“โยมิ ไม่เป็นไรนะ? ไม่ลืมอะไรใช่มั้ย? ทานข้าวมาอิ่มแล้วนะ? เอาผ้าเช็ดหน้ากับกระดาษมาแล้วนะ? เช็คดาบมาดีแล้วเรียบร้อยนะ? อา แล้วก็ๆ…”
“ม- ไม่เป็นไรหรอก ลีน เช็คทุกอย่างเรียบร้อยแล้วล่ะ…”
“นี่เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเป็นเจ้านายของโยมิฤอย่างไร? มารดา? พี่สาว? ฤภรรยากันแน่? …เอาเถิด ไม่ว่าเจ้าจะดำเนินการอย่างไร ก็จงระวังตัวเอาไว้ให้ดีเสียด้วยล่ะ โยมิเอ๋ย”
“ธ- โธ่! ท่านจอมมารคะ! ภ- ภ- ภ- ภ- ภรรยาอะไรกันล่ะคะ! …ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย …โยมิ ระวังตัวดีๆ อย่าทำตัวเองบาดเจ็บกลับมานะ?”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ท่านจอมมารกับลีนน่ะกังวลกันเกินไปแล้ว… งั้น ซากุระคุง ฝากด้วยนะ”
“ค- ครับ… {เกรทเตอร์ เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้ายขั้นสูง)}”
…นานขนาดไหนแล้วนะที่เราไม่ได้ลงมายืนบนสนามรบแบบนี้
เราอยู่ในฐานะที่ตัวตนต้องถูกปิดบังเอาไว้ไม่ให้ถูกรับรู้ได้ เพราะแบบนั้น เราเลยรับได้แต่ภารกิจที่มั่นใจแล้วว่าจะกวาดล้างมนุษย์ทั้งหมดในพื้นที่นั้นๆ ได้แน่นอน ทำให้เราแทบจะไม่มีประสบการณ์ในสนามรบทั่วๆ ไปเลย
ก็เหมือนทุกที ทั่วพื้นที่สมรภูมิก็ถูกล้อมด้วยบาเรียป้องกันการเคลื่อนย้ายของซากุระคุง ที่ต่างจากทุกทีก็มีแค่ ฝั่งนั้นมีศัตรูที่ต้องฆ่าอยู่หลายพัน มีเผ่ามารที่ยืนอยู่แนวหน้าอีกหลายร้อย ส่วนฝั่งนี้มีเราแค่คนเดียว
ก็นะ ซากุระคุงเองก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่เรามั่นใจว่าเดี๋ยวเขาก็คงต้องไปจัดการที่อื่นต่อหลังจากนี้ล่ะนะ
“อ- เออ คือ… คุณ โยมิ… ไม่เป็นไร ใช่มั้ยครับ?”
“อือ ขอบใจนะ ซากุระคุง”
และแล้ว หลังจากที่มองซากุระคุงเคลื่อนย้ายไปแล้ว เราก็หันไปเผชิญหน้ากับศัตรูพวกนั้น
ศัตรูนับพัน แต่ลึกเข้าไปนั่น มีผู้หญิงคนนั้นอยู่
พอคิดแบบนั้นแล้ว เราไม่มีทางยอมมาแพ้ตรงนี้เด็ดขาด
แต่ก็นะ เราเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้เลยซักนิด
เอาเถอะ พวกหนอนแมลงที่เอาตัวเองมาหลบหลังมารที่พวกแกเกลียดนักเกลียดหนาเพื่อใช้เป็นโล่เนี่ยนะ ต่อให้ขนมาเป็นหมื่น ก็ไม่มีทางที่เราจะแพ้เจ้าพวกนี้อยู่แล้ว
“…หือ? เฮ้ นั่น ใครน่ะ?”
“มนุษย์… เหรอ? ไม่สิ อาจจะเป็นเผ่ามารปลอมตัวมาก็ได้……”
พอเข้าไปใกล้คนพวกนั้นมากขึ้น เราก็เริ่มได้ยินเสียงแล้ว
ก็ อีกไม่นานแล้วสินะ
“หยุดตรงนั้นนะ! แกเป็นใครกันฮะ!? บอกชื่อของตัวเองมา!”
