บทที่ 437 หยุดขยับ
บทที่ 437 หยุดขยับ
อาเซียงกังวลว่าเฮ่ออวี้เฟิงจะเข้าใจตัวเองผิดไป จึงรีบปล่อยมือแล้วเขยิบถอยหลัง
โดยไม่คาดคิด รถจักรยานยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงของเฮ่ออวี้เฟิงนั้นคล้ายคลึงกับรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่มาก แม้แต่ตำแหน่งเบาะนั่งก็ยังเทเอียงไปข้างหน้า
แทนที่จะนั่งได้อย่างมั่นคง ทว่าร่างกายช่วงบนและก้นของอาเซียงก็ยังเทไปข้างหน้าอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เธอจะเจ็บเท่านั้น แต่เฮ่ออวี้เฟิงยังคร่ำครวญอีกด้วย
อาเซียงตอนนี้อายุ 18 ปีแล้ว ช่วงปีที่ผ่านมาเธออยู่กับเซี่ยชิงหยวนและครอบครัว จึงได้กินดีอยู่ดีจนพัฒนาการทางร่างกายของเธอดีกว่าเด็กสาวคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านมาก
ด้วยการปะทะกันนี้ ร่างกายที่อ่อนนุ่มและอวบอ้วนก็ชิดหลังของเฮ่ออวี้เฟิง ซึ่งสัมผัสได้ชัดเจนผ่านเสื้อผ้าที่ไม่หนา
อาเซียงรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนแทบทอดไข่ได้
ด้วยความตื่นตระหนก มือของเธอที่อยู่ตรงเอวเฮ่ออวี้เฟิงก็คว้าจับไปมั่วซั่ว หญิงสาวอยากจะปล่อย แต่รถที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าทำให้เธอสับสนอย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้นรถก็เบรกกะทันหัน และเสียงต่ำของเฮ่ออวี้เฟิงก็ดังมาจากด้านหน้าราวกับว่าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป “อย่าขยับอีกนะ”
อาเซียงรู้สึกเขินอายมากจนเธอทำได้เพียงขอโทษ “ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ขณะที่เธอพูดอย่างนั้น ดวงตาของเธอก็เริ่มแดงก่ำ
หลังจากเข้ามาอาศัยในบ้านเฮ่อในที่สุด จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเฮ่ออวี้เฟิงเข้าใจผิดว่าเธอเป็นพวกโรคจิตเพราะเหตุการณ์นี้ล่ะ?
อาเซียงแทบจะน้ำตาไหล
เธอได้ยินเฮ่ออวี้เฟิงถอนหายใจ แต่จากนั้นเขาก็คว้ามือของเธอแล้ววางลงบนเอวของตัวเอง “พอแล้ว หยุดขยับได้แล้ว”
หลังจากนั้นเขาก็สตาร์ตมอเตอร์ไซค์อีกครั้งและขับกลับบ้าน
นอกจากแม่ของเขาแล้ว เขาเพิ่งให้คนอื่นซ้อนมอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นครั้งแรก
แม่ของเขามีรูปร่างผอมบางและตามองไม่เห็น ดังนั้นเฮ่ออวี้เฟิงจึงไม่เพียงแต่ขอให้เแม่ของเขากอดตัวเขาแน่นๆ เท่านั้น แต่เขายังใช้ผ้ามัดแม่เอาไว้กับตัวเขาด้วย
ตอนนี้อาเซียงเป็นคนซ้อนท้าย ซึ่งความรู้สึกมันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็ยังเป็นผู้ชาย การถูกเธอแนบชิดแบบนี้ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มจริง ๆ
แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่แสนซื่อของหญิงสาว เขาก็ไม่อาจอารมณ์เสียได้เลย
ครั้งแรกที่เราพบกัน ผู้หญิงคนนี้เป็นหญิงสาวที่ดูดุร้ายอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงบอบบางน่ารักต่อหน้าเขาขนาดนี้ล่ะ?
เป็นครั้งแรกที่เขาเสียใจว่าทำไมถึงปรับแต่งรถแบบนี้ สงสัยพรุ่งนี้เขาจะต้องหาเวลาดัดแปลงรถกลับแล้วสิ!
มือที่ถูกเฮ่ออวี้เฟิงสัมผัสดูเหมือนจะยังคงมีอุณหภูมิร่างกายของเขาติดอยู่ อาเซียงที่ซ้อนอยู่ข้างหลังก็ปากยิ้มจนเกือบถึงหู
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอจะไม่ล้างมือเด็ดขาด!
เธอระงับความตื่นเต้นของตัวเองแล้วพูดว่า “อะ อื้ม”
จากนั้นเธอก็ไม่ขยับตัวอีก และร่างกายก็แนบอิงร่างของเฮ่ออวี้เฟิง
เขาเป็นคนขอให้เธอจับเขาท่าทางนี้เอง และเป็นเพราะการออกแบบเบาะนั่งมอเตอร์ไซค์ ซึ่งทำให้เธอต้องแนบชิดอยู่กับเขาด้วย มันไม่ใช่เพราะเธอจงใจต้องการเอาเปรียบจริงหรอกใช่ไหมล่ะ?
พี่สาวเซี่ยเคยบอกว่าถ้าผู้หญิงต้องการไล่ตามผู้ชาย เธอควรจะกระตือรือร้นมากขึ้น
เมื่อกลับถึงประตูบ้านเฮ่อ ร่างกายของเฮ่ออวี้เฟิงก็เต็มไปด้วยเหงื่อบาง ๆ เขาพูดเอ่ยแผ่วเบา “เธอเข้าไปเร็วเข้าเถอะ”
อาเซียงปีนลงจากเบาะหลังและเห็นผิวหนังที่ค่อนข้างสะท้อนแสงของเขาท่ามกลางแสงจันทร์ ซึ่งรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นเหงื่อ
เธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “พี่เฮ่อ ร้อนมากเหรอ?”
