บทที่ 991 ใต้เท้าลู่น้อยมาสู่ขอแทนผู้ใด?
บทที่ 991 ใต้เท้าลู่น้อยมาสู่ขอแทนผู้ใด?
สิงเจียซือตามแม่นมเฉียนเข้าไปในห้องปีกข้างของฮูหยินผู้เฒ่าสิง
มีสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าสิง สตรีผู้นั้นถือได้ว่าเป็นคนคุ้นเคย อย่างไรเสียหมู่นี้นางก็มักจะมาสกุลสิงอยู่บ่อยครั้ง ไม่ต้องเอ่ยถึงสิงเจียซือ แม้กระทั่งบ่าวรับใช้ในจวนล้วนจดจำใบหน้านี้ได้ดี
“แม่นางห้ายิ่งโตยิ่งงดงามเสียจริง” ฮูหยินรองหัวกล่าว “อวิ๋นเอ๋อร์ของเรานับว่ามีวาสนาแล้ว”
สิงเจียซือค้อมคำนับ “คารวะท่านย่า คารวะฮูหยินหัว”
ถึงแม้สีหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง ทว่าภายในใจกลับสั่นระรัว
ฮูหยินรองหัวหมายความว่าอย่างไร?
อวิ๋นเอ๋อร์อะไรกัน?
มีวาสนาอะไรกัน?
นางกำลังเอ่ยอะไรอยู่?
“วันนี้ฮูหยินรองมาทาบทามสู่ขอเจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “บิดามารดาเจ้าไม่อยู่แล้ว เรื่องสำคัญในชีวิตเจ้า ข้าจะตัดสินใจเอง ข้ารับปากการแต่งงานครั้งนี้แล้ว”
“ท่านย่า ท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?” สิงเจียซือเอ่ย “คุณชายหัวไม่ได้แต่งกับสกุลทังแล้วหรือ? หรือท่านย่าคิดจะให้ข้าแต่งเข้าสกุลหัวไปเป็นอนุ?”
“ดูเจ้าพูดเข้าสิ” ฮูหยินรองหัวยิ้มแย้มพลางกล่าวว่า “เจ้าเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของจวนสิง จะให้ไปเป็นอนุได้อย่างไร? ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าแม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินดี ข้าเองก็ไม่ยินดี! เจี๋ยเอ๋อร์ของเราแต่งกับคุณหนูสกุลทังแล้วจริง ๆ วันแต่งก็กำหนดแน่นอนแล้ว เดือนหน้านี้ก็จะแต่งกัน วันนี้มาทาบทามสู่ขอเจ้า ไม่ได้สู่ขอให้คุณชายใหญ่ของจวนหัว หากแต่เป็นหัวเฉิงอวิ๋นคุณชายรองหัว”
“คุณชายรอง?” สิงเจียซือกล่าว “ถึงแม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาข้าจะไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ในเมืองหลวง ทว่าสถานการณ์ในจวนหัวก็นับว่าเข้าใจอยู่บ้าง แต่ไรมาไม่เคยได้ยินว่าสกุลหัวมีคุณชายรองมาก่อน”
“จวนหัวมีคุณชายใหญ่ คุณชายสาม คุณชายสี่ จะไม่มีคุณชายรองได้อย่างไร?” ฮูหยินรองหัวกล่าว “คุณชายรองก็เป็นลูกข้าเช่นกัน เพียงแต่เขาเติบใหญ่มากับท่านยายจึงไม่เคยเผยหน้าค่าตาอยู่ในเมืองหลวง บัดนี้เขาถึงวัยแต่งงานแล้ว ข้าที่เป็นมารดาควรจัดการเรื่องการแต่งงานให้เขา เจ้าลูกคนนั้นของข้าไม่ชอบกุลสตรีสกุลใหญ่ที่หมกตัวอยู่แต่เรือนหลัง ชอบคนร่าเริง หัวเราะเฮฮาอย่างคุณหนูห้าสิงที่ได้พบปะผู้คนมามากมาย ทั้งยังรอบรู้ เมื่อข้าเอ่ยถึงคุณหนูห้าสิง เจ้าเด็กคนนั้นก็สนใจขึ้นมาทันที”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกลับไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ารู้ความตั้งใจของฮูหยินรองหัวอยู่แล้ว
มิน่าเล่า เหตุใดครานั้นฮูหยินผู้เฒ่าสิงกลับมาจากจวนหัว ถึงได้ดูผ่อนคลายเพียงนั้น ที่แท้ตั้งแต่ตอนนั้นนางก็รู้แล้วว่าจวนหัว แต่ไรมาก็ไม่ใช่ต้องการสู่ขอนางให้คุณชายใหญ่ แต่เป็นคุณชายรองผู้นั้นที่สิงเจียซือไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
“ข้าไม่แต่ง” คุณหนูห้าเอ่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมีสีหน้าไม่น่าดูชม “ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้เจ้ายุ่งวุ่นวาย เด็ก ๆ พาคุณหนูห้าออกไป”