“{ฟิสิคอลบูสท์ (เสริมแกร่งทางกายภาพ) ― แผ่จิตคุกคาม}”
จังหวะที่เราร่ายเวทมนตร์นี้ ――― มารที่ยืนอยู่ในตรงหน้าเราทุกคนก็ล้มลงตรงนั้นเลย
“เห้ย… น- นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”
“เกิดอะไรขึ้นฟะนั่น!?”
“โอ๊ย! เป็นอะไรกันไปฮะ!?”
[แผ่จิตคุกคาม] เป็นเวทเสริมแกร่งทางกายภาพระดับสูง ความสามารถของเวทนี้คือ ‘จำกัดการกระทำของเป้าหมายที่ระบุไว้’
เป็นการสร้างแรงกดดันจาก ‘ความแข็งแกร่ง’ จากตัวเราเองเพื่อกดการกระทำของคู่ต่อสู้เอาไว้ ตัวเราในตอนนี้… ศัตรูที่มีสเตตัสเฉลี่ยต่ำกว่าสเตตัสของเรา 20% หรือน้อยกว่าเนี่ย แทบจะขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียวเลย
สเตตัสเฉลี่ยของเราอยู่ที่ 35,000 กล่าวคือ เราสามารถกดการเคลื่อนไหวของศัตรูที่มีสเตตัสเฉลี่ย 7,000 หรือต่ำกว่าได้เลย
ซึ่งในครั้งนี้ เราก็เลือกใช้กับแค่เป้าหมายที่เป็นเผ่ามารเท่านั้น
“บ้าเอ๊ย! กำแพงมารมันหยุดเดินไปแล้ว!”
“ไร้ประโยชน์เป็นบ้า! สมกับเป็นพวกเผ่ามารชะมัด! …เดี๋ยวนะ ถ้าเราฆ่าเด็กนั่น กำแพงมันจะกลับมาขยับมั้ยวะ?”
“ก็อาจจะ งั้น ก็เอาเลย ใครก็ได้ไปฆ่าไอ้เด็กนั่นหน่อยดิ”
[แผ่จิตคุกคาม] ไม่ได้มีผลมากพอที่จะหยุดทุกคนในสมรภูมิได้
เพราะอย่างนั้น เราเลยเลือกที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมารที่ตกอยู่ในใต้ผลของมนต์เสน่ห์แทน… ที่สำคัญที่สุดคือ เราอยากจะหยุดเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาถูกสั่งให้ฆ่าตัวตายมากกว่า
เพราะยังงั้น พวกมนุษย์ทุกคนเลยยังเคลื่อนไหวได้ตามปกติเหมือนเดิม จากนี้ เราต้องฆ่ามนุษย์ 3,000 คนด้วยตัวเองสินะ
“ชิ แม่งเอ๊ย… จะอะไรนักหนาวะเนี่ย ไอ้เด็กเผ่ามารตัวนี้! ไปตายซะ!”
เจ้าคนตัวโตนั่นก็พุ่งตรงเข้ามาแบบหลับหูหลับตาเลย
ขวานเล่มโตก็ถูกกวาดมาสุดแขวนพุ่งตรงมาหาเรา ―――
“……อ๊ะ หือ?”
ก่อนที่ขวานนั่นจะมาถึงตัวเรา เราก็ตัดคอของมันขาดกระเด็นด้วยความเร็วสูงไปแล้ว
อ่อนแอ จะอ่อนแอเกินไปแล้ว
เทียบกับท่านจอมมาร ขุนพลจตุเทวอสุรา หรือพวกผู้บริหารแล้ว พวกเราก็ยังเป็นเหมือนเด็กน้อยอยู่เลยด้วยซ้ำไปนะ
“…ฮะ?”
