บทที่ 445 ฉันต้องปิดหูไหม
บทที่ 445 ฉันต้องปิดหูไหม
เมื่อไปถึงสถานีรถไฟเมืองกว่างโจว คณะทำงานของเมืองกว่างโจวก็มารออยู่แล้ว
เซี่ยชิงหยวนก็เห็นฉู่ซิงอวี่อยู่ด้วยเช่นกัน
ฉู่ซิงอวี่ทักทายพวกเขาแล้วพูดว่า “รถจอดรออยู่ด้านนอกแล้วครับ ผมมารับเลขาธิการเสิ่นและคุณนายครับ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณนะผู้ช่วยพิเศษฉู่”
ฉู่ซิงอวี่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งในปีนี้ เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากผู้ช่วยสำนักงานเลขาธิการเป็นผู้ช่วยพิเศษ
ฉู่ซิงอวี่ยิ้มตอบรับ “เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับคุณนาย”
ตงวั่งชุนมองดูพวกเขาทั้งสองทักทายกันอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็เหลือบมองเสิ่นอี้โจวอย่างเงียบ ๆ และเห็นว่าเสิ่นอี้โจวดูเหมือนไม่ใส่ใจเลย
ฉู่ซิงอวี่เปิดประตูรถแล้วเชิญให้เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนเข้าไป แต่เมื่อตงวั่งชุนต้องการติดตามเข้าไปในรถ เขาก็ปิดประตูรถทันที
ตงวั่งชุนมองฉู่ซิงอวี่ด้วยท่าทางงุนงง “ผู้ช่วยพิเศษฉู่?”
ฉู่ซิงอวี่ยิ้ม “มีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ผมต้องรายงานให้เลขาธิการเสิ่นทราบ นอกจากนี้เลขาธิการเสิ่นยังมีแผนอื่นอีก ดังนั้นผู้ช่วยตงไปที่ห้องพักรับรองกับคนในหน่วยก่อนได้เลยครับ”
ตงวั่งชุนเหลือบมองเซี่ยชิงหยวนในรถแล้วแสดงสีหน้าเหมือนจะถามว่า ‘ในเมื่อมันเป็นความลับ แล้วทำไมเซี่ยชิงหยวนถึงอยู่ในรถได้?’
ฉู่ซิงอวี่ไม่ได้ให้คำตอบอะไรแก่เธอทั้งนั้น และแสดงท่าทีเชิญชวนให้เธอไปที่รถอีกคัน
ตงวั่งชุนยิ้มตอบ “ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณนะคะ ผู้ช่วยพิเศษฉู่”
ฉู่ซิงอวี่อธิบายกับคนขับรถและเดินไปขึ้นยังที่นั่งคนขับ “เลขาธิการเสิ่น เราไปกันเลยนะครับ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “อืม”
เมื่อเห็นแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ทำท่าเหมือนจะปิดหูของเธอแล้วยิ้ม “ฉันจำเป็นต้องปิดหูของฉันไหม?”
ฉู่ซิงอวี่หัวเราะ “คุณนายเสิ่น คุณไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอกครับ พวกเราแค่จะไปกินอาหารเท่านั้นเอง”
เซี่ยชิงหยวน “หืม?”
เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวไม่พูด ฉู่ซิงอวี่จึงพูดต่อ “เลขาธิการเสิ่นบอกว่าภรรยาของเขาอยากกินโจ๊กหม้อทะเล ดังนั้นวันนี้เราจะพาคุณไปกินกันครับ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้ฉู่ซิงอวี่ทันที “ขอบคุณนะ”
เสิ่นอี้โจวยื่นมือออกไปแตะปลายจมูกเธอ “หลายวันต่อจากนี้ผมอาจจะไม่มีเวลาไปกับคุณ ดังนั้นวันนี้ผมต้องไปกินข้าวกับคุณให้ได้ไงล่ะ”
เซี่ยชิงหยวนดูเสียใจไม่น้อยพอได้ยินแบบนั้น “นี่เป็นครั้งแรกของเราที่มาเมืองกว่างโจวด้วยกัน ฉันคิดว่าเราจะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ในการเดินเล่นด้วยกันซะอีก”
เสิ่นอี้โจวยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันบ้างแน่นอน”
เธอรู้ว่าเสิ่นอี้โจวจะต้องยุ่งมากแน่ ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงไม่คิดจริงจังกับคำพูดของเขาเท่าไหร่ ไม่ว่ายังไงเธอก็มาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือของธุรกิจตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว และในชาติก่อนเธอก็เคยอาศัยอยู่ในเมืองกว่างโจวมาก่อนด้วย
เธอแค่อยากจะใช้โอกาสนี้พาเสิ่นอี้โจวไปเที่ยวรอบ ๆ เสียหน่อย
พวกเขาทั้งสามไปที่ร้านอาหารเก่าแก่ของเมืองเพื่อกินโจ๊กหม้อทะเล และสั่งห่านย่าง หอยนางรมกระทะ ลูกชิ้นเนื้อ และก๋วยเตี๋ยว
ยกเว้นห่านย่างซึ่งเซี่ยชิงหยวนชิมไปเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นที่เหลือเธอกินไปมากมายและพึงพอใจกับมันอย่างมาก
เมื่อเสิ่นอี้โจวเสนอให้ซื้ออาหารอีกส่วนหนึ่งกลับไปที่ห้องพักเพื่อกินในภายหลัง เซี่ยชิงหยวนก็ปฏิเสธ “ไม่ดีกว่า ไม่ว่าเราจะชอบอาหารพวกนี้มากแค่ไหน แต่ถ้าคุณกินมันมากเกินไปเราจะเบื่อเอาได้นะ คืนนี้ฉันยังมีอย่างอื่นที่อยากกินด้วย เอาไว้ก่อนกลับเราค่อยมาที่นี่อีกครั้งก็ไม่สาย”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “คุณมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่คุณยังติดใจอาหารที่นี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ”
เซี่ยชิงหยวนตบท้องของเธอเบา ๆ “ไม่ใช่ว่าฉันต้องการหรอก แต่เป็นสิ่งที่พวกเขาคิดต่างหาก”
…
หลังอาหารกลางวัน เสิ่นอี้โจวและฉู่ซิงอวี่ก็ออกไปทำงานกัน
อีกด้านหนึ่ง ตงวั่งชุนถามเซี่ยชิงหยวนอย่างสุภาพว่าเธอต้องการไปชอปปิงหรือไม่
เซี่ยชิงหยวนปฏิเสธอย่างสุภาพกลับไป “ฉันเหนื่อยกับการนั่งรถในสองวันที่ผ่านมานิดหน่อยน่ะ ฉันอยากพักผ่อนก่อน”
ตงวั่งชุนดูเหมือนโล่งใจ “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไม่รบกวนการพักผ่อนของคุณนายแล้วนะคะ”
พูดจบเธอก็หันหลังกลับและลงไปชั้นล่าง
หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสียงของตงวั่งชุนเรียกฉู่ซิงอวี่ ซึ่งน่าจะพูดว่าเธอก็อยากไปด้วยเหมือนกัน
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างสนุกสนาน ถอนหายใจแล้วส่ายหัว จากนั้นก็พลิกตัวแล้วหลับไป
ในช่วงบ่าย ฉู่ซิงอวี่โทรมาบอกว่าเสิ่นอี้โจวจะมีการประชุมจนถึงเย็น ซึ่งจะมีการกินเลี้ยงอาหารเย็นหลังจากนั้น และถามว่าเธอต้องการให้เขาหรือตงวั่งชุนกลับมากินอาหารกับเธอหรือไม่
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “ไม่ต้องหรอก พวกคุณทำธุระของตัวเองไปได้เลย คืนนี้ฉันจะคุยธุระกับเหล่าไต้สักหน่อยน่ะ”
ฉู่ซิงอวี่เคยซื้อตั๋วรถไฟให้เซี่ยชิงหยวนมาที่เมืองกว่างโจวก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาย่อมเคยได้ยินเกี่ยวกับเหล่าไต้มาก่อน
เขาพูดว่า “คุณนายโปรดวางใจได้ครับ ผมจะคอยจับตาดูเลขาธิการเสิ่นไม่ให้เขาดื่มเยอะเอง”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะเบา ๆ “ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณนะคะ”
เธอวางสายโทรศัพท์แล้วกดหมายเลขของเหล่าไต้อีกครั้ง และไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงของเหล่าไต้
เขาพูดหยอกล้อทันที “กูหน่ายนาย*[1] วันนี้ฉันรอสายเธอทั้งวันเลย ฉันมีเรื่องด่วนจะคุยหลายอย่างเลยเนี่ย”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ได้เลย มาที่ห้องพักรับแขกของศาลากลางได้เลย มื้อเย็นนี้เรามากินข้าวด้วยกันนะ”
เธอท้องแล้ว มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เหล่าไต้จะต้องมาหาเธอแทน
เหล่าไต้ตอบตกลงทันที “รอฉันสี่สิบนาทีนะ”
แม้เหล่าไต้จะบอกว่าสี่สิบนาที แต่เหล่าไต้ก็มาถึงในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
เขาลงจากมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งมาหาเซี่ยชิงหยวนด้วยร่างอ้วน ๆ ของตัวเอง “ฉันขี่มอเตอร์ไซค์มาที่นี่เลยเชียวนะ”
เมื่อเขายังอยู่ห่างจากเธอประมาณสามเมตร เขาก็หยุดอย่างรวดเร็วและยิ้มกว้าง “เฮ้ นี่… อายุครรภ์เกินห้าเดือนแล้วเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “เป็นลูกแฝดด้วยนะ”
เหล่าไต้ยกนิ้วโป้ง “โว้ว ผู้ชายของเธอนี่ยอดเยี่ยมอย่างกับพ่อวัวเลย!”
