ทั้งๆที่จักรพรรดิไซโตะอะไรซักอย่างทำท่าเหมือนจะเป็นบอสลับแท้ๆ แต่อ่อนแอจังแฮะ ชั้นจัดการกับเจ้านั่นได้อย่างง่ายๆจากนั้นก็เอาบัลลังก์อันนี้กลับไปฝากลุงไอส์
ชั้นปล่อยเรื่องประวัติศาสตร์ที่ดูยุ่งยากทั้งหลายให้ลุงแกจัดการที่เหลือ
ชั้นอยากรู้แค่ว่ารถจักรไอน้ำนี่มันมาจากไหนแค่นั้นแหละ พอได้คำตอบมา เท่านั้นชั้นก็พอใจแล้ว
จะมาเล่าอะไรยืดยาวกี่ยวกับการกำเนิดแม่มดหรือว่าต้นกำเนิดความชั่วร้ายในโลกนี่ตูก็ไม่สนหรอกเฟ้ย
ชั้นจัดการแม่มดไปแล้ว ไอ้เรื่องความรู้สึกด้านลบนี่ก็คลี่คลายแล้วด้วย
เรื่องมันจบไปแล้ว ตูไม่สนบอสลับที่โผล่มาหลังเนื้อเรื่องจบไปแล้วหรอกนะ
ว่าแล้ว ชั้นก็กลับมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกรอบนึง
รอบนี้ชั้นมาหาซื้ออุปกรณ์การเกษตร หนังสือเกี่ยวกับการปลูกพืชผัก แล้วก็เมล็ดพันธุ์ต่างๆ
แทนที่จะเป็นพืชผัก ชั้นสนใจจะปลูกผลไม้อะไรงี้มากกว่า อย่างมากก็อาจจะมีบลูเบอรี่หรือมะกอกด้วย
ก็กะจะใช้เวทย์เร่งโตในการปลูกล่ะนะ
จริงๆชั้นก็ใช้วิธีนี้มานานแล้วล่ะ ประเด็นคือผลไม้ของทางฝั่งนั้นมันไม่ค่อยอร่อยไง เลยจะมาหาเมล็ดจากฝั่งนี้แทน
พืชของทางฝั่งนั้นไม่ได้ผ่านการปรับแต่งหรือคัดพรรณอะไร จะขาดความหวานเมื่อเทียบกับผลไม้ของยุคปัจจุบันก็เป็นเรื่องปกติ
แถมดูเหมือนว่าจะมีพืชหลายชนิดที่สูญพันธุ์ไปในยุคสมัยของพวกแม่มดด้วย
ก่อนที่จะทำการปิดช่องว่างมิตินั้น ก็อยากจะซื้ออะไรไปเตรียมไว้ให้พร้อมๆก่อน
แต่ถ้าเอาพืชกลับไปเยอะเกินล่ะก็ มันอาจจะทำลายสมดุลของธรรมชาติในโลกนั้นได้ ไอ้นี่ชั้นก็แค่จะเอาไปปลูกไว้กินเองนั่นแหละ
ถ้าจะเอาอะไรกลับไปเผยแพร่…มันเทศนี่ก็น่าจะดีนะ ปลูกง่าย โตง่าย ทนทาน แถมเป็นของหวานที่พวกสามัญชนไม่ค่อยมีโอกาสได้ลิ้มลองด้วย
เป็นของขวัญเล็กๆให้พวกประชาชนตาดำๆที่ไม่มีเงินซื้อของหวานกินไงล่ะ
เออใช่ ก็ตกลงว่าจะจัดการปิดช่องว่างมิตินั้นด้วยล่ะนะ
จริงๆมันก็อยู่อย่างนั้นมานานแล้ว ก็คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแปลกเกิดขึ้นอีก แต่เพื่อกันไม่ให้ความรู้สึกด้านลบไหลจากฝั่งนี้ไปยังฟิโอริไปมากกว่านี้ ปิดมันไปเลยน่าจะดีที่สุด
อีกอย่างนึง…ที่ชั้นกลับไปเกิดใหม่ที่โลกนั้นได้นี่ก็น่าจะเป็นเพราะไอ้เจ้าช่อวงว่างมิตินี่แหละ…ปิดมันไปเพื่อกันไม่ให้มีคนจากโลกนั้นมาเกิดใหม่ที่ฟิโอริน่าจะดีกว่า
หลังจากที่จัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชั้นค่อยให้อัลเฟรียมาผนึกเพื่อปิดช่องว่างนั้น
แต่ก่อนอื่นเลย มีคนทมี่ชั้นต้องการที่จะติดต่อด้วยอยู่ทางนี้
ตอนนี้เองชั้นก็เดินตรงไปหาอินเตอร์เน็ตคาเฟ่
แถวๆสถานีนี่ก็น่าจะมีอยู่ซักร้านสองร้านแหละ
ในตอนที่ชั้นกำลังเดินหาเน็ตคาเฟ่อยู่ ก็ได้ยินเสียงไซเรนดังไปทั่วเมือง
ที่มีเสียงแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่าเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น
