บทที่ 417 ถ้ำถล่ม
บทที่ 417 ถ้ำถล่ม
ท่ามกลางความคาดหวังและหวาดระแวงของกลุ่มคน ผู้ฝึกตนที่เข้าไปใกล้โลงศพกำลังออกแรงผลักฝาโรงให้แง้มเห็นภายในทีละน้อย
แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้เห็นว่าภายในมีอะไรอยู่ กลับปรากฏสิ่งมีชีวิตสีดำคืบคลานออกมา ผู้ฝึกตนที่รับหน้าที่เปิดฝาโลงเป็นคนแรกถูกสิ่งมีชีวิตดังกล่าวกระโจนและกัดใส่
“มันตัวบ้าอะไร?!”
“เจ็บ!”
“มันทำให้แขนฉันกลายเป็นสีดำ!”
ผู้ฝึกตนหลายคนที่เข้าไปหมายจะเปิดโลงศพต่างร้องตะโกนพลางพยายามสะบัดสิ่งมีชีวิตดังกล่าวให้พ้นจากแขนของตน ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงกระโจนหากลุ่มคนรอบ ๆ ที่ยืนเฉยรับชมกันอยู่ ส่วนกลุ่มแรกซึ่งถูกกัดเข้าไปตอนนี้ต่างล้มลงนอนกับพื้นพร้อมส่งเสียงโหยหวน บริเวณที่ถูกกัดเริ่มกลายเป็นสีดำเน่าเปื่อย จากนั้นก็เริ่มลุกลามต่อไปยังส่วนอื่นของร่างกายจนจบชีวิตลงด้วยความเจ็บปวดชวนอนาถ
คนเหล่านั้นมีสภาพชวนสังเวชอย่างไรไม่มีใครสนใจ เหล่าสิ่งมีชีวิตที่คืบคลานออกมาจากโลงศพกำลังพุ่งเข้าหาผู้อื่นที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อโจมตี ตอนนี้หลายคนถูกกัดจนมีสภาพเหมือนคนกลุ่มแรก ร่างของพวกเขาเริ่มดิ้นทุรนทุรายกับพื้นพร้อมแผดเสียงร้องออกมา สุดท้ายความเน่าเปื่อยนั้นจึงพรากไปทั้งชีวิตและลมหายใจ
ทว่าเรื่องไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น ขณะสิ่งมีชีวิตลึกลับกระโจนเล่นงานกลุ่มคน ผนังรอบด้านกลับปรากฏรูขนาดเล็กส่งลูกธนูอันเย็นเยียบพุ่งออกไปยังทิศทางที่ผู้คนยืนกันอยู่
ชั่วพริบตากลุ่มคนที่เคยมีกันไม่น้อยกลับบาดเจ็บและล้มตายในสภาพอันเลวร้าย
“ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเรามาผิดที่ผิดทางกันนะ นี่มันเหมือนสุสานในหนังไม่มีผิด!” อู๋ฝานบ่นออกมาขณะนำหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยหลบการโจมตี
อู๋ฝานรู้ดีว่านี่ไม่ใช่กองถ่ายทำภาพยนตร์หรือละคร คนเหล่านี้ตายจริง ศพเหล่านี้ก็เป็นของจริง ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนที่มักวางตัวเหนือกว่าคนทั่วไป ทว่าสุดท้ายกลับต้องมาตายในสภาพชวนสังเวช เรียกได้ว่าเลวร้ายกว่าคนทั่วไปหลายขุม
จู่ ๆ อู๋ฝานก็เข้าใจขึ้นมาว่าเพราะอะไรคนแรกที่ค้นพบแดนลับแห่งนี้ไม่อาจนำสมบัติด้านในกลับออกไปได้ และเลือกที่จะเปิดเผยเรื่องราวให้คนอื่นรู้ เพราะคนที่ค้นพบแดนลับแห่งนี้ได้ตระหนักถึงอันตรายของมัน ทั้งยังแน่ใจด้วยซ้ำว่าไม่มีทางชิงเอาสมบัติด้านในนี้ไปด้วยตัวเองได้ ดังนั้นจึงเปิดเผยเรื่องราวเพื่อล่อลวงให้ผู้คนมาที่นี่ เมื่อถึงเวลาค่อยหาโอกาสช่วงชุลมุนคว้าเอาสมบัติไปครอบครอง
