Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ 200 : Trounce

ตอนที่ 200 : Trounce

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หลังจากที่พวกรัซเซลแอบลอบลงไปสำรวจสุสานใต้ดินของเมืองแพนเทร่าจนค้นพบเมืองใต้ดินและถูกเหล่าทหารท่าทางประหลาดในชุดเกราะประจำเมืองแพนเทร่าเข้าจู่โจม
 

ซึ่งหลังจากที่พวกเขาหลบหนีจากการจู่โจมในครั้งแรกไปได้และกำลังหลบซ่อนตัวอยู่จากกองทหารที่กำลังเดินตรวจตราไปมา รัซเซลที่กำลังตรวจสอบสภาพอาวุธของเขาอันเป็นดาบสั้นประจำกายก็ได้พูดถามความเห็นของด็อคที่อายุมากที่สุดในกลุ่มขึ้นมา

 

“คิดว่าไงบ้างด็อค เป็นกลุ่มเดียวกับพวกเมื่อกี้นี้หรือเปล่า?”

 

“ถึงจะชุดเกราะกับตราประจำหน่วยจะไม่เหมือนกับกลุ่มก่อนหน้านี้ก็เถอะ แต่ดูแล้วน่าจะมีเป้าหมายเดียวกันแน่ๆ ล่ะ…”

 

ด็อกที่กำลังมองลอดผ่านช่องว่างของหน้าต่างเพื่อแอบมองดูเหล่าทหารยามที่กำลังเดินตรวจตราอยู่ภายนอกอาคารที่พวกเขาแอบเข้ามาหลบได้พูดตอบรองหัวหน้าทีมของพวกเขากลับไป ในขณะที่ทางด้านยุยที่ในขณะนี้กำลังสวมแว่นตาแบบเลนส์เดียวและใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับปากกาขูดขีดลงไปในก้อนคริสตัลวิซที่มีรอยแตกร้าวเล็กน้อยในมือก็ได้พูดถามเขาขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
 

“ประมาณว่ามาจากคนละหน่วยกันอะไรประมาณนั้นน่ะหรอ?”

 

“ก็อาจจะเป็นอะไรแบบนั้น… แต่ฉันว่ามันมีอะไรแปลกๆ อยู่ เพราะเท่าที่ฉันสังเกตเห็นตอนพวกเราหนีกันออกมาก็น่าจะมีสักห้าหน่วยที่ไม่ซ้ำกันแล้วล่ะมั้ง”

 

“นายดูผิดไปหรือเปล่าเนี่ยด็อก ถึงข้างล่างนี่มันจะกว้างน่าดูก็เถอะ แต่ว่ามันไม่น่าจะมีทหารประจำการอยู่ถึงห้าหน่วยหรอกมั้ง”

 

“ถ้าเธอไม่เชื่อก็ลองมองลงไปดูข้างล่างนั่นสิ พวกนั้นใส่คนละเครื่องแบบแต่ว่าดันเดินจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มเดียวเฉยเลยน่ะ”

 

ด็อคที่ได้ยินยุยพูดเถียงขึ้นมาได้ชี้ไปทางด้านนอกหน้าต่างให้หญิงสาวลุกขึ้นมาดูด้วยตัวเอง และนั่นก็ทำให้ยุยต้องยกสิ่งที่ดูเหมือนกับปากกาในมือของเธอขึ้นมาเกาหัวตัวเองเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดสั่งรัซเซลขึ้นมาแทน

 

“ช่วยไปยืนยันให้หน่อยสิรองหัวหน้า ฉันยังปรับแต่งกระสุนนี่ไม่เสร็จเลยน่ะ”

 

“เธอรีบหน่อยก็ดีนะ เพราะเมื่อกี้นี้กระสุนที่พวกเรามีมันยิงทหารพวกนั้นแทบไม่เข้าเลยนี่นะ… สลับที่กันหน่อยสิด็อค”

 

รัซเซลที่ถูกยุยพูดสั่งขึ้นมาได้พยักหน้ากลับไปให้เธอเล็กน้อยก่อนที่เขากับด็อคจะขยับตัวสลับตำแหน่งกัน และนั่นก็ทำให้รัซเซลได้มีโอกาสมองตรงไปตามถนนเส้นหลักของเมืองใต้ดินที่ทอดยาวตรงไปยังปราสาทใจกลางเมืองที่ดูเก่าแก่แต่ก็ยังคงความงดงามเอาไว้

 

แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่รัซเซลให้ความสนใจก็กลับเป็นกลุ่มของทหารสามคนที่แต่งตัวไม่เหมือนกันที่คนหนึ่งสวมชุดเหมือนกับทหารของแพนเทร่าและมีตรารูปสุนัขสีขาวคาบที่มีดเอาไว้ในปากติดอยู่บนไหล่ ในขณะที่ตราประจำหน่วยของทหารอีกสองคนที่แต่งตัวคล้ายๆ กันกลับเป็นตรารูปนัยน์ตาสีเหลืองของนกเหยี่ยวและตรารูปม้าสีขาวที่กำลังชูขาหน้าขึ้นที่มีพื้นหลังเป็นสีแดง

 

ซึ่งถึงแม้ว่าตราของพวกเขาจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ต่างๆ อันเป็นตราประจำหน่วยทหารของแพนเทร่าก็จริง แต่ว่าการส่งทหารจากคนละหน่วยออกมาลาดตระเวนเป็นกลุ่มเดียวกันแบบนี้รัซเซลค่อนข้างจะมั่นใจว่ามันไม่ใช่อะไรที่ทางเมืองจะทำอย่างแน่นอน

 

กรุ๊งกริ๊ง…

 

อีกทั้งนอกจากเรื่องการจับกลุ่มแปลกๆ ของกลุ่มทหารเบื้องหน้าแล้วก็ยังมีเรื่องของเสียงกระดิ่งที่ดังแว่วๆ ออกมาจากร่างเบื้องหน้าทั้งๆ ที่ไม่ว่าพวกเขาจะเพ่งดูขนาดไหนก็ไม่เห็นตัวกระดิ่งที่ว่านั่นเลยอีกด้วย

 

“จริงด้วยแฮะ… ถึงจะบอกว่าจะเป็นการจับกลุ่มเพื่อให้มีอาวุธครบทุกประเภทเพื่อรับมือได้ทุกสถานการณ์ก็เถอะ แต่ว่ายังไงการจับกลุ่มกันเองกับคนในหน่วยที่เข้าขากันมากกว่าก็น่าจะดีกว่าอยู่ดี… เล่นจับคนจากคนละหน่วยมาอยู่ด้วยกันแบบนี้จะไม่ขัดแข้งขัดขากันตายหรอไงเนี่ย…”

 

รัซเซลที่เห็นการจับกลุ่มของหน่วยทหารสามคนเบื้องหน้าอันประกอบไปด้วยพลหอกหนึ่งนาย อัศวินที่ถือดาบโล่หนึ่งนาย และพลปืนอีกหนึ่งได้พูดพึมพำออกมาเบาๆ และนั่นก็ทำให้ด็อคที่กำลังมองสังเกตกลุ่มทหารอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ด้วยเช่นเดียวกันเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง

 

“ใช่มั้ยล่ะ… แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดที่สุดที่พวกเราเจอตั้งแต่ลงมาที่นี่หรอก นายเห็นตอนที่ฉันยิงลูกหมาตัวนั้น—”

 

“หลบออกมาจากหน้าต่างก่อนด็อค…!”

 

“—!?”

 

คำพูดเตือนของรัซเซลได้ทำให้ด็อคต้องรีบลดตัวลงเพื่อให้พ้นจากหน้าต่างบานที่เขาแอบส่องอยู่ในทันที และเมื่อด็อคหันไปมองดูทางด้านรัซเซลก็พบว่าอีกฝ่ายก็กำลังทำแบบเดียวกันอยู่ด้วย ซึ่งภาพของชายหนุ่มทั้งสองก็ได้ทำให้ยุยต้องรีบยัดก้อนคริสตัลในมือกลับเข้าใส่ตลับกระสุนและร้องถามขึ้นมาในทันที

 

“เกิดอะไรขึ้น!? พวกเราโดนเจอแล้วหรอ!?”

 

“ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เมื่อกี้นี้หนึ่งในกลุ่มพวกนั้นหันมาทางนี้แล้วก็นิ่งไปน่ะ… หืม…”

 

รัซเซลที่พูดตอบยุยกลับไปนั้นได้ชะโงกหน้าออกไปแอบมองดูภายนอกโกดังร้างที่พวกเขามาแอบหลบกันอยู่อีกครั้งก่อนที่เขาจะส่งเสียงออกมาเบาๆ ด้วยความแปลกใจ เพราะว่าในขณะนี้นายทหารทั้งสามคนที่ก่อนหน้านี้เหมือนว่าจะสังเกตเห็นพวกเขาแล้วกำลังเดินจากไปตามถนนเสียแล้ว

 

“พวกนั้นถอยไปแล้วงั้นหรอ…”

 

“ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังไล่พวกเราไปทั่วเมืองไม่ยอมปล่อยอยู่เลยเนี่ยนะ?”