ดูเหมือนว่าบ้านที่ไฟไหม้จะเป็นบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับอพาร์ทเมนต์เก่าของชั้นพอดีเลย
ชั้นคงปล่อยให้ไฟลามไปถึงอพาร์ตเมนต์นั้นไม่ได้ ชั้นเลยพุ่งตรงเข้าไปในบ้าน พาตัวน้องหนูโลลิคนนึงออกมา จากนั้นก็ใช้เวทย์ลมเพื่อสร้างสุญญากาศและดับไฟในบ้านซะ
ถ้าอพาร์ตเมนต์เก่าชั้นโดนไฟไหม้จนหายไปล่ะก็ มันก็จะเหลือแค่ช่องว่างมิติลอยโด่เด่อยู่กลางอากาศ
หลังจากนั้นพวกสื่อก็จะกรูกันเข้ามา ดึงดูดความสนใจของรัฐ จากนั้นก็ทำให้ช่องว่างนั้นกลายเป็นเขตหวงห้าม
ถ้ามันมีช่องว่างมิติลอยให้เห็นอยู่กลางอากาศล่ะก็ รัฐบาลคงจะไม่อยู่นิ่งหรอก
ชั้นดับไฟในทันที แล้วก็ขอให้หนูโลลิกับพ่อแม่ที่ยืนอึ้งอยู่ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วก็จากไป
ชั้นก็คงทำอะไรกับบ้านที่โดนเผาไปแล้วไม่ได้อ่ะนะ แต่ก็คงจะมีประกันแหละ รอดชีวิตมาได้ก็ดีแล้วเนอะ
ชั้นมาถึงอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ได้อย่างปลอดภัย ชั้นจ่ายค่าห้องและบริการ จากนั้นก็ตรงดิ่งไปที่ห้องส่วนตัวในทันที
อย่างแรกเลย ชั้นก็เสิร์ชหา”บุปผานิรันดร์ร่วงโรย”กับ”จักพรรดิไซต์นัลตา”เป็นอย่างแรก
ถ้าเป็นเกมที่ชั้นเคยเล่นในชาติก่อนนี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับจักรพรรดิไซโตะหรอกนะ แต่คิดว่าเกมของทางฝั่งนี้น่าจะต่างออกไป
และที่ชั้นรู้เกี่ยวกับเกมของทางฝั่งนี้ก็ถึงแค่ตอนที่สู้กับแม่มดเท่านั้น
“บุปผานิรันดร์ร่วงโรย -Fiore Caduto Eterna-” คือเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความทรงจำในชาติก่อนของยามาโตะ ทามากิ
นี่เป็นปากคำของเจ้าตัวเอง ชั้นได้รับความทรงจำนี้มาหลังจากที่วิญญาณของชั้นทั้งสองฝั่งผสมเข้าด้วยกัน
ถ้าอย่างนั้นคำตอบก็มีเพียงอย่างเดียว ผู้เขียนเรื่องราวนี้…ยามาโตะ ทามากิ คือโปรเฟตะที่กลับชาติมาเกิดใหม่
ยามาโตะบอกว่าตัวเธอเก่งในคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ข้าจึงสามารถตรวจสอบสถานการณ์และปัจจัยต่างๆรอบตัว และคำนวณมันออกมาเป็นความเป็นไปได้ สมมติว่าถ้าเจ้าหนุ่มเวอร์เนลเกิดตกหลุมรักยัยหนูเอเทอร์น่าหรือแมรี่ขึ้นมา ข้าก็จะสามารถคาดการณ์วามเป็นไปได้และเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในกรณีนั้นๆได้” เป็นสิ่งที่โปรเฟตะเคยบอกเอาไว้
พอคิดได้แบบนั้นทุกอย่างก็ลงล็อกพอดี
ยามาโตะ ทามากิ ก็คือ โปรเฟตะ เรื่องนี้ไม่ผิดแน่
คงจะไม่มีใครอื่นแล้วที่สามารถจินตนาการความเป็นไปได้ของโลกฝั่งนั้นออกมาได้ตั้งมากมายขนาดนี้
ถ้าเกมในเวอร์ชั่นนี้มีจักรพรรดิไซโตะด้วย ก็แสดงว่าโปรเฟตะน่าจะรู้ถึงตัวตนของเขาอยู่แล้ว
หลังจักที่ผลการสืบค้นขึ้นมา ชั้นก็กดเข้าไปที่อันแรกเลย
ทำไมมันมี “จักรพรรดิไซต์นัลตา น่าสงสาร” ขึ้นมาในหัวข้อเสิร์ชด้วยล่ะ…?
