นการแต่งงานครั้งนี้จะต้องปฏิเสธให้ได้

“ลูกรักเจ้าฟังแม่ การแต่งงานกับสกุลหัวนี้ไม่ง่ายที่จะถอย ข้าขบคิดไปมาและเห็นว่า เจ้าคงทำได้เพียงแสร้งป่วยแล้ว” ฮูหยินรองสิงกล่าว

“แสร้งป่วยหรือ?” สิงเจียเวยขมวดคิ้ว “อย่างนี้จะได้ผลหรือเจ้าคะ?”

“เราทำได้เพียงลองดู” ฮูหยินรองเอ่ย “บอกกับข้างนอกว่าเจ้ามีโรคแปลกประหลาดบางอย่าง เหล่าท่านหมอล้วนรักษาไม่ได้ รอเรื่องสกุลหัวผ่านไปก็บอกว่าเจ้าพบหมอเทวดาจึงรักษาจนหายขาด”

“เรื่องนี้ต้องปรึกษากับท่านพ่อหรือไม่เจ้าคะ?”

“พ่อของเจ้าสนใจเรื่องนี้หรือ? เขาสนใจแค่เพียงโบตั๋นจากหอร้อยบุปผาเท่านั้น” ฮูหยินรองสิงยิ้มหยัน “เอาละ ฟังแม่ แม่ไม่มีทางทำร้ายเจ้า นี่เป็นเพียงทางเดียวที่เราทำได้”

“ท่านแม่ ในเมื่อต้องแสร้งป่วย ไม่สู้…” สิงเจียเวยลดเสียงลงแล้วกล่าว “ท่านซื้อยามาให้มากหน่อย พวกเราให้สิงเจียซือกินด้วย”

“ลูกรัก สิงเจียซือต้องตาสกุลลู่แล้ว หากเรื่องที่พวกเราลงมือถูกสกุลลู่พบเข้า นั่นคงเป็นเคราะห์ร้าย” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “เจ้าลืมแล้วหรือ? ท่านหมอทั้งหุบเขาเทพโอสถล้วนฟังคำสั่งของพระชายาลู่ พวกเขาต้องการท่านหมอเท่าใดก็มีท่านหมอเท่านั้น ท่านหมอเหล่านั้นล้วนเป็นท่านหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า”

“ข้าไม่อยากให้สิงเจียซือแต่งเข้าจวนท่านอ๋องลู่” สิงเจียเวยเข้าไปกอดแขนฮูหยินรองสิงแล้วเอ่ย “หากนางแต่งไปเป็นนายหญิงของจวนท่านอ๋องลู่ ชั่วชีวิตนี้ของข้าต้องคำนับนาง ท่านแม่ บ้านรองของเราถูกบ้านใหญ่ข่มมาหลายปีเพียงนี้ หรือว่าท่านอยากเห็นลูกสาวของท่านถูกสิงเจียซือข่มไปทั้งชีวิต?”

คุณหนูสี่สกุลสิงเป็นโรคแปลกประหลาด เล่าลือกันว่าแม้กระทั่งหมอหลวงยังไม่อาจรักษาได้

มีบางคนกล่าวว่าคุณหนูห้าสิงก็ป่วยเป็นโรคประหลาดเช่นกัน ทว่าทันทีที่มีข่าวลือนี้ออกมา ท่านหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดยี่สิบคนทั่วทั้งเมืองหลวงก็ไปที่สกุลสิงเพื่อทำการรักษาแล้ว

ไม่นานนักก็มีข่าวลือออกมาว่าคุณหนูสี่สิงป่วยเป็นโรคประหลาดเพราะแพ้ภัยตนเอง

สิงเจียเวยป่วยเป็น ‘โรคประหลาด’ จึงไม่ออกจากบ้าน แม้กระทั่งใบหน้ายังต้องทาขี้ผึ้งที่กลิ่นไม่พึงประสงค์หลายชนิด นั่นก็เพื่อแสดงละครฉากนี้ให้สมบูรณ์

ตอนนี้ผู้คนล้วนกล่าวว่าท่านหมอชื่อดังทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนไปหาสิงเจียซือ สิงเจียเวยจึงได้รู้ว่าแม่ของนางกล่าวได้ถูกต้อง คิดจะใช้วิธีนี้ขวางไม่ให้สิงเจียซือแต่งเข้าสกุลลู่นั้นเป็นไปไม่ได้ บางทีแม้กระทั่งแผนการของนางเองก็อาจถูกเปิดโปง

ไม่ว่าสิงเจียเวยจะไม่ยินยอมเพียงใด ยามนี้จำต้องระงับแผนการน่ารังเกียจเหล่านั้นไว้ก่อน ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับการทำร้ายสิงเจียซือ นางต้องการหลบหนีจากหุบเหวสกุลหัวเสียยิ่งกว่า

พระชายาลู่กับท่านอ๋องลู่มาสู่ขอลูกสะใภ้ด้วยตนเอง

เมื่อเทียบกับความบุ่มบ่ามของลู่ฉาวอวี่ ท่านอ๋องลู่กับพระชายาลู่มาเยี่ยมเยือนด้วยตนเองกลับเป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนรู้ว่า สกุลสิงได้ปีนป่ายต้นไม้ใหญ่แล้วจริง ๆ ทั้งยังเป็นต้นที่สูงที่สุดหากไม่นับราชวงศ์ด้วย

คนทั้งสกุลสิงต่างรอคอยลู่อี้และภรรยามาสู่ขออย่างเคารพนบนอบ จากนั้นทั้งสองสกุลก็แลกเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้นและกำหนดวันแต่งงาน

“เดือนหน้าหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “รีบร้อนเกินไปหน่อยหรือไม่?”

“รีบหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากไม่ต้องเตรียมสิ่งของมากมาย ข้ายังอยากให้เร็วยิ่งกว่านี้อีก”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Score 10
Status: Completed
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

Options

not work with dark mode
Reset