บทที่ 419 ได้รับสัตว์เลี้ยง
บทที่ 419 ได้รับสัตว์เลี้ยง
[ชิงหลี เดิมเป็นสัตว์น้ำทั่วไป แต่หลังเกิดการกลายพันธุ์เพราะได้รับยาอมฤตที่ตกค้างมาเป็นเวลานานจึงเริ่มดุร้าย รุนแรง และเริ่มมีความเป็นมนุษย์ อายุ 321 ปี ชื่นชอบการทานเนื้อและยาอมฤต สามารถรับเป็นสัตว์เลี้ยงได้]
ขณะอู๋ฝานเข้าใกล้สิ่งมีชีวิตดังกล่าวก็ส่งวิชาตรวจสอบไปสำรวจ และพบข้อมูลเป็นชุดรายงานตอบกลับตรงหน้า จากข้อมูลทั้งหมดสิ่งที่ต้องตาเขามากที่สุดคือประโยคสุดท้าย
รับมันเป็นสัตว์เลี้ยงได้!
อู๋ฝานเห็นคำบรรยายเหล่านี้จึงรู้สึกประหลาดใจ เดิมเขาคิดว่าที่โลกแห่งเกมหากเจอสัตว์เลี้ยงจะสามารถรับตัวพวกมันมาเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้ แต่จนถึงตอนนี้กลับยังไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถรับเป็นสัตว์เลี้ยงได้ จึงไม่คาดว่าที่ได้เจอจะไม่ใช่ที่โลกแห่งเกม แต่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง!
‘เจ้านี่ทั้งดุร้ายและแข็งแกร่ง ได้เป็นสัตว์เลี้ยงก็คงดีไม่น้อย’ อู๋ฝานครุ่นคิดในใจขณะมองเจ้าตัวใหญ่
เดิมอู๋ฝานคิดสังหารมันทิ้งให้สิ้นเรื่อง แต่พอได้เห็นข้อมูลของเจ้าตัวใหญ่จึงเปลี่ยนใจคิดรับมันเป็นสัตว์เลี้ยงเสียแทน
อู๋ฝานนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าชิงหลี ขณะเจ้าตัวใหญ่เห็นอีกฝ่าย มันยังเผยสายตาอาฆาตมุ่งร้าย พยายามดีดดิ้นกับพื้นคิดโจมตีจ้องเล่นงาน
ดุร้ายเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ
“เจ้าตัวใหญ่ ระงับอารมณ์หน่อย ขอถามแกหน่อยก็แล้วกันว่าอยากเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันไหม?” อู๋ฝานถามกับชิงหลี
ในเมื่อคำอธิบายบอกว่ามันมีความเป็นมนุษย์ อู๋ฝานจึงพยายามพูดคุยสื่อสารด้วย
ชิงหลีที่ดุร้ายไม่มีทางยอมง่าย ๆ มันยังพยายามดิ้นรนพุ่งตัวเข้ากระแทก
“คิดดูให้ดี ที่นี่ไม่มีน้ำเหลือให้แกใช้ชีวิตแล้ว ถ้าไม่ยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน ต่อให้ฉันไม่ฆ่าแกทิ้งสุดท้ายแกก็แห้งตายอยู่ดี จะเลือกตายที่นี่หรือว่าเป็นสัตว์เลี้ยง แกที่พอจะมีความฉลาดน่าจะรู้นะว่าควรเลือกอะไร” อู๋ฝานบอกชิงหลี
เป็นดังคาดที่ชิงหลีรับฟังและเข้าใจคำพูดของอู๋ฝาน สายตาดุร้ายของมันเริ่มสงบลงทีละน้อย
“ที่นี่ถล่มไปหมดแล้ว ด้านล่างนี้ก็ไม่เหลือน้ำ ถ้ายังอยู่ต่อก็มีแต่จะตาย” อู๋ฝานยังคงเกลี้ยกล่อม “ติดตามฉัน อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้แกต้องหิวตายหรือป่วยตาย”
ชิงหลีมองรอบ ๆ ด้าน สายตาของมันเผยความฉงนและสงสัย เห็นได้ชัดว่ามันไม่อาจเข้าใจว่าเพราะอะไรน้ำถึงหายไปหมดอย่างกะทันหัน แต่เพราะมีสติปัญญาจึงเข้าใจดีว่าหากอยู่ที่นี่ต่อ แค่จะเอาชีวิตรอดก็ยังเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นท่าทีแสดงการยอมรับจึงแสดงออกมาผ่านสายตาของมัน
“เลือกได้ฉลาด” อู๋ฝานยกนิ้วโป้งให้ชิงหลี “แต่ว่าฉันจะพาแกไปยังไง?”