หลังความวุ่นวายฉากที่หนึ่ง ลูกธนูบนผนังถ้ำถูกยิงออกมาจนหมด สิ่งมีชีวิตลึกลับที่โผล่ออกจากโลงศพถูกสังหาร สถานการณ์จึงเริ่มสงบลง แต่ก็เทียบกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีร่างมากมายที่ไม่ตายก็บาดเจ็บนอนอยู่บนพื้น เพียงแค่ช่วงเวลาไม่ถึงสิบนาที หลายร้อยคนถูกฆ่าหรือโดนเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บ มันมากพอจะบอกสถานการณ์โกลาหลอันเลวร้ายเมื่อครู่ได้เป็นอย่างดี
ส่วนพวกอู๋ฝานทั้งสามไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะมาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย ทั้งยังยืนอยู่ไกล ๆ ทำให้กลุ่มคนแถวหน้าเป็นแนวป้องกันรับเคราะห์ไป
ความสงบกลับคืนสู่สุสาน แต่เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามลงมือ พวกเขากำลังหวาดกลัวว่าตนเองอาจไปกระตุ้นกับดักอื่นอีก และตอนนี้เองที่มีคนใจกล้าแหวกฝ่าฝูงชนพุ่งตัวไปยังโลงศพ
มีคนคิดอยากตามไป เพียงแต่พอทบทวนถึงเรื่องราวซึ่งเพิ่งเกิดขึ้น พวกเขาต่างก็ลังเล ส่วนอีกหลายคนยังแสดงท่าทีระแวดระวังสำรวจรอบด้านว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือไม่
อู๋ฝานมองชายคนนั้นโดยไม่คิดไล่ตาม ทว่าในใจกำลังครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายอาจเป็นคนแรกที่ค้นพบแดนลับแห่งนี้ ตอนนี้เมื่อเห็นอันตรายหายไปหมดแล้วจึงต้องการเข้าไปช่วงชิงสมบัติใช่หรือไม่?
อีกฝ่ายที่เร่งรีบพุ่งตัวเข้าหาโลงศพภายใต้สายตาของผู้คน ขณะเอื้อมมือลงไปในโลงดึงม้วนคัมภีร์ออกมาอันหนึ่ง สีหน้ายินดีของเขาทำให้ผู้คนรอบด้านคิดว่าอีกฝ่ายเอาสมบัติไปครอบครองแล้ว แต่สุดท้ายกลับต้องชะงักกันอีกครั้งหนึ่ง
เพียงอึดใจชายคนนั้นกลับโยนม้วนคัมภีร์ทิ้งพร้อมสบถออกมา ก่อนจะเริ่มขุดคุ้ยโลงศพอีกครั้ง
ม้วนคัมภีร์ที่ถูกโยนทิ้ง ทำให้ผู้ฝึกตนคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปคว้ามาตรวจสอบ
“หร่วนชิง?” คนที่เก็บขึ้นมาเห็นเนื้อหาบนม้วนคัมภีร์จึงอ่านทวน
ชื่อดังกล่าวทำให้หลายคนที่จ้องมองอยู่ต้องประหลาดใจ
“หร่วนชิงงั้นเหรอ?!” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ได้ยินชื่อถึงกับต้องอุทานออกมา
“ใครกันเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“เขา…” ขณะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กำลังจะอธิบาย โลงศพกลับสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นมา
จากนั้นจึงปรากฏโพรงขึ้นที่ด้านล่างของโลงศพ ทั้งชายคนนั้นและโลงร่วงหล่นลงไปพร้อมกัน สุดท้ายโพรงดังกล่าวก็ปิดสนิท
เมื่อเห็นดังนั้นหลายคนจึงรีบเข้าไปสำรวจ ราวกับคิดอยากทราบว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เองที่ทั้งถ้ำเริ่มสั่นสะเทือน เศษก้อนกรวดเริ่มร่วงหล่นจากด้านบน
อู๋ฝานเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน “ถ้ำกำลังจะถล่ม!”