รอยยิ้มบนใบหน้าฮูหยินรองหัวเลือนหายไป นางเอ่ยขึ้นว่า “ช้าก่อน”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “ฮูหยินรองอย่าโมโห นังหนูคนนี้ขี้อาย รอข้าอธิบายให้นางฟังเสียก่อน นางจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน พวกเราในฐานะสตรี ช้าเร็วก็ต้องแต่งงานสักวัน เป็นนางที่ไม่อาจตัดใจไปจากครอบครัว อย่างไรก็ไม่อาจให้นางกลายเป็นสาวแก่ทึนทึกอยู่ที่บ้านตลอดชีวิตได้”
“แม่นางห้า อาจเป็นเพราะไม่เคยได้ยินเรื่องเจ้ารองในจวนเราจึงได้ไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ เจ้ารองสกุลเราไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่ชายของเขา เพียงแต่เพราะเขาเติบใหญ่มาในบ้านท่านยายจึงไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้ วันหลังข้าจะพาเจ้าไปพบกับเขา”
“ข้าไม่สนใจคุณชายรองจวนท่าน” สิงเจียซือเอ่ย “ส่วนเหตุผลที่ไม่อยากแต่งงานนั้นเป็นเพราะ… ข้ามีบุรุษในใจอยู่แล้ว”
“เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ
สิงเจียซือตัดสินใจยกหม้อที่แตกแล้วทุ่มลงกับพื้น ใช้ชื่อเสียที่มีแต่เดิมมาสานต่อให้กลายเป็นความจริง “หลายปีมานี้ข้าเดินทางไปทั่วทุกหัวระแหง พบปะผู้คนมากมาย รวมไปถึงคนที่โดดเด่น ทั้งยังมีคุณสมบัติไม่เลวมาไม่น้อย ระหว่างนี้พบกับคนที่พึงใจบ้าง มีอะไรแปลกหรือ?”
“เช่นนั้น แม่นางห้าสิงช่วยบอกได้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใด เพียงแค่บอกข้ามาว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใด ข้าจะส่งคนไปสืบให้ชัดเจน หากเจ้าทั้งสองใจตรงกันจริง เช่นนั้นสกุลหัวเราย่อมไม่พรากคนรักจากกันและยอมแพ้ หากเป็นเพียงความรักของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้นเจ้าทำตามการจัดแจงของครอบครัว ไปเป็นฮูหยินน้อยรองของจวนหัวเราเถอะ”
“ข้า…”
ข้างนอกเกิดเสียงดังเอะอะขึ้นมา
เมื่อได้ยินเสียงดังจากข้างนอก ฮูหยินผู้เฒ่าสิงจึงเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน “ผู้ใดส่งเสียงดังอยู่ข้างนอก”
“ท่านแม่…” เสียงของฮูหยินรองสิงดังขึ้น
ไม่นานนัก ฮูหยินรองสิงก็สาวเท้าเข้ามา ชี้ไปข้างนอกพลางกล่าว “ข้างนอก… ข้างนอก…”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าสิงเห็นท่าทีของฮูหยินรองจึงผลุนผลันลุกขึ้น มองนางด้วยความร้อนใจ “ข้างนอกมีอะไรกัน?”
หรือว่าเกิดเรื่องแล้ว?
สกุลสิงของพวกเขาไม่ได้มีขุนนางในราชสำนัก ดังนั้นไม่ควรเกิดเรื่องใหญ่โตร้ายแรงอะไรกระมัง? หรือว่าเป็นนายท่านรองสิงและนายท่านสามสิงก่อเรื่องอีก?
“ใต้เท้าสกุลลู่มาแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินรองสิงกล่าว “ทั้งยังพาเจ้าหน้าที่มาหลายคนด้วย”
ฮูหยินรองหัวสีหน้าแปรเปลี่ยนฉับพลัน นางเอ่ยว่า “ไยจวนพวกท่านไปล่วงเกินสกุลลู่ได้?”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงแทบลมจับ
นางรู้มาเนิ่นนานแล้วว่า ในชั่วอายุคนนี้ ลูกหลานแต่ละคนล้วนไม่มีทีท่าว่าจะรุ่งเรือง เดิมทีนางคิดจะปูทางให้พวกเขาก่อนตาย ให้สตรีในสกุลสิงได้ออกเรือนไปดี ๆ หน่อย ภายหน้าจะได้คอยช่วยเหลือพวกเขา นึกไม่ถึงว่านางไม่ทันได้เตรียมการให้ดี ไม่ทันไรสกุลสิงก็ต้องประสบปัญหาใหญ่แล้ว
“ยืนนิ่งอยู่ไย? ยังไม่รีบพาข้าออกไปดูอีก!”