อู๋ฝานยื่นมือไปวางบนหัวของชิงหลี แม้มันไม่ต่อต้านแต่ก็ไม่ได้สบายใจที่ถูกแตะต้องสัมผัสตัว ทว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้ลงมือโจมตี
[ยอมรับชิงหลีเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไม่?] เสียงจักรกลอันคุ้นเคยดังขึ้น
เสียงดังกล่าวอู๋ฝานได้ยินจากในโลกแห่งเกมมาแล้วหลายครั้ง แต่ในโลกความเป็นจริงนั้น นับว่าเป็นการได้ยินครั้งที่สอง เพราะครั้งแรกที่ได้ยินคือตอนที่เทเลพอร์ตไปยังโลกแห่งเกม
“รับ!” อู๋ฝานตอบกลับ
หลังจากนั้นจึงได้เห็นแสงสีขาวปรากฏจากตัวของชิงหลี กลุ่มแสงสว่างวาบเริ่มหม่นลงและเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นอู๋ฝานจึงรู้ได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างตนเองและชิงหลี สายตาของมันที่มองมาไม่มีอาการต่อต้านหรือความดุร้ายเช่นเคยอีกต่อไป
“แล้วจะพาแกออกไปยังไงดี?” อู๋ฝานลูบหัวชิงหลีพลางถามเพราะนึกหาทางไม่ออก
ตอนได้รู้ว่าสามารถรับชิงหลีเป็นสัตว์เลี้ยงได้ เขาก็มองว่ามันคือสัตว์แข็งแกร่งจึงไม่ควรพลาดโอกาส ดังนั้นจึงตอบรับมันเป็นสัตว์เลี้ยงโดยไม่คิดให้มากความ แต่หลังจากนั้นกลับไม่รู้ว่าจะพามันออกไปยังไง ตนสามารถใช้วิชาดำดินได้ แต่ชิงหลีทำไม่ได้ พื้นที่ด้านบนก็กำลังถล่มลงมา พื้นที่ซึ่งเดิมเป็นสระน้ำก็คงมีหินถมจนเต็มด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าไม่น่าจะเหลือทางออก
‘ถ้าใส่มันเข้ากระเป๋าหลังได้ก็ดีสิ’ อู๋ฝานคิดอยู่ในใจ
เพียงอู๋ฝานคิด ร่างของชิงหลีก็เลือนหายจากตำแหน่งที่เคยอยู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาต้องชะงักราวกับคิดอะไรได้ ตอนนี้จึงรีบเปิดกระเป๋าหลังตรวจสอบ ก่อนจะเจอว่าเจ้าตัวใหญ่อยู่ด้านในจริง ๆ และแค่คิดก็สามารถเรียกมันออกมาได้อย่างไร้ซึ่งปัญหา ชิงหลีปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง
“กระเป๋าหลังเก็บของจากโลกความเป็นจริงได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” อู๋ฝานพูดกับตัวเองขณะยังคงประหลาดใจ
อู๋ฝานรู้ว่ากระเป๋าหลังสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้ แต่ตลอดมากระเป๋าหลังเก็บได้เพียงสิ่งของจากโลกแห่งเกม ของในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่สามารถเก็บเข้าไปได้ เขาลองทดสอบหลายอย่างและพบว่าเก็บไม่ได้สักอัน
หรือว่าตอนนี้กระเป๋าหลังสามารถเก็บของจากโลกความเป็นจริงได้แล้ว?