 

คำพูดพึมพำของรัซเซลได้ทำให้ยุยต้องแอบชะโงกหน้าออกไปดูด้วยอีกคนหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาด้วยความสงสัยในขณะที่ทางด้านด็อกนั้นก็ได้พูดถามความเห็นของรัซเซลผู้เป็นรองหัวหน้ากลุ่มขึ้นมา

 

“แต่ว่าพวกนั้นก็เดินกลับไปกันแล้วจริงๆ … เอาไงดีล่ะรองหัวหน้า จะย้ายไปหลบที่อื่นกันก่อนดีมั้ย?”

 

“นั่นสินะ… แต่ว่าถ้าต้องหาที่หลบไปเรื่อยๆ แบบนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องดีแน่… ฉันว่าพวกเราใช้จังหวะนี้รีบหนีไปที่ทางออกเลยน่าจะดีกว่า”

 

รัซเซลพูดตอบด็อคกลับไปในขณะที่ทางด้านยุยก็ได้แสดงท่าทีกังวลออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง

 

“แต่ถ้าเกิดว่าต้องสู้ไปหนีไปเหมือนเมื่อกี้นี้ล่ะก็ฉันว่าพวกเราไม่น่ารอดแน่ อย่างน้อยๆ ถ้าจะรีบหนีกันจริงๆ ฉันขอเวลาปรับแต่งกระสุนที่เหลือให้เสร็จก่อนเถอะ เพราะกระสุนที่ยังไม่ได้ปรับแต่งมันยิงให้เจ้าพวกนั้นให้ชะงักยังไม่ได้เลยนะ…”

 

“ถ้างั้นเอาเป็นว่าเธอเร่งมือหน่อยก็แล้วกันนะยุย ฉันให้เวลาอีกห้านาทีหรือจนกว่าจะเห็นทหารพวกนั้นเดินวนกลับมาอีกรอบก็แล้วกัน ถ้าเกิดเจ้าพวกนั้นกลับมาเมื่อไหร่ได้เท่าไหนก็คงจะต้องใช้เท่านั้นนั่นแหล่ะ”

 

“แค่ห้านาทีเนี่ยนะ…?”

 

ยุยพูดบ่นพึมพำออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะรีบหยิบอุปกรณ์ปรับแต่งคริสตัลวิซออกมาลงมือจัดการกระสุนในตลับกระสุนของเธออีกครั้งในทันที ในขณะที่ทางด้านรัซเซลที่หันกลับไปเฝ้าระวังอีกครั้งหนึ่งแล้วก็ได้พูดถามถึงเรื่องอื่นๆ ขึ้นมาบ้าง

 

“ว่าแต่พวกเรายังมีอุปกรณ์เหลืออยู่อีกเท่าไหร่น่ะ?”

 

“ก่อนหน้านี้ตอนที่ต้องรีบหนีออกมาจากร้านค้านั่นก็ใช้ไปเกือบจะหมดแล้ว ตอนนี้น่าจะเหลือแค่กระสุนสำรองอยู่อีกแค่สองตลับที่ฉันกำลังปรับแต่งอยู่นี่กับระเบิดควันอีกสองลูกของด็อคล่ะมั้ง”

 

คำถามของรัซเซลได้ยุยที่กำลังนั่งปรับแต่งกระสุนวิซอยู่เป็นผู้พูดตอบให้ราวกับว่าการปรับแต่งกระสุนวิซที่เธอทำอยู่นั่นเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้สมาธิมากนักซะด้วยซ้ำ ซึ่งคำตอบของยุยก็ได้ทำให้ด็อคผู้เป็นเจ้าของระเบิดควันต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมา

 

“เธอก็ยังมีเวลามานับระเบิดควันที่ฉันใช้ไปแล้วจนรู้ว่ายังเหลืออีกสองลูกอีกนะ… แต่ก็นะ ถ้าเกิดว่าไม่ได้ใช้ไปขนาดนั้นก็คงจะสลัดทหารพวกนั้นไม่หลุดจริงๆ นั่นล่ะ…”

 

