บทที่ 442 ลูกของพ่อ นี่พ่อนะ
บทที่ 442 ลูกของพ่อ นี่พ่อนะ
เสิ่นอี้โจวคุกเข่าลงและยื่นมือออกมา
แต่เขาก็หยุดมือเมื่ออยู่ห่างจากท้องภรรยาเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับลั่นกลอง และรู้สึกประหม่าผิดปกติ
เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ แต่กลัวว่าจะทำให้ลูกในท้องตกใจ เธอจึงเอ่ยกระซิบกับเสิ่นอี้โจวว่า “พวกเขาขยับตัวอีกแล้ว”
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลกเมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวอ้าปากค้างและมือของเขาก็แข็งค้างใกล้กับท้อง หลังจากได้ยินคำพูดของตัวเอง
เธอคว้ามือของเขาแล้ววางลงบนท้องเบา ๆ
บางทีเด็กในท้องอาจจะสัมผัสได้ถึงพ่อของพวกเขา เด็ก ๆ ในท้องจึงเคลื่อนไหวอีกสองครั้งราวกับว่ารู้สึกถึงสิ่งใหม่ ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่…ทารกในครรภ์อายุมากกว่าสี่เดือนยังมีกำลังน้อยมาก
แต่ฝ่ามือที่อยู่ใกล้ท้องสามารถสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวภายในได้อย่างชัดเจน
เหมือนลำไส้บิดตัวอยู่ในท้อง เหมือนปลาเป่าฟองในท้อง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กกลิ้งหรือดึงท้องรึเปล่า
แต่มันเป็นไปอย่างนุ่มนวล ละเอียดอ่อน และเปี่ยมด้วยความรัก
เด็กขยับได้ชั่วครู่แล้วจึงหยุด
เพียงไม่กี่วินาทีเหล่านี้ก็มีค่าอย่างมากสำหรับพวกเขาในฐานะคู่รักจริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นและสบตากับเสิ่นอี้โจว ทั้งสองเห็นความประหลาดใจและอารมณ์ที่ฉายแววในตาของกันและกัน
นี่เป็นท้องแรกของพวกเขา เป็นลูก ๆ ที่ได้มาอย่างยากลำบาก
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตั้งครรภ์ที่ทั้งสองคนรู้สึกถึงการมีอยู่ของลูกอย่างลึกซึ้ง
ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวจับหน้าท้องของเซี่ยชิงหยวนโดยไม่ขยับไปไหน เขาค่อย ๆ เข้าไปใกล้และในที่สุดก็แนบหูแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ลูกของพ่อ นี่พ่อนะ”
ราวกับตอบสนองต่อเสิ่นอี้โจว ท้องของเซี่ยชิงหยวนที่สงบขยับอีกครั้ง การเคลื่อนไหวก็ส่งผ่านถึงหูของเสิ่นอี้โจวไปถึงหน้าอกของเขา และไปที่แขนขาอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเสิ่นอี้โจว ชายหนุ่มโอบแขนรอบเซี่ยชิงหยวนอย่างรักใคร่ “ชิงหยวน ขอบคุณนะ”
ขอบคุณที่ให้ผมได้พบคุณ ขอบคุณที่ให้บ้านแก่ผม
…
เซี่ยชิงหยวนยุ่งอยู่กับร้านขายเสื้อผ้าอีกครั้ง และเมื่อเธอถามเกี่ยวกับฉีจิ่นจืออีกรอบ เสิ่นอี้โจวก็เปลี่ยนเรื่องซ้ำแล้วซ้ำอีก
ภายในใจเซี่ยชิงหยวนรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นัก และเธอก็รู้สึกเค้าลางว่าฉีจิ่นจืออาจจะไปปฏิบัติภารกิจลับบางอย่างจริง ๆ
ในมณฑลยูนนาน ภารกิจลับที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ…
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะเหงื่อตกเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
มันคงไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ
ตั้งแต่นั้นมาเซี่ยชิงหยวนก็ไม่เคยถามเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับฉีจิ่นจืออีก และเมื่อปี่เหลาซานถามเธอเกี่ยวกับฉีจิ่นจือ หญิงสาวก็ตอบกลับด้วยคำพูดแบบเดียวกับเสิ่นอี้โจวว่า “ได้ยินมาว่าเขากำลังไปปฏิบัติภารกิจนะคะ”
ปี่เหลาซานนิ่งเงียบสักพักหนึ่งก่อนจะหัวเราะทางโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ดีแล้วที่เขามีความทะเยอทะยาน”
เซี่ยชิงหยวนได้ยินเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความหนักใจของปี่เหลาซาน แต่เธอไม่ได้เอ่ยทักแต่อย่างใด