.
“จักรพรรดิไซต์นัลตา”
ตัวละครในเกม “บุปผานิรันดร์ร่วงโรย”
เขาจะปรากฏตัวขึ้นมาก็ต่อเมื่อเคลียร์เนื้อเรื่องของแกรนด์รูทเรียบร้อยแล้ว
เขาคือผู้ปกครองจักรวรรดิไซต์นัลตา อารยธรรมโบราณซึ่งถูกแม่มดทำลายไปเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
เขาเป็นชายสูงอายุที่มีร่างสูงใหญ่ หนวดเคราสีขาวยาว และถือตรีศูลเป็นอาวุธ
เขาเชื่อว่าความรู้สึกด้านลบเป็นสิ่งจำเป็นในการวิวัฒนาการของมนุษยชาติ จึงทำการวิจัยในสิ่งนั้นจนเกิดเป็น “เวทมนตร์ธาตุความมืด” ขึ้นมา
เขาใช้พลังนั้นเพื่อเปิดรอยแยกมิติที่ปล่อยความรู้สึกด้านลบทั้งหลายออกมา เปลี่ยนผู้ใดที่สัมผัสความรู้สึกด้านลบเหล่านั้นไปเป็นคนละคน เช่นนั้นเอง การพัฒนาวิทยาการของจักรวรรดิไซต์นัลตาก็เริ่มต้นขึ้น
การเจริญเติบโตของจักรวรรดิไซต์นัลตานั้นอยู่ในระดับเดียวกับยุคเรเนอซองต์ของโลกเรา
แต่การกระทำที่ส่งผลต่อความสมดุลของโลกเช่นนี้ ทำให้โลกสร้างตัวตนที่เรียกว่า แม่มด ขึ้นมาและทำลายจักรวรรดินั้นซะ
ในท้ายที่สุด จักรวรรดิไซต์นัลตาก็ไม่อาจรับมือพลังและกองทัพปีศาจของแม่มดได้ และแล้วทั้งจักรวรรดิก็จมลงสู่ก้นทะเล…
ทว่าเขายังคงตัวตนเอาไว้ได้มากว่าพันปี ด้วยการเปลี่ยนแปลงตนเองให้กลายเป็น “คำสาป”เช่นเดียวกับแม่มด
หลังจากการต่อสู้กับแม่มดจบสิ้นลง ปาร์ตี้ของตัวเอกจะสามารถพบกับตัวละครนี้ได้ที่ก้นทะเล
“จอมบงการเบื้องหลังทุกสิ่งทุกอย่าง”
ถึงแม้ว่าวังวนแห่งโศกนาฏกรรมของ”บุปผานิรันดร์ร่วงโรย”จะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของ”แม่มด แต่แม่มดนั้นก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายจักรวรรดิไซต์นัลตา จึงสามารถเรียกจักรพรรดิไซต์นัลตาได้ว่าเป็น”ต้นตอของทุกสิ่งทุกอย่าง”
เขาคือต้นเหตุของเหตุการณ์เมื่อหนึ่งพันปีก่อน และเป็นผู้คิดค้นเวทมนตร์ธาตุมืดขึ้นมา
ยิ่งกว่านั้นการอาละวาดของอีฟก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเนื่องจากความรู้สึกด้านลบที่มากเกินไป ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นต้นเหตุที่เปิดรอยแยกมิตินั้นออกมา
ผู้เล่นหลายคนก็สงสัยว่าทำไมตัวแทนของโลกอย่างอีฟจึงไม่สามารถทนต่อความรู้สึกด้านลบได้
จึงมีทฤษฎีที่ว่าหากไม่มีความรู้สึกด้านลบที่ถูกปล่อยออกมาจากช่องว่างมิติ อีฟก็อาจจะสามารถทนต่อความรู้สึกด้านลบที่ฟิโอริมีอยู่ดั้งเดิมได้
บางที่โลกอาจจะเห็นว่าแม่มดธรรมดาไม่มีความสามารถพอที่จะจัดการกับวิทยาการก้าวล้ำของจักวรรดิไซต์นัลตาได้ จึงได้มอบความสามารถในการดูดพลังเวทย์รอบตัวให้แก่เธอ
