ตอนพิเศษ 45-2 คว้าชัยชนะครั้งใหญ่
นี่ก็เป็นจุดที่ผู้อาวุโสทั้งหลายคิดไม่ออกเช่นเดียวกัน แต่ว่าความจริงวางอยู่ตรงหน้าชนิดที่ไม่ยอมให้พวกเขาปฏิเสธสักนิด
บางที…อาจเป็นเพราะในร่างของนางมีสายเลือดของเซียนไหลเวียนอยู่หรือไม่
นางเป็นสายเลือดของเซียนและมาร ตัวตนที่ขัดธรรมชาติที่สุดในดินแดนทั้งหก
กล่าวกันว่าเด็กที่เกิดมาจากเซียนกับมารจะตายตั้งแต่แรกเกิดเพราะปราณเซียนกับปราณมารเป็นพลังสองสายที่เข้ากันไม่ได้ ร่างกายจึงตกตายเพราะรองรับพลังทั้งสองสายไม่ไหว
เฉียวเวยเวยเป็นข้อยกเว้น
ในร่างนางไม่มีปราณมารสักนิด แล้วก็สัมผัสปราณเซียนไม่ได้แม้แต่น้อย คล้ายกับว่าในร่างนางไม่มีพลังเหล่านี้แม้แต่นิดเดียว แต่นางเดินไปมาในเผ่ามารได้อย่างอิสระ แล้วยังรับพลังปราณที่มีปราณเซียนของชิงสุ่ยเจินเหรินได้
นางดูดซับปราณเซียนและปราณมารได้ในเวลาเดียวกัน ไม่เพียงร่างกายไม่ระเบิด แม้แต่อาการปวดหัวตัวร้อนก็ไม่มี
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยอย่างนับว่าเกรงใจอยู่บ้าง “รองหัวหน้าสหพันธ์ ความจริงวางอยู่ตรงหน้าแล้ว คุณหนูเอาตรามังกรมารมาได้สำเร็จ…”
รองหัวหน้าสหพันธ์เอ่ยขัดเขาอย่างเย็นชา “ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งเหล่านี้คือตรามังกรมารของจริง ท่านเคยเห็นตรามังกรมารใหญ่ขนาดนี้ด้วยหรือ”
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ชอบใจคำพูดนี้ นี่สงสัยว่าเขาแอบให้อภิสิทธิ สงสัยในความสามารถของเขาหรือ
ผู้อาวุโสใหญ่ยกมือขึ้นประสานสัญลักษณ์ ปราณมารมหาศาลสายหนึ่งไหล่บ่ามาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ มังกรยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏตัวเลือนรางบนท้องนภาที่แต่เดิมเป็นสีฟ้าคราม มังกรยักษ์ตัวนี้ร่างกายขาดแหว่งสภาพย่ำแย่ แต่อำนาจมังกรที่เหมือนจะถล่มฟ้าทลายปฐพีได้ของมันทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงต้องหน้าถอดสี
ผู้อาวุโสใหญ่สะบัดแขนเสื้อโยนตรามังกรมารที่ตนเองถืออยู่ขึ้นไปบนฟ้า ทันใดนั้นเงาของมังกรยักษ์ก็ฟื้นกลับมาครบถ้วนเพิ่มอีกหน่อย ผู้อาวุโสใหญ่โยนตรามังกรมารทั้งหนึ่งร้อยแปดชิ้นที่เฉียวเวยเวยขนออกมาขึ้นไปบนท้องฟ้าจนหมด มังกรยักษ์พลันกลับมามีร่างกายเกือบครบสมบูรณ์
ผู้อาวุโสใหญ่ชี้เงามังกรมหึมาบนท้องนภาแล้วกล่าวว่า “ขาดแต่ตรามังกรมารชิ้นที่อยู่ในมือจอมมารเท่านั้น เงามังกรก็จะสมบูรณ์ ยามนั้นพวกเราจะเรียกบรรพบุรุษมารออกมาได้ ตอนนี้เจ้ายังจะสงสัยว่าตราพวกนี้เป็นของปลอมอยู่หรือไม่”