อาจารย์และลูกศิษย์ตกลงกันไว้ว่าจะไม่พูดคุยอะไรเกี่ยวกับฉีจิ่นจืออีกในใจของพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาไม่พูดอะไร ฉีจิ่นจือน่าจะปลอดภัยกว่า บางทีในช่วงตรุษจีนปีนี้อาจารย์กับลูกศิษย์อาจสามารถกลับมานั่งดื่มและพูดคุยกันได้ก็ได้…
วันเวลาค่อย ๆ เข้าสู่เดือนเมษายน และครรภ์ของเซี่ยชิงหยวนก็มีอายุมากกว่าห้าเดือนแล้ว
สามเดือนแรกท้องไม่โตเท่าไหร่จนแทบสังเกตไม่ออก แต่เมื่อผ่านไปห้าเดือนก็เหมือนลูกบอลยาง โตเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เสิ่นอี้โจวกังวลว่าท้องของเธอจะใหญ่เกินไป เขาจึงพาเซี่ยชิงหยวนไปโรงพยาบาลหลายครั้งในครึ่งเดือน
หมอฮวงยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนที่จะไล่เสิ่นอี้โจวออกไปด้วยรอยยิ้ม เธอยิ้มให้เซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้ชายที่ประหม่าขนาดนี้เลยนะเนี่ย”
ทั้งครอบครัวไม่ให้เซี่ยชิงหยวนหยิบจับอะไรเลย โดยเฉพาะการให้ก้มทำอะไรสักอย่าง แถมยังไล่ออกจากห้องครัวด้วยซ้ำ
บางครั้งทันทีที่เธอเริ่มต้นจะทำอะไรสักอย่าง ใครก็ตามในครอบครัวที่เห็นจะรีบมาคว้าของจากมือของเธอไปทันที
หมอฮวงถอนหายใจ “คุณนี่โชคดีจริง ๆ”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเสิ่นอี้โจวที่กำลังจดบันทึกสิ่งที่ต้องรู้กับพยาบาล และแววตาของเธอก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว “ฉันโชคดีที่ได้พบเขาค่ะ”
…
เมื่อเซี่ยชิงหยวนวางแผนที่จะทำตัวเหมือนมอดข้าวที่มีชีวิต เหล่าไต้ก็เหมือนโทรมาแกล้งเธอ “ก่อนที่เราจะพูดถึงการไปเจียงซูกับเจ้อเจียง เพื่อซื้อวัตถุดิบและหารือเรื่องการผลิตสินค้าของตัวแทนจำหน่ายด้วย ฉันได้เตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว และกำลังรอให้เธอตัดสินใจเนี่ยแหละ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกคันไม้คันมือและอยากจะบินไปที่เมืองกว่างโจวตอนนี้เลย
แต่เมื่อเธอมองดูท้องของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ หญิงสาวก็ถอนหายใจ “รอฉันสักสองวันก่อนนะ ขอดูก่อนว่าฉันจะโน้มน้าวคนในครอบครัวได้ไหม”
เธอยังยืนกรานที่จะออกกำลังกาย ทั้งยังคงทำแบบฝึกหัดที่คุณหมอฮวงมอบให้และสภาพร่างกายของเธอเมื่อเทียบกับสตรีมีครรภ์ทั่วไปแล้วก็ถือว่าดีกว่ามาก
ตอนนี้ก็ผ่านมาห้าเดือนกว่าแล้ว และเธอยังไม่ได้ใกล้คลอด การไปเมืองกว่างโจวไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
ตอนนี้ด้วยร้านเสื้อผ้าทั้งสองสาขาและกำไรจากร้านตรอกเก่า เธอมีเงินอยู่ในมือมากมายแล้ว หากไม่จัดการเรื่องให้ตัวแทนจำหน่ายดำเนินการก่อนที่ลูกจะเกิด เรื่องนี้จะล่าช้าไปอย่างน้อยอีกหนึ่งปีแน่
มีหลายสิ่งที่เธออยากทำ และอุตสาหกรรมเสื้อผ้าเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ดังนั้นเธอจึงแทบจะรอไม่ไหวแล้ว
เหล่าไต้รู้ดีถึงความยากลำบากของเซี่ยชิงหยวน เขาพูดว่า “ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็รอก่อนเถอะ หรือไม่เดี๋ยวฉันจะเดินทางไปจัดการทั้งสองฟากเพิ่มให้ก็ได้”
“ไม่” เซี่ยชิงหยวนปฏิเสธ “ฉันจะหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับเรื่องนี้ คุณรอข่าวของฉันก่อนนะ”
การให้เหล่าไต้วิ่งไปมาทั้งสองในขณะที่ทุกสิ่งจำเป็นต้องทำการตัดสินใจทันที มันจะทำให้หลายสิ่งหลายอย่างไม่สามารถคิดได้อย่างถี่ถ้วน
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกำลังคิดว่าจะบอกเสิ่นอี้โจวยังไงดี เขาก็นำข่าวดีมาให้เธอเสียก่อน คือเขากำลังจะไปเมืองกว่างโจวเพื่อเข้าร่วมการประชุม
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ทำไมคุณถึงไปสถานที่ที่ห่างไกลอย่างเมืองกว่างโจวเพื่อประชุมเลยล่ะ?”