“เอาน่าๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวนายกับยุยเป็นคนใช้ปืนก็แล้วกันของฉันแค่ดาบนี่ก็พอแล้วล่ะ… ถ้าเธอจัดการกระสุนนั่นเสร็จเมื่อไหร่ก็บอกก็แล้วกันนะยุย พวกเราจะได้รีบไป—”

 

วู่ม… ครื่นนนนน—

 

ในขณะที่รัซเซลกำลังพูดอยู่นั้นเอง อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงที่ฟังดูเหมือนกับเครื่องยนต์วิซขนาดใหญ่ดังลั่นขึ้นมาทั่วบริเวณพร้อมๆ กับเสียงที่ฟังดูเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ยักษ์กำลังเคลื่อนตัวดังขึ้นตามมาจนทำให้เหล่าทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงทั้งสามคนชะงักไป

 

“พวกนายได้ยินเสียงเมื่อกี้หรือเปล่า?”

 

“อื้ม… แล้วเมื่อกี้นี้ก็มีวิซจำนวนมากพุ่งผ่านมาทางนี้ด้วย”

 

“ไม่ใช่แค่ฉันที่คิดไปเองงั้นสินะ…”

 

รัซเซลที่ได้ยินคำพูดของยุยได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปมองดูด้านนอกหน้าต่างที่ยังคงเงียบสงัดราวกับเมืองร้างที่ไร้ซึ่งวิ่งแววของเหล่าทหารที่เคยเดินตรวจตรากันเต็มถนนอีกครั้งหนึ่ง

 

ซึ่งในขณะที่รัซเซลกำลังสอดส่องสายตาไปมาด้วยความระแวดระวังอยู่นั้นเอง เขาก็ได้สังเกตเห็นช่องว่างสีดำขนาดใหญ่อันน่าจะเป็นช่องหน้าต่างของหอคอยปราสาทที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เมื่อสักครู่นี้เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าหอคอยที่ว่านั่นมันไม่มีหน้าต่างประดับอยู่อย่างแน่นอนเข้าให้จนทำให้เขาต้องพูดพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความแปลกใจ

 

“เดี๋ยวสิ.. นั่นมันอะไรน่ะ”

 

ในขณะที่รัซเซลกำลังพยายามเพ่งมองไปยังรูหน้าต่างของหอคอยที่อยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาอยู่นั้น เขาก็ได้สังเกตเห็นว่าภายใต้ความมืดมิดของรูหน้าต่างนั้นมันกำลังมีแสงสว่างสี่จุดที่ค่อยๆ ทวีความสว่างขึ้นมากเรื่อยๆ อีกทั้งพวกมันยังหันตรงมาทางด้านพวกเขาอีกด้วย และนั่นก็ทำให้รัซเซลที่ค่อนข้างคุ้นเคยกับแสงสว่างที่ค่อยๆ ส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นสัญลักษณ์ของอาวุธพลังวิซที่กำลังรวบรวมพลังอยู่ต้องรีบร้องสั่งลูกทีมของเขาขึ้นมา

 

“รีบออกไปจากที่นี่! เดี๋ยวนี้!!”

 

“อ—เอ๋ะ—?”

 

“ข—เข้าใจแล้ว! มาทางนี้เร็วยุย!!”

 

ถึงแม้ว่าทางด้านยุยจะดูเหมือนกับว่าจะตามสถานการณ์ไม่ทัน ทางด้านด็อคที่ตั้งสติได้เร็วกว่าก็ได้รีบดึงแขนของยุยให้ลุกขึ้นมาและรีบวิ่งตรงไปทางประตูห้องในทันที

 

ปังปังปังปังปังปังปังปัง—!!!

 

“ไม่ทันแล้ว! หมอบลง!!”

 

แต่ทว่าก็ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้วิ่งไปถึงประตูห้องซะด้วยซ้ำก็กลับมีเสียงที่ฟังดูเหมือนกับอาวุธปืนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีกระสุนวิซขนาดใหญ่หลายสิบนัดพุ่งแหวกอากาศตรงมายังอาคารหลังที่พวกเขาใช้หลบซ่อนอย่างแม่นยำ

 

ตู้มตู้มตู้มตู้มตู้มตู้มตู้ม!!!