ยิ่งกว่านั้น ด้วยความที่ฟิโอริเป็นสถานที่ที่มีความรู้สึกด้านลบอยู่น้อยนิดเป็นทุนเดิม จึงอาจเรียกได้ว่าจักรพรรดิไซต์นัลตาผู้นี้เป็นวายร้ายคนแรกของโลกนั้น
“มุกเด็ด”
ถึงแม้ว่าสเตตัสของเขาจะสูงสมกับเป็นบอสลับของเกม แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะไม่สามารถมองเขาว่าเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งได้เลย
เป็นเพราะว่าผู้เล่นสามารถนำเอลริสเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยได้
สเตตัสของเอลริสนั้นจะยังคงเดิมกับในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เรียกได้ว่าถ้าใช้เธอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีโอกาสแพ้
จักรพรรดิไซต์นัลตานั้นมีค่า HP สูงถึง 99999 ซึ่งเป็นอันดับสองของเกมรองมาจาก”แม่มด” แต่ท่า “Aurea Libertas”ของเอลริสนั้นทำดาเมจได้ถึงเลขหกหลัก จึงทำให้บอสลับคนนี้ร่วงได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว
ยิ่งกว่านั้นการโจมตีของเอลริสยังได้บัฟจาก”แสงในจิตใจผู้คน” ทำให้เธอทำดาเมจเป็นสองเท่าต่อจักรพรรดิไซต์นัลตา ต่อให้เธอไม่ใช้สกิลอะไรเลย การโจมตีธรรมดาของเธอก็เพียงพอที่จะจัดการบอสลับคนนี้ได้ในสามครั้ง
ถึงแม้ว่าจะมีการปูเนื้อเรื่องมาซะดิบดี บรรยากาศนี่อย่างขลัง แต่โดนเอลริสสะกิดทีสองทีก็ม่อยกระรอก ทำให้เขากลายเป็นตัวฮาไปในสายตาผู้เล่น
เป็นเพราะว่าถูกปูมาแบบมีราศีจับ ผู้เล่นจึงมักจะเปิดการต่อสู้ด้วยท่าที่รุนแรงที่สุดของเอลริสในทันที ส่งบอสตัวนี้ไปยังโลกหน้าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้ผู้เล่นเหวอไปตามๆกัน
หากผู้เล่นต่อสู้กับเขาโดยไม่มีเอลริสร่วมด้วยก็จะเป็นบอสที่แข็งแกร่งพอสมควรเลย แต่เป็นเพราะว่าการจะเข้าไปยังโบราณสถานใต้น้ำได้ก็จำเป็นจะต้องมีเอลริสอยู่ในปาร์ตี้ด้วย ผู้เล่นจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเอลริสไปเป็นตัวสำรองก่อนจะเริ่มการต่อสู้ ผู้เล่นที่มาเป็นครั้งแรกจึงมักจะนำเอลริสเข้าปาร์ตี้ไปด้วยและจัดการบอสได้ในพริบตา
ยิ่งกว่านั้นเพลง BGM ของจักรพรรดิไซต์นัลตายังเป็นเพลง “โศกนาฏกรรมที่ไม่สิ้นสุด” ซึ่งเป็นเพลงประจำตัวของแม่มด จึงกลายเป็นว่าผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะจัดการบอสตัวนี้ได้ก่อนที่อินโทรจะจบซะอีก ทำให้ผู้เล่นจำนวนไม่น้อยหัวเราะไปตามๆกัน
ด้วยเหตุนี้เอง ตัวละครนี้จึงได้รับฉายาว่า “ทั่นจักรพรรดิตัวฮา” ในหมู่แฟนเกม
.