“ห- เห้ย เมื่อกี้เจ้าเด็กนั่นมันทำอะไรน่ะ…”
“{ฟิสิคอลบูสท์ (เสริมแกร่งทางกายภาพ) ――― คมดาบบิน • รับรู้พื้นที่ • เร่งความเร็วสูง • เสริมการฟัน}”
“เอ๊ะ”
ก่อนอื่นเลย ลองใช้ท่าฟันกวาดในแนวระนาบแล้วกัน
จากผลของเวทเสริมแกร่งทางกายภาพ {คมดาบบิน} ทำให้การฟันดาบสามารถส่งการโจมตีออกไปใส่ศัตรูในระยะไกลได้ ถ้าเป็นการฟันของเราแล้ว… นั่นสินะ ศัตรูทั้งหมดในระยะ 5 เมตรก็คงจะโดนฟันหมดนะ
“เห้ย… น- นั่นมันอะไรฟะ!”
“ท- ทุกคนระวังตัว! ศัตรู… ม- ไม่อยู่?”
“ทางนี้”
“ฮะ…!? อ- ไอ้เวรนี่… กะอ้าาา”
เอาล่ะ… ได้เวลาละเลงเลือดแล้ว
ฟันทุกคนที่นี่ทิ้งให้หมด แล้วเราจะได้ไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะที
ระหว่างที่ตั้งเป้าหมายใหม่จนเรียบร้อยแล้ว เราก็ฟันและเชือดพวกมนุษย์ที่อยู่รอบๆ ไปด้วย
“อ- อะไรกันน่ะ… นั่นมันอะไรกันคะ!? เจ้านั่นน่ะ!?”
ฉันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย นี่ฉันกำลังมองดูโศกนาฏกรรมกำลังแสดงอยู่ตรงหน้าฉันหรือไงกัน ฉันทำได้แต่กรี๊ดออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ตอนนี้ ดันมีการฆ่าล้างแต่ฝ่ายเดียวเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเรา
ศัตรูมีแค่คนเดียว แถม ยังไม่ได้ใช้เวทมนตร์ในการฆ่าล้างพวกเราด้วย ใช้แค่ดาบโง่ๆ เล่มเดียว
…แต่พวกเรากลับหยุดฝั่งนั้นไม่ได้เลย กลับกันเลย จำนวนของพวกเรากลับลดลงเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ
ฉันก็ยิงเวทมนตร์ใส่เจ้านั่นไปตั้งหลายบทแล้ว แต่… ไม่รู้ทำไม เวทที่ยิงใส่ไปนั่นกลับโดนฟันทิ้งหมดเลย
…เจ้านั่น มันอะไรกันน่ะ
ชีวิตของฉันน่ะ มีชะตาที่กำหนดไว้แล้วให้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาตั้งแต่เกิดแล้ว
เกิดมาสวยเกินไป ยิ่งโตขึ้น ความงามในตัวก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนแค่อายุ 10 ปี ก็สวยระดับที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะไปถึงได้แล้ว
ทั้งพ่อแม่ ทั้งชาวบ้านในหมู่บ้านก็บูชาฉันกันหมดทุกคน
พวกเด็กๆ ในวัยเดียวกัน พวกผู้ใหญ่ พวกคนชรา ทุกคนล้วนเป็นทาสผู้รับใช้ของฉัน
ทุกอย่างเป็นไปได้สวย ทั้งพรสวรรค์ทั้งรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ ฉันจึงถูกรับเลือกเป็น 12 อัครสาวกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นทำให้ทุกคนต้องก้มหัวให้ฉัน
…แต่ถึงยังงั้น
“ท- ท่านมีอาครับ! ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็……”
“ดิฉันทราบแล้วค่ะ! …อึก ดิฉันจะถอยกลับจากตรงนี้ค่ะ! เตรียมการเคลื่อนย้ายเดี๋ยวนี้…”
“ร- เรื่องนั้นน่ะ… มีบาเรียป้องกันการเคลื่อนย้ายล้อมอยู่… มันแข็งแกร่งมากจนแม้แต่ {เกรทเตอร์ เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้ายขั้นสูง)} ก็ฝ่าออกไปไม่ได้เลย เพราะแบบนั้น ท่านก็ลี้ภัยไปจากที่นี่ไม่ได้เช่นกันครับ…!”
“อะไรนะคะ!? อ๋า ปัดโธ่ จะทำยังไงดี…!