 

ในทุกๆ ครั้งที่พลังวิซที่อัดแน่นกันจนเป็นกระสุนวิซขนาดใหญ่ตกกระทบลงกับตัวอาคารมันก็ได้ก่อให้เกิดการระเบิดขนาดย่อมๆ ที่เกิดจากพลังวิซที่อันแน่นกันถูกปลดปล่อยออกมา ซึ่งแรงระเบิดที่ดูรุนแรงไม่แพ้ปืนใหญ่พลังวิซของแพนเทร่าแต่ว่ากลับยิงได้อย่างต่อเนื่องนั้นก็ได้ทำให้รัซเซลต้องขมวดคิ้วด้วยความยุ่งยากใจเพราะว่าตัวอาคารร้างเก่าๆ แห่งนี้คงจะทนรับความเสียหายอย่างต่อเนื่องขนาดนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน

 

ครึ่ก—–

 

และมันก็เป็นอย่างที่รัซเซลคาดเอาไว้เมื่อฝนกระสุนวิซขนาดใหญ่ที่ถูกกระหน่ำยิงลงมาอย่างต่อเนื่องได้ทำให้คานไม้ผุๆ ด้านบนปริหักออก และตำแหน่งของมันก็อยู่ที่ด้านบนศีรษะของยุยพอดีอีกด้วย

 

“ยุยระวัง!!”

 

“ว๊าย—!?”

 

โคร๊ม!!!

 

“รองหัวหน้า!? ยุย!!?”

 

เสียงร้องของรัซเซลและยุยรวมกับเสียงของคานเพดานที่ถล่มลงมาได้ทำให้ด็อคต้องรีบร้องเรียกเพื่อนร่วมทีมของเขาขึ้นมาและรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของทั้งสองคนในทันที ในขณะที่ฝนกระสุนระเบิดที่ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อสักครู่นี้ก็ได้หยุดลงไปราวกับว่าใครก็ตามที่อยู่บนหอคอยจงใจที่จะใช้มันเพื่อถล่มอาคารที่พวกเขาใช้หลบซ่อนอยู่เพียงอย่างเดียวอย่างไรอย่างนั้น

 

ซึ่งสภาพที่ด็อคได้เห็นนั้นก็คือร่างของรัซเซลที่คร่อมอยู่ข้างบนร่างของยุยเพื่อใช้ร่างของเขาในการปกป้องหญิงสาวจากเศษไม้เศษหินที่พังถล่มลงมาจนเลือดท่วมตัว

 

แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านรัซเซลก็กลับดูเหมือนจะไม่สนใจบาดแผลของเขาเลยแม้แต่น้อยและพูดถามยุยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาขึ้นมา

 

“ม…ไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่ายุย…?”

 

“ร…รองหัวหน้า…”

 

ผลัก—

 

ยังไม่ทันที่ยุยจะได้พูดตอบอะไรกลับไป ร่างของรัซเซลก็ได้เอนล้มลงไปทางด้านข้างจนทำให้เพื่อนร่วมทีมของเขาทั้งสองคนต้องหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

“รัซเซล!!?”

 

“รองหัวหน้า!!?”

 

“ด็อค… นายปล่อยฉันไว้ที่นี่แล้วพายุยหนีออกไปซะ”

 

ถึงแม้ว่าทั้งยุยและด็อคจะรีบเข้าไปตรวจดูอาการของรัซเซลแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะรู้สภาพของตัวเองดีว่าเขาคงจะขยับไปไหนได้ไม่ไหวเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะพูดสั่งด็อคขึ้นมาตรงๆ และนั่นก็ทำให้ยุยต้องขึ้นเสียงพูดขัดเขาขึ้นมาในทันที

 

“น—นี่นายจะบ้าหรอไง!? อย่าไปฟังคำพูดของเขานะด็อค!!”

 

“ไม่ต้องบอกฉันก็ไม่คิดจะทำอยู่แล้วแหล่ะหน่า!”

 

“เจ้าพวกบ้าเอ๊ย…”

 

กริ๊งกริ๊ง….

 

แต่ทว่าก็ยังไม่ทันที่ทั้งสามคนจะได้ลงมือทำอะไรก็ได้มีเสียงของกระดิ่งดังแว่วๆ มาตามถนน บ่งบอกว่าเหล่าทหารในชุดเกราะพวกนั้นกำลังเดินตรงมาทางพวกเขาอย่างแน่นอน และนั่นก็ทำให้ด็อคต้องขมวดคิ้วแน่นและนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่เขาจะหยิบเอาระเบิดควันที่เขาพกเอาไว้ออกมาดึงสลักออกและปล่อยมันลงพื้นในทันที

 

ปุ๊ง!! ฟู่ววววว—

 