อู๊ว
ดูเหมือนว่าเป้นเพราะชั้น ทำให้ลุงแกกลายเป็นตัวโจ๊กไปแล้วแฮะ
ช่วยไม่ได้นี่นา…ก็ลุงแกกากอ่ะ…
ก็นับได้ว่าเก่งกว่าอเล็กเซียแหละ แต่ถ้าเอาไปเทียบกับ”แม่มด”นี่ก็ตัวกีกี๊ดีๆนี่เอง
จะให้เอาคำสาปของแม่มดที่บ่มเพาะมารุ่นสู่รุ่น ไปเทียบกับคำสาปของตาลุงแปลกๆที่แพ้แม่มดคนเดียวนี่ก็คงเทียบกันไม่ได้เลยอ่ะนะ
ก็นะ ในโลกที่สงบสุขแบบนี้ บอสลับเก่งๆนี่ไม่จำเป็นหรอก
ดูเหมือนว่าโปรเฟตะจะรู้เรื่องของเจ้าตัวฮานี่สินะ
ที่เธอไม่เคยเอ่ยถึงเลย…ก็ลุงแกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการทำลายวังวนของแม่มดนี่นา ก็คงคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรด้วยล่ะมั้ง
ถึงแม้จะเป็นต้นตอของเรื่องทั้งหมด แต่ก็ใช่ว่าลุงเค้าจะทำอะไรได้นี่นา
ถ้าไม่มีใครสักคนที่พลังเวทย์สูงพอดำลงไปใต้น้ำ ลุงแกก็คงนอนจมอยู่แบบนั้นแหละ
หรือถ้ามีใครไปนี่เรื่องอาจจะยุ่งยากขึ้นด้วยซ้ำ เธอคงจะคิดว่าปล่อยลุงไปน่าจะเป็นการณ์ดีที่สุด…
เอาเถอะ ช่างเรื่องลุงตัวฮาไปก่อน
ที่ชั้นต้องการจะทำก็คือติดต่อกับคนรู้จักที่อยุ๋ทางฝั่งนี้—ยามาโตะ ทามากิซัง หรือก็คือโปรเฟตะที่กลับชาติมาเกิดใหม่
ก็ใช่ว่าจะมีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษที่ต้องมาเจอกันให้ได้หรอก… ก็แค่อยากเจอน่ะ
ที่ชั้นอุตส่าห์รอดการต่อสู้ครั้งสุดท้ายมาได้ก็เพราะโปรเฟตะนี่นา
ชั้นได้อายุขัยที่เหลือของเธอมา ทำให้มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้
อย่างน้อยที่สุดก็อยากจะขอบคุณ
ชั้นสร้างอีเมลแบบลวกๆขึ้นมา และส่งไปหายามาโตะ ทามากิ
ถ้าส่งไปเฉยๆก็กลัวว่าจะไม่อ่าน ชั้นเลยจ่าหน้าว่าเป็นเมลจาก “ฟุโดว นิอิโตะ”
จะให้ใช้ชื่อเอลริสส่งไปก็คงได้แหละ แต่เธออาจจะเข้าใจว่าเป็นแฟนเกมที่ส่งไปก็ได้
คนที่ใช้ชื่อเอลริสหรือเอเทอร์น่าในเมลนี่ก็มีอยู่เยอะเลยนะ
ก็นะ จะตั้งชื่อตามตัวละครที่ชอบนี่ก็ไม่ได้แปลกอะไรนี่นา
ดีไม่ดีในเน็ตนี่คงจะมี “เอลริสซัง”อยู่เพียบเลยแหละ
เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดแบบนั้นขึ้น ชั้นจึงใช้ชื่อฟุโดว นิอิโตะส่งไปแทน
หัวข้อก็คือ “อยากจะปรึกษาเรื่องทางแยกของโลกอีกครั้งหนึ่ง”
ในระหว่างที่รออยู่นี่ ชั้นก็หามังงะอ่านกับกินไอติมไปพลางๆดีกว่า