แก้มของเซี่ยชิงหยวนแดงก่ำทันที “เหล่าไต้!”
เหล่าไต้หัวเราะเสียงดัง “เมื่อก่อนเราสองคนวิ่งไปรอบ ๆ เมืองกว่างโจวด้วยกัน ไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น แต่ตอนนี้เธอท้องแล้ว ไม่คาดคิดเลยจริง ๆ”
เขาไม่กล้าล้อเล่นเกินไป และพูดอย่างจริงจัง “ไปกันเถอะ เธออยากกินอะไรล่ะ? เหล่าไต้คนนี้จะเลี้ยงเอง!”
เซี่ยชิงหยวนพูดทันที “ไปที่แผงขายอาหารกันเถอะ ฉันอยากกินตับเนื้อทอดและยำหนังปลาน่ะ”
เหล่าไต้เป็นคนที่ละเอียดอ่อนมาก เมื่อเดินข้าง ๆ เซี่ยชิงหยวน เขามักจะใส่ใจกับสภาพถนนเตือนให้เธอระวังกึ่งเป็นผู้คุ้มกันพาไปที่แผงขายอาหารใกล้ ๆ
เขายังเช็ดเก้าอี้ด้วยกระดาษทิชชูให้เธอด้วย
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะ “คุณเอาใจใส่คนอื่นขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
เหล่าไต้เรียกพนักงานบริการและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนสิ ผู้ชายของเธอมาที่นี่กับเธอด้วยนี่ ฉันคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแน่ถ้าถูกเขาบ่นเอา”
ทั้งสองคนสั่งอาหารก่อนจะเริ่มหารือเรื่องต่าง ๆ
เหล่าไต้พูดว่า “ครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญเลยนะที่เธอมาที่นี่ได้ รองผอ.โรงงานผ้าไหมหงเหมียนเองก็มาที่เมืองกว่างโจวพอดีเลย”
เซี่ยชิงหยวนเบิกตากว้าง “จริงเหรอ?”
เหล่าไต้พยักหน้า “ฉันบังเอิญเจอเขาเมื่อวานนี้น่ะ และได้มีโอกาสเอ่ยทักทายเขาสองสามคำ เขามาทำธุรกิจ คาดว่าน่าจะพักอยู่ที่นี่สักสองสามวันนะ”
ก่อนและหลังตรุษจีน เหล่าไต้ไปเมืองฝอซานหลายครั้ง แต่ไม่สามารถต่อรองราคาได้ ต่อมาเขาได้พบกับรองผอ.ครั้งหนึ่ง และอีกฝ่ายสนใจธุรกิจของพวกเขามาก
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “ดีเลย งั้นมาดูกันว่าเราจะนัดพบเขาพรุ่งนี้ได้ไหม”
เหล่าไต้ตอบ “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่ตำแหน่งด้านหลังเซี่ยชิงหยวนและไม่พูดอะไรต่ออย่างผิดปกติ
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป เซี่ยชิงหยวนก็โบกมือให้เขา “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
เธอพูดและค่อย ๆ หันศีรษะไปมองดูแบบแอบ ๆ
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำของเหล่าไต้ดังขึ้น “เดี๋ยวฉันมานะ นี่มันกล้ามากจริง ๆ!”
[1] กูหน่ายนาย (姑奶奶) หมายถึง น้องสาวสามี หรือ กูกู และยังสามารถใช้เรียกสตรีในครอบครัวที่ออกเรือนไปแล้วได้เช่นกัน
……………………………………………