เมื่อสิงเจียซือได้ยินว่าใต้เท้าสกุลลู่มาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นลู่ฉาวอวี่
นางอดนึกสงสัยไม่ได้ หรือว่าคนสกุลสิงก่อเรื่องใหญ่โตแล้วจริง ๆ มิเช่นนั้นจะดึงดูดคนจากสำนักตรวจการมาได้อย่างไร?
หรือว่า…
ลู่ฉาวอวี่ได้ยินว่าสกุลหัวมาทาบทามสู่ขอนาง จึงจงใจเลือกเวลานี้มาสร้างปัญหา สกุลหัวจะได้เห็นว่าสกุลสิงทำให้สกุลลู่ขุ่นเคืองและไม่กล้าสู่ขออีก
ก่อนหน้านี้เหตุใดนางนึกไม่ถึงว่ามีวิธีนี้กันนะ?
หากคิดได้แต่เนิ่น ๆ คงขอให้ลู่ฉาวอวี่นำผู้ใต้บังคับบัญชาจากสำนักตรวจการมาข่มขวัญคนแล้ว ทั่วทั้งเมืองหลวงจะต้องไม่มีบุรุษใดกล้าแต่งกับนางแม้เพียงผู้เดียวเป็นแน่
แน่นอนว่าลูกหลานของสกุลสิงย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน นี่ช่างเป็นกลยุทธ์ที่ใช้การไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นภัยอยู่เล็กน้อย
“ใต้เท้าลู่น้อย นี่ท่าน…”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงรุดไปที่ลานหน้าบ้านพร้อมกับบ่าวรับใช้
ลู่ฉาวอวี่สวมใส่เครื่องแต่งกายขุนนาง ด้านข้างมีกล่องจำนวนมากวางอยู่ กล่องเหล่านั้นผูกผ้าไหมสีแดง ดูไปแล้วแปลกพิกล
เจ้าหน้าที่ทางการหลายสิบคนจากสำนักตรวจการยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เคร่งขรึมน่าเกรงขาม ดูแล้วชวนให้คนหวาดกลัว
“ฮูหยินผู้เฒ่าสิง” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยเรียบ ๆ “วันนี้ข้ามาเยี่ยมเยือนในฐานะผู้เยาว์ ไม่ใช่ในฐานะผู้ตรวจการของสำนักตรวจการ”
“ไม่ได้มาเยี่ยมเยือนในฐานะผู้ตรวจการของสำนักตรวจการหรือ? เช่นนั้นท่านมาครานี้…”
ลู่ฉาวอวี่ผายมือ เชื้อเชิญให้ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมองกล่องที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมองกล่องที่ผูกด้วยผ้าไหมสีแดงเหล่านั้น ในสมองพลันเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมา นางก็ต้องส่ายศีรษะสลัดมันทิ้งไปทันที
ไม่มีทาง!
ท่านที่อยู่ตรงหน้าเป็นคุณชายใหญ่สกุลลู่ เป็นซื่อจื่อจวนท่านอ๋องลู่ คนที่ภายหน้าต้องสืบทอดบรรดาศักดิ์จากบิดา
เขาจะตกหลุมรักสาวสกุลสิงได้อย่างไร?
บัดนี้สกุลสิงมีหญิงสาวที่ปักปิ่นแล้วเพียงสองคน ผู้หนึ่งเป็นเจ้าสี่ ผู้หนึ่งเป็นเจ้าห้า ท่าทีเช่นนั้นของเจ้าสี่ แม้กระทั่งเป็นคนสวมรองเท้าให้ใต้เท้าลู่น้อยยังไม่คู่ควร ส่วนเจ้าห้า….
ยิ่งไม่อาจเป็นไปได้แม้แต่น้อย
ฮูหยินรองหัวก็ตามออกมาแล้วเช่นกัน
เมื่อนางเห็นกล่องเหล่านั้นในลานบ้าน สีหน้าพลันแปลกไป
“ใต้เท้าลู่น้อย ครานี้ท่านมาสู่ขอแทนผู้ใดหรือ?” ฮูหยินรองหัวเอ่ยถาม