คนที่ทราบไม่ใช่เพียงอู๋ฝาน แต่หลายคนต่างก็ชักสีหน้ารีบหาทางออกข้างนอก เพราะปัจจุบันอยู่ใต้พื้นดิน หากถ้ำถล่มขึ้นมาพวกเขาก็คงถูกฝังทั้งเป็น ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนแต่กายเนื้อก็ยังเป็นมนุษย์ หากถ้ำขนาดใหญ่ใต้ภูเขาเกิดถล่มอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางรอดชีวิตจากแรงกดทับได้
“พวกคุณรีบออกไปเร็วเข้า!” อู๋ฝานบอกกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟย
“แล้วคุณล่ะคะ?” ถังอวี่เฟยถามขึ้นมา
“ผมยังมีเรื่องต้องทำ แล้วจะตามไปครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “ออกไปแล้วก็บอกคนของหอคันธะสงัดให้อพยพโดยด่วนนะครับ ผมเดาว่าถ้ำข้างนอกก็คงถล่มด้วยเหมือนกัน”
“อู๋ฝาน ที่นี่อันตรายเกินจะอยู่ต่อแล้วนะคะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทักท้วง
“ไม่เป็นไรครับ ผมคิดอ่านดีแล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ “พวกคุณต้องรีบไป ถ้าไม่ไปตอนนี้จะสายเกินไป!”
ทั้งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยอยากจะเกลี้ยกล่อมต่อ แต่อู๋ฝานผลักพวกเธอให้รีบออกไป ตอนนี้ก้อนกรวดกำลังหล่นลงมามากขึ้น แรงสั่นสะเทือนของถ้ำยิ่งรุนแรง ราวกับพวกมันจะไม่อาจทนรับได้ไหวอีกต่อไป
“อู๋ฝาน ระวังตัวด้วยนะคะ!” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์บอกกับอู๋ฝานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ขอให้ไม่เป็นไรค่ะ!”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ” อู๋ฝานตอบรับ
ด้วยเหตุนี้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงออกไปพร้อมถังอวี่เฟย
“ภูเขาน้ำแข็ง พวกเราจะทิ้งอู๋ฝานเอาไว้ไม่ได้นะ!” ถังอวี่เฟยร้องบอก
“อู๋ฝานไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่คิด ในเมื่อเขาตัดสินใจอยู่ต่อแล้วก็หมายความว่ามีแผนรองรับ พวกเราอยู่ต่อมีแต่จะเป็นตัวถ่วง” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์บอกถังอวี่เฟย ขณะนำทางออกไปภายนอก
แม้ปากพูดแบบนั้น แต่ใจหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กังวลไม่ใช่น้อย กระทั่งมากยิ่งกว่าถังอวี่เฟยซะด้วยซ้ำ แต่เธอต้องพูดเพื่อทำให้ถังอวี่เฟยยอมสงบใจลง
อู๋ฝานมองถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ออกไป ก่อนจะหันกลับไปมองบริเวณที่ที่เคยมีโลงศพตั้งอยู่ ที่ตรงนั้นไม่มีรอยแยกให้เห็นแม้แต่น้อย ราวกับว่าโพรงเมื่อครู่ไม่เคยมีอยู่
อู๋ฝานไม่ได้เลือกอยู่ต่อเพื่อค้นหาทางเข้าโพรงเมื่อครู่เพียงคนเดียว เพราะยังมีอีกหลายคนที่ไม่ยินดีต้องออกไปทั้งแบบนี้ พวกเขาทราบดีว่าหากออกไปตอนนี้ เมื่อไหร่ที่แดนลับถูกทำลายก็คงไม่มีโอกาสให้กลับมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง
สัตว์ตายเพราะหาอาหาร แต่คนตายเพราะความโลภ คำกล่าวนี้เหมาะสมกับกลุ่มคนที่ยอมเสี่ยงชีวิตอยู่ต่อเพื่อค้นหาทางเข้าโพรงถ้ำแห่งนี้