ระเบิดควันที่ด็อคปล่อยมันลงพื้นได้กลิ้งออกไปเล็กน้อยก่อนที่มันจะปลดปล่อยควันสีขาวหนาแน่นออกมาเป็นจำนวนมาก และเมื่อรวมเข้ากับหมอกควันที่อัดแน่นอยู่ที่ใต้ดินแห่งนี้แล้วมันก็แทบจะทำให้พวกเขามองมือของตัวเองไม่เห็นซะด้วยซ้ำจนทำให้มันน่าจะช่วยซื้อเวลาให้พวกเขาได้สักพักหนึ่ง

 

ซึ่งด็อคก็ได้ใช้จังหวะนี้ในการฉีกผ้าคลุมสีแดงตรงส่วนฮู๊ดคลุมหัวของเขาออกเผยให้เห็นใบหน้าที่ดูมีอายุมากกว่ารัซเซลเพียงแค่เล็กน้อยกับเส้นผมสีม่วงเข้มและนัยน์ตาสีน้ำตาลของเขาก่อนที่เขาจะนำเศษผ้าที่ได้มามาพันแผลให้กับรัซเซลให้ครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“ตอนนี้น่าจะทำได้เท่านี้นี้ล่ะ ยังไงก็ทนเอาไว้จนกว่าพวกนายจะออกไปจากที่นี่ได้ก็แล้วกัน”

 

“เดี๋ยวสิ—นายพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไงน่ะ!?”

 

“…ก็แค่หมายความว่าพวกเราต้องรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแค่นั้นล่ะ เธอยิงปืนแม่นกว่าฉันเพราะงั้นเอากระสุนพวกนี้ไปเผื่อดีกว่า ส่วนฉันของยืมดาบของนายหน่อยนะรัซเซล”

 

ด็อคพูดตอบยุยกลับไปสั้นๆ พร้อมกับโยนตลับกระสุนในส่วนของเขาไปให้หญิงสาวก่อนที่ตัวเขาเองจะหยิบเอาดาบสั้นของรัซเซลขึ้นมาถือเอาไว้คู่กับดาบอีกเล่มหนึ่งที่เขาพกเอาไว้เป็นอาวุธสำรองแล้วจึงมองตรงไปยังจุดที่น่าจะเป็นทางขึ้นลงที่อยู่ใกล้ที่สุดพร้อมกับเอ่ยปากพูดสั่งคนอื่นๆ ขึ้นมาแทนรัซเซลผู้เป็นรองหัวหน้ากลุ่มที่ไม่อยู่ในสภาพจะสั่งการอะไรได้แล้ว

 

“ถึงจะยังไม่ชัวร์ว่ามันจะเป็นทางขึ้นลงเหมือนกับจุดที่เราลงมาหรือเปล่าก็เถอะแต่ดูแล้วมันน่าจะเป็นความหวังเดียวแล้วล่ะ ยุยเธอพยุงรัซเซลเอาไว้แล้วรีบวิ่งตรงไปที่นั่นเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามหยุดวิ่งเด็ดขาด ตอนนี้ชีวิตของรัซเซลอยู่ในมือของเธอแล้วนะเข้าใจหรือเปล่า?”

 

“ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วน่า!!”

 

“ดีล่ะ ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ…!”

 

ด็อคที่ได้ยินคำพูดตอบรับจากยุยได้พยักหน้ากลับไปให้เธอเล็กน้อยก่อนที่เขาจะกระโดดออกมาจากซากอาคารและวิ่งนำตรงไปยังจุดที่น่าจะเป็นทางขึ้นลงที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที

 

และนั่นก็ทำให้เขาได้พบเข้ากับทหารสองคนในชุดที่แตกต่างกันที่หนึ่งคนถือขวานคู่เอาไว้ในมือในขณะที่อีกคนหนึ่งก็ถือโล่ขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะมายืนดักรอพวกเขาเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว

 

“พวกแกน่ะ…มาทางนี้!!”

 

ฟวับ—สวบ!!

 

ซึ่งด็อคที่เห็นว่ามีคนมาดักทางปิดล้อมพวกเขาเอาไว้อยู่ก่อนแล้วก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปใช้ดาบคู่ในมือของเขาฟันเข้าใส่ระหว่างรอยต่อของชุดเกราะโทรมๆ ที่นายทหารที่ถือขวานคู่สวมใส่อยู่อย่างแม่นยำจนอีกฝ่ายทรุดลงไปในทันที

 

“ด็อค—!?”

 

“อย่าหันกลับมานะยุย!! วิ่งไปเลย!!”