…อึก ช่วยไม่ได้! ดิฉันไม่อยากใช้วิธีนี้เลยค่ะ แต่ว่า…!”
…โธ่ นี่เราฆ่าไปเกือบจะพันคนแล้วสินะ
พวกคนที่อยู่รอบตัวเราเองก็กลัวหัวหดจนหยุดโจมตีใส่เราไปแล้วด้วยสิ
ดูเหมือนจะยังหวังพึ่งเวทมนตร์ที่บินพุ่งมาหาเราอยู่เรื่อยๆ นี่อยู่สินะ แต่ของพรรค์นี้น่ะทำอะไรเราไม่ได้ซักนิดอยู่แล้ว
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเรา ‘ดาบมาร ไดอาส’ ดาบที่สามารถตัดวัตถุที่ไม่มีรูปร่างแน่นอน จับต้องไม่ได้ อย่างไฟหรือน้ำ ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงปรากฏการณ์ทางเวทมนตร์ด้วยเหมือนกัน
เพราะงั้น เวทที่ลอยไปลอยมานี่ เราก็แค่ฟันมันทิ้งไปซะก็เท่านั้นเอง
เอาล่ะ ต่อไปก็……
……หือ?
“กึก! กะอ๊าาาาาา!?”
“โอกก…… อะ น- นี่มัน…!?”
…อะไรน่ะ?
เรายังไม่ทันทำอะไรเลย แต่จู่ๆ คนที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มดิ้นรนอย่างทรมานกัน
และ จังหวะถัดมา…
“““โโโโโโโโโโโโโโโโโโอ้!!!”””
อยู่ๆ พวกนั้นก็คำรามขึ้นมา ก่อนจะพุ่งเข้าหาตัวเราพร้อมกัน
…อ๋า เข้าใจแล้ว นี่คือเวทจิตใจ {เบอร์เซิร์กเกอร์ (แปรเปลี่ยนนักรบคลั่ง)} สินะ?
เวทมนตร์ที่บังคับรีดเค้นพลังที่ผู้คนตามปกติแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีได้ อันเป็นผลจากความกลัวและความเจ็บปวด รวมทั้งปลดขีดจำกัดทางร่างกายออกไป แต่กลับไปปิดกั้นสติสัมปชัญญะแทน
ท่านจอมมารบอกมาแล้วว่ามีอาเป็นนักเวทที่ถนัดการใช้เวทจิตใจ แสดงว่าเธอใช้มันสินะ
“…แล้ว มันต่างจากเดิมตรงไหนล่ะ?”
เราตัดหัวของทหารทุกคนที่พุ่งโจมตีใส่เข้ามา ราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
{แปรเปลี่ยนนักรบคลั่ง} ทำได้แค่ปลดขีดจำกัดทางร่างกายออกไป ไม่ได้เพิ่มความทนทานของร่างกายอะไรเลย
ไม่ว่าพวกแกจะเพิ่มพละกำลังไปขนาดไหน หรือเพิ่มความเร็วเพื่อเข้าโจมตีเรามากเท่าไหร่ก็เถอะ สเตตัสเฉลี่ยของพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้ที่อยู่แค่เลข 3 หลักที่เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย ของแค่นั้นน่ะ เอาชนะเราไม่ได้อยู่แล้ว
นักรบคลั่งพุ่งเข้ามาให้เราฆ่าคนแล้วคนเล่า เราก็แค่ฟัน ฟัน แล้วก็ฟัน ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้เลย
อ่อนหัด มีความพยายาม แต่ก็อ่อนหัด
และแค่ 20 นาทีจากตอนนั้น… ก็ไม่เหลือใครในสนามรบอีกแล้วนอกจากตัวเราเอง
“ทีนี้… มีอาซ่อนอยู่ในป้อมตรงนั้นหรือเปล่านะ? ไม่สิ แค่โจมตีต่อไปเหมือนเดิมแล้วกัน”
TN: พี่น้องที่พลัดพรากกันไปถึง 8 ปี จะได้เจอกันอีกครั้งกลางสงคราม โห… น้ำตาจะไหล ฉากที่ได้จะต้องซาบซึ้ง กระแทกใจแน่นอน ว่ามั้ยครับ?