เมื่อคิดได้ดังนั้นอู๋ฝานจึงรีบคว้าก้อนหินขึ้นมาจากพื้น พยายามส่งมันไปเก็บยังกระเป๋าหลัง แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่อาจทำได้สำเร็จ ก้อนหินยังคงอยู่บนมือเหมือนเช่นเคย
อู๋ฝานทดลองส่งชิงหลีกลับเข้ากระเป๋าหลังอีกครั้ง และพบว่ามันสำเร็จไปได้ด้วยดี
“มันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมเก็บชิงหลีได้แต่เก็บก้อนหินไม่ได้?” อู๋ฝานได้แต่สับสนและงงงวย “หรือเพราะชิงหลีมีชีวิตแต่ก้อนหินไม่มีชีวิต? หรือเพราะชิงหลีเป็นสัตว์เลี้ยงของเราแล้วถึงเก็บเข้าไปได้กันแน่?”
อู๋ฝานคิดและเดาอยู่ในใจ ส่วนว่าความจริงเป็นเช่นไรเขายังต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองต่อไป แต่ไม่ว่าด้วยอะไรตอนนี้ที่สามารถเก็บชิงหลีเข้ากระเป๋าหลังได้สำเร็จก็นับเป็นเรื่องดี อย่างน้อยเขาก็สามารถพามันออกไปจากที่นี่ได้
อู๋ฝานมองจนมั่นใจว่าไม่ได้ลืมอะไรอื่น ก่อนค่อย ๆ ใช้วิชาดำดินอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้ากลับไปภายนอก
ตอนนี้ทางเข้าถ้ำบริเวณเทือกเขา มีผู้คนยืนรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาเหล่านี้ต่างหนีตายออกมาจากถ้ำของแดนลับ สภาพแต่ละคนต่างก็เปรอะเปื้อนด้วยฝุ่นดินไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ แต่กลุ่มคนไม่ได้สนใจสภาพตนเองมากนัก แค่เอาชีวิตรอดออกมาได้พวกเขาก็พอใจมากแล้ว เพราะหลายคนไม่ได้โชคดีเหมือนดังพวกเขา ที่ต้องถูกฝังร่างทั้งเป็นเอาไว้ใต้เทือกเขาแห่งนี้ไปตลอดกาล
เดิมที่เคยมีคนมาเยือนแดนลับกว่าพันคน ขณะนี้เหลือไม่ถึงเจ็ดร้อยที่เอาชีวิตรอดออกมาได้ คนอื่นหากไม่ตายเพราะกับดักด้านในก็คงเพราะเหตุการณ์ถ้ำถล่มทับจนตาย
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยในเวลานี้ยืนรวมอยู่กับกลุ่มคนจากหอคันธะสงัด สายตาของพวกเธอกำลังจ้องมองทางเข้าถ้ำและหวังว่าจะเห็นอู๋ฝานกลับออกมาจากตรงนั้น ทว่าตอนนี้แม้แต่ทางเข้าถ้ำก็ยังถูกหินถล่มกลบฝังจนไม่อาจมองเห็นด้านใน เพราะไม่พบเห็นวี่แววของคนที่เฝ้ารอ จึงทำให้คนทั้งสองกังวลขึ้นมา ส่วนทางด้านศิษย์หอคันธะสงัด เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้กลับออกมาด้วยต่างก็เริ่มกังวล อย่างไรปัจจุบันอีกฝ่ายก็เป็นเจ้าหอของพวกเธอ ไม่แปลกหากพวกตนจะหวังให้เขาอยู่รอดปลอดภัย
—————————————————-