 

ด็อคที่เห็นว่ายุยชะงักฝีเท้าลงเพื่อหันมามองทางเขานั้นได้ตะโกนสั่งกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านยุยก็กลับยังดูมีท่าทีลังเลไม่กล้าที่จะทิ้งเพื่อนร่วมทีมของเธอไว้ข้างหลังคนเดียวอยู่ดี

 

แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่ด็อคจะได้พูดตอบอะไรกลับไป นายทหารที่ถือโล่ใหญ่เอาไว้ในมือก็ได้ขยับตัวมาขวางหน้าของเขาเอาไว้โดยไม่มีท่าทีว่าจะเป็นห่วงเพื่อนของเขาที่ถูกฟันจนทรุดล้มลงไปเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าหน้าที่ของเหล่าทหารพวกนี้คือการถ่วงเวลาพวกเขาเอาไว้ให้ได้อย่างน้อยสักหนึ่งคนก็ยังดี

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้ด็อคที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะออกแรงถีบเข้าไปที่ใจกลางโล่ในมือของอีกฝ่ายอย่างแรงจนกระเด็นออกไปและรีบร้องสั่งยุยขึ้นมาอีกครั้ง

 

โคร๊ม—!!

 

“เดี๋ยวฉันจะรีบตามไปเอง! เธอรีบไปก่อนเร็วเข้า!!”

 

“……….”

 

คำสั่งของด็อคในคราวนี้ได้ทำให้ยุยกัดฟันแน่นเพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเธอจะทำได้ในตอนนี้แล้วแต่ว่าการทิ้งพวกพ้องเอาไว้ข้างหลังเพื่อถ่วงเวลาแบบนี้มันไม่ใช่อะไรที่เธอต้องการจะทำเลยแม้แต่น้อย

 

กรุ๊งกริ๊ง~ กรุ๊งกริ๊ง~ กรุ๊งกริ๊ง~

 

“มัวรออะไรอยู่เล่ายุย!! เฮ้ย!! เจ้าพวกโง่!! ทางนี้โว้ย!!”

 

เคร๊ง!! เคร๊ง!!

 

เสียงของกระดิ่งปริศนาที่ดังขึ้นมาจากทุกทิศทุกทางได้ทำให้ด็อคต้องพูดเตือนสติยุยขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่เขาจะร้องตะโกนเสียงดังและใช้ดาบทั้งสองเล่มในมือกระแทกเข้าใส่กันเพื่อสร้างเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่เขาจะออกวิ่งแยกไปตามถนนเส้นหลักของเมืองโดยไม่คิดจะหลบซ่อนตัวเลยแม้แต่น้อย

 

ซึ่งการกระทำของด็อคนั้นก็ได้ทำให้เสียงของกระดิ่งที่เคยดังขึ้นมาให้ยุยได้ยินเงียบหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็กลับแทนที่ขึ้นมาด้วยเสียงของอาวุธกระทบกันที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากอีกฟากหนึ่งของตัวเมืองแทนจนทำให้ยุยต้องกัดฟันพูดขึ้นมาเบาๆ

 

“ถ้าเกิดว่านายผิดคำพูดล่ะก็ฉันไม่ให้อภัยนายแน่ด็อค…!”

 

ยุยที่รู้ตัวดีว่าเธอที่ต้องรับผิดชอบพารัซเซลหนีออกไปจากที่นี่ก่อนคงจะไม่สามารถหันกลับไปช่วยด็อคได้แน่ๆ ได้ตัดสินใจที่จะรีบออกวิ่งตรงไปยังจุดที่น่าจะเป็นทางขึ้นลงอีกครั้งหนึ่ง

 

ซึ่งเธอก็สามารถวิ่งตรงไปยังจุดหมายได้โดยไม่ถูกขัดขวางเลยแม้แต่น้อยราวกับว่าเหล่าทหารทั้งเมืองที่เคยออกไล่ล่าพวกเธอก่อนหน้านี้ได้ไปรวมกันอยู่ที่จุดเดียวแล้วอย่างไรอย่างนั้น

 

“เดี๋ยวสิ.. แล้วทางไปต่อล่ะ!?”