เธอกระชับเสื้อคลุมของตัวเองแน่นกว่าเดิม “ฉันว่ามันหนาวนะ”
เฮ่ออวี้เฟิง “…”
เขาก้มศีรษะลงตามองพื้น “หนาวแต่เหงื่อออกน่ะ”
อาเซียง “?”
หญิงมึนงงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ส่งเสียง ‘อ้อ’ แล้วมองไปยังเฮ่ออวี้เฟิง ซึ่งนั่งอยู่ติดกับช่วงถังน้ำมันของมอเตอร์ไซค์ และรู้สึกว่าต้องเตือนเขา “น่าจะเพราะพี่เฮ่อนั่งติดกับถังน้ำมันมากไปหน่อยนะ”
เฮ่ออวี้เฟิง “…”
สาเหตุที่เขานั่งติดกับถังน้ำมันไม่ใช่เพราะเขา…ถูกเธอแนบชิดรึไง?
เธอเขยิบมาข้างหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาก็ต้องเขยิบไปข้างหน้าอย่างร้อนรนตามไปด้วย พอมาถึงบ้านเขาก็แทบจะนั่งอยู่บนถังน้ำมันของมอเตอร์ไซค์แล้วด้วยซ้ำ
เฮ่ออวี้เฟิงทำได้เพียงบีบเสียงพูดจากลำคอ “นั่งบนถังน้ำมันก็สบายไปอีกแบบเหมือนกัน”
แน่นอนว่าอาเซียงเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง “ถ้างั้นครั้งต่อไปให้ฉันนั่งบนถังน้ำมันไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฮ่ออวี้เฟิงก็นึกในใจ เขาคิดภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองขับมอเตอร์ไซค์โดยมีอาเซียงนั่งอยู่บนถังน้ำมันในอ้อมแขนของเขา
เขาส่ายหัวทันที “ไม่ได้”
หลังจากพูดจบเขาก็ยกขายาวขึ้นวางบนคันเร่งของมอเตอร์ไซค์ “เข้าไปเร็ว ๆ แล้วล็อกประตูด้วย”
อาเซียงไม่รู้ว่าทำไมเขารีบไล่เธอ หญิงสาวก็ได้แต่ตอบอย่างเสียใจ “ค่า”
เฮ่ออวี้เฟิงอยู่นอกประตู รอจนกระทั่งอาเซียงเข้าไปในบ้านและล็อกประตู จากนั้นแสงเทียนก็สว่างขึ้นข้างในก่อนที่จะสตาร์ทรถอีกครั้งและขับออกไป
…
“แกพูดอะไร พูดสิ่งที่แกเพิ่งพูดอีกครั้งสิ?” ในสำนักงานชั้นบนสุดของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ฉีหยวนซานอดทนไม่ไหวและโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง
สีหน้าของฉีจิ่นจือไม่เปลี่ยนแปลง และพูดซ้ำสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป “ผมอยากเข้าร่วมกองพลสอดแนมต่อต้านยาเสพติด”
“บัดซบ!” ฉีหยวนซานตบโต๊ะ
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินอย่างรวดเร็วไปที่ตรงหน้าของฉีจิ่นจือ เขาทั้งโกรธและกังวล “แกรู้ไหมว่ากองพลนั้นต้องทำอะไรบ้าง? แกมันไม่รู้จักคำว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ สินะ!”
ดวงตาของฉีจิ่นจือสงบนิ่ง “ผมรู้ แต่ผมก็ยังอยากไป”
ฉีหยวนซานรู้สึกเหมือนว่าเลือดลมจะตีกลับอีกครั้ง และเขาต้องลดเสียงลงเพราะมันเป็นความลับ “แกไม่ต้องการอยู่ในกรมตำรวจรึไง ทำไมแกถึงอยากไปอยู่หน่วยสอดแนมนั่นด้วยหะ? แกทำแบบนี้เพราะต้องการทำให้ฉันเจ็บปวดสินะ? แต่แกก็ไม่จำเป็นต้องรนหาที่ตายไม่ใช่รึไง? ฉันเข้าใจว่าการที่ฉันขอให้แกขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนระหว่างแกกับเสิ่นอี้โจวมันทำให้แกไม่พอใจ แต่แกไม่ควรใช้เรื่องนี้ข่มขู่ฉันก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
ฉีจิ่นจือยังคงมีน้ำเสียงเหมือนเดิม “ผมได้อธิบายเรื่องนั้นชัดเจนแล้ว และผมก็ไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องนั้นซ้ำอีก”
“สำหรับการเข้าร่วมกองพลสอดแนมต่อต้านยาเสพติด มันเป็นความคิดของผมและก็พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว”
“ผมมาที่นี่คราวนี้เพื่อแจ้งให้คุณทราบ เพราะเห็นแก่คุณที่มีฐานะเป็นพ่อของผม ไม่ใช่เพื่อขอความยินยอมจากคุณ”
ฉีหยวนซานรู้สึกเวียนหัวพลันชี้นิ้ว แต่เมื่อมองไปยังฉีจิ่นจือที่ใบหน้านิ่ง เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “ยังไงฉันก็ไม่ยอม! หากแกมีความสามารถมากนักก็ข้ามลายเซ็นยินยอมของฉันไปให้ได้สิ!”
……………………………………………