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “เมืองกว่างโจวเป็นเมืองแรกที่เริ่มการปฏิรูปและเปิดกว้าง ดังนั้นเมื่อผู้นำของมณฑลยูนนานต้องการที่จะพัฒนาเศรษฐกิจเช่นกัน เราก็ต้องไปที่นั่นเพื่อเรียนรู้จากมัน ถ้าไม่ได้ผลเราก็ค่อยดูว่าจะสร้างความร่วมมือได้ที่ไหนอีกบ้างน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้าหาเขาแล้วพูดว่า “พาฉันไปที่นั่นด้วยได้ไหม?”
เมื่อเห็นว่าดูเหมือนเธอจะไม่ได้ล้อเล่น เสิ่นอี้โจวก็ไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง “เหตุผล?”
เซี่ยชิงหยวนบอกเขาหลังจากเล่าเรื่องของเหล่าไต้ “ถ้าฉันไม่เข้าไปจัดการเรื่องนี้ในตอนนี้ เมื่อลูกของเราเกิดมาฉันจะยิ่งไม่มีเวลาแน่นอน”
เธอดึงแขนเสื้อของเขาแล้วพูดอย่างน่าสงสารว่า “ได้โปรดเถอะนะ ตราบใดที่คุณดูแลฉันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันหรอก”
เสิ่นอี้โจวย่อมทนไม่ได้ที่จะทำให้ภรรยาที่รักผิดหวัง ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าและเห็นด้วย “ก็ได้ แต่คุณต้องไม่หักโหมเกินไปนะรู้ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ได้เลย”
ในเมื่อเซี่ยชิงหยวนกำลังไปที่เมืองกว่างโจว ร้านขายเสื้อผ้าจึงทำได้เพียงต้องให้อาเซียงรับผิดชอบเท่านั้น
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “อาเซียง พี่ต้องขอรบกวนให้เธอทำงานหนักที่นี่หน่อยนะ”
อาเซียงส่ายหัว “พี่จะเกรงใจฉันทำไม นี่คืองานของฉันนะ พี่นั่นแหละต้องดูแลตัวเองให้ดี และอยู่ใกล้ ๆ กับพี่เขยด้วยล่ะ”
ในรอบกว่าหนึ่งเดือนที่เธอกลับมาจากเมืองกว่างโจว เธอโทรหาเฮ่ออวี้เฟิงสองครั้ง ครั้งแรกเขาไม่ว่างและไม่ได้รับสาย ส่วนการโทรหาครั้งที่สอง เขาพูดเพียงสองสามประโยคเท่านั้นก็มีคนเรียกหาเขาแล้ว และเขาก็วางสายไปอย่างเร่งรีบ
อาเซียงโกรธไม่น้อย รู้สึกว่าโอกาสความรักของเธอมีน้อยเหลือเกิน จึงวางแผนที่จะปล่อยเขาไปก่อน
แม้ผู้หญิงจะไล่ตามผู้ชาย แต่เธอก็ไม่สามารถเป็นคนเริ่มก่อนไปตลอดได้หรอกใช่ไหมล่ะ?
เซี่ยชิงหยวนเฝ้าดูเสิ่นอี้โจวจัดข้าวของให้เธอ แล้วใส่พวกมันทั้งหมดลงในกระเป๋าใบใหญ่ ความพึงพอใจในใจของเธอกำลังเอ่อล้น
นี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองได้ออกเดินทางไกลด้วยกัน
พอถึงวันเดินทาง เธอก็จับมือของเสิ่นอี้โจวอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อไปถึงสถานีรถไฟกลับพบว่าตงวั่งชุนก็อยู่ที่นั่นด้วย
สายตาของตงวั่งชุนตกลงไปที่มือของพวกเขา เธอยิ้มและพยักหน้าให้ “เลขาธิการเสิ่น คุณนายเสิ่น”
จากนั้นตงวั่งชุนเดินเข้ามาใกล้และพูดกับเสิ่นอี้โจวอย่างคุ้นเคย “เลขาธิการเสิ่น เราได้ทำการติดต่อเมืองกว่างโจวไว้แล้วค่ะ เมื่อเราลงจากรถไฟจะมีคนจัดรถมารับเราแน่ค่ะ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า ใบหน้าของเขาแสดงอารมณ์แตกต่างกับคนนอกตามปกติ “เข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณนะ”
ตงวั่งชุนยิ้มให้เซี่ยชิงหยวน “คุณนายเสิ่นคะ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นอกเหนือจากการรับผิดชอบงานของเลขาธิการเสิ่นแล้ว ฉันจะเป็นผู้นำทางให้คุณเอง และพาคุณไปรอบ ๆ เมืองกว่างโจวนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนสาปแช่งหลายคำในใจของเธอจนไม่สามารถปะติดปะต่อหาคำในพจนานุกรมทันทีได้…