 

แต่ทว่าในทันทีที่ยุยก้าวเท้าเข้าไปด้านในตรงจุดที่ควรจะเป็นทางขึ้นลงนั้นเองเธอก็ต้องชะงักไป เพราะว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่ใช่บันไดวนแบบจุดที่พาพวกเธอลงมายังเมืองใต้ดินแห่งนี้ แต่ว่ากลับเป็นห้องเล็กๆ ที่มีสภาพเหมือนกับห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราโดยไร้ซึ่งทางออกหรือเส้นทางให้เดินไปต่อ

 

กรุ๊งกริ๊ง…

 

“…เจ้าพวกนั้นยังตามมาได้จริงๆ ด้วยสินะ… ให้ตายสิ…”

 

แต่ทว่าก็ยังไม่ทันที่ยุยจะได้มีเวลาสำรวจอะไรก็ได้มีเสียงของกระดิ่งดังแว่วๆ มาให้เธอได้ยินจากภายนอกจนทำให้ยุยต้องขมวดคิ้วก่อนที่เธอจะวางร่างของรัซเซลที่ดูเหมือนว่าจะหมดสติไปแล้วพิงลงที่กำแพงใกล้ๆ และหยิบเอาอุปกรณ์ต่างๆ ของตัวเองออกมาตรวจสอบเพิ่มความแน่ใจและพูดบ่นพึมพำออกมาเบาๆ

 

“นายนี่ก็ชอบหางานเสี่ยงๆ มาให้พวกเราทำจริงๆ เลยนะรัซเซล… ถึงมันจะทำให้พวกเราพัฒนาตัวเองได้ไวเพื่อที่จะได้มีอิสระแบบหัวหน้าเขาไวๆ ก็เถอะนะ… เฮ้อ… แต่ก็เพราะว่าพวกเรามีเป้าหมายแบบนั้นก็เลยยอมที่จะตามนายไปไหนต่อไหนนั่นแหล่ะ…”

 

ยุยที่พูดพึมพำออกมานั้นได้เหลือบไปมองรัซเซลเล็กน้อยก่อนที่เธอจะจัดเก็บอุปกรณ์ของเธอกลับเข้าที่เดิมและลุกยืนขึ้นอีกครั้ง

 

หมับ

 

“ด…เดี๋ยวก่อน…พาฉันไปด้วย…”

 

แต่ทว่าก็ยังไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้าเดินไปไหน อยู่ๆ รัซเซลที่เธอคิดว่าเขาหมดสติไปแล้วก็ได้ยกมือขึ้นมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้และนั่นก็ทำให้ยุยต้องชะงักไปก่อนที่เธอจะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยและเอ่ยปากพูดขึ้นมา

 

“ถ้าเกิดว่าที่อยู่ตรงนี้เป็นด็อคหรือว่าเคนพวกเขาก็อาจจะยอมอยู่หรอกนะ… ก็สองคนนั้นเขาชอบเรื่องแบบนี้จะตายไปนี่นะ มิตรภาพในหมู่พวกพ้องที่ต่อสู้ร่วมกันจนถึงที่สุดอะไรทำนองนั้นน่ะ”

 

ยุยที่เอ่ยปากพูดขึ้นมานั้นได้ย่อตัวกลับลงไปนั่งข้างๆ รัซเซลก่อนที่เธอจะยื่นมือออกไปโอบกอดเขาเอาไว้และเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อเบาๆ

 

“แต่ว่านะ… ที่อยู่ตรงนี้ดันเป็นยัยยุยขี้บ่นที่เป็นห่วงนายยิ่งกว่าใครคนนั้นไปซะได้… มันเป็นความผิดของนายเองนะที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้น่ะ เพราะงั้นนายก็รับผลของมันไปก็ละกัน”

 

“ย…อย่าไป…”

 

ยุยที่ได้ยินคำพูดของรัซเซลได้หลุบตาลงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะลุกยืนขึ้นและหยิบเอาปืนพกประจำตัวออกมาแล้วจึงก้าวเดินออกไปด้านนอกห้องนั่งเล่นที่ดูเหมือนว่าจะเป็นทางตันแห่งนี้โดยทิ้งเอาไว้เพียงคำพูดเบาๆ และเสียงของประตูเหล็กที่ถูกเลื่อนปิดกลับลงไป

 

“…เดี๋ยวฉันกลับมานะรัซเซล”

 

ครื่ดดดดดดด— ปึ้ง!!

 

“ยุย!!”

Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

Score 10
Status: Completed
เมื่อคำสัญญาจากอดีตได้หวนคืนกลับมาเพื่อทวงคืนสิ่งที่ถูกหยิบยืมไป การเดินทางของคนถูกทิ้งกลุ่มหนึ่งเพื่อจะช่วยเหลือมนุษยชาติจึงได้เริ่มต้นขึ้น

Options

not work with dark mode
Reset