รองหัวหน้าสหพันธ์บื้อใบ้แล้ว ครานี้ผลัดถึงตาการเดิมพันระหว่างรองหัวหน้าสหพันธ์กับชิงสุ่ยเจินเหริน ก่อนเฉียวเวยเวยเข้าไปในวังมาร ทั้งสองคนเดิมพันกันไว้ว่าหากเฉียวเวยเวยตามหาตรามังกรมาได้สำเร็จ รองหัวหน้าสหพันธ์ ฉินเซวียนและโหราจารย์หญิงจะถูกเนรเทศออกจากเผ่ามาร
ตอนนี้เห็นชัดว่าเฉียวเวยเวยชนะแล้ว
แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายไม่คิดจะเนรเทศทั้งสามคนออกจากเผ่ามาร ไม่ว่าอย่างไรในความเห็นของผู้อาวุโสทั้งหลาย ทั้งสามคนก็ไม่ได้ทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมอะไรมากมายนัก
รองหัวหน้าสหพันธ์ไปหลับนอนกับปีศาจปลาตัวหนึ่งก็จริง แต่ตัวเขาเองไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย
ฉินเซวียนยังอายุน้อย ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่าเขารู้เรื่องด้วยเช่นกัน
ส่วนโหราจารย์หญิง นางน่าสงสัยอยู่บ้าง ตอนนั้นไม่มีใครทราบว่าผู้ใดเป็นคนจงใจทิ้งฉินเซวียนลงทะเลเพื่อให้รองหัวหน้าสหพันธ์ลงไปช่วย นางเป็นอาจารย์ของฉินเซวียน บางทีนางอาจเป็นคนที่รู้เรื่อง หรือบางทีทุกสิ่งอาจเป็นแผนการของนาง
แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของผู้อาวุโสทั้งหลายเท่านั้น ในสถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐาน พวกเขาย่อมลงโทษโหราจารย์หญิงไม่ได้
“ชิงสุ่ยเจินเหริน” ขณะที่ผู้อาวุโสใหญ่กำลังจะเอ่ยปากขอความเมตตาแทนทั้งสามคน ฝั่งเจ้าสำนักสวี่จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงหลง ร่างกายหล่นวูบหายไป!
ทุกคนรีบถอยไปด้านหลัง!
ชิงสุ่ยเจินเหรินมองพื้นหินเขียวที่เหมือนจะไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จากนั้นจึงหรี่ตาลงแล้วใช้วิชาเซียนวิชาหนึ่ง ทันใดนั้นแผ่นหินแผ่นหนึ่งในนั้นก็เจ็บปวดจนต้องบิดร่างกลายเป็นหลุมลึกไร้ก้นสีดำสนิทหลุมหนึ่ง
ผู้อาวุโสใหญ่หน้าถอดสีทันใด “หลุมสวรรค์!”
ผู้ใดพาหลุมสวรรค์ออกมา!
ประมุขเหลยกับลู่หยวนเจิ่นรีบไปช่วยเจ้าสำนักของตนเอง แต่กลับไปแล้วไปลับ ร่วงลงไปตามต่อกัน
เฉียวเวยเวยกระโดดลงไปยืนบนพื้น จากนั้นปรี่เข้าไปย่ำเหยียบหลุมสวรรค์เหมือนกับพรมเช็ดเท้า!
หลุมสวรรค์ “อ้ากกก!”
เหยียบอีก!
“อ้ากกก!”
เหยียบอีกหน!
“อ้ากกก!”
ข้าจะย่ำ ข้าจะย่ำ ข้าจะย่ำ ย่ำ ย่ำ!
หลุมสวรรค์ “อ้ากกก! อ้ากกก! อ้ากก! อ้วกกกก!”
หลุมสวรรค์ถูกเหยียบจนเหมือนร่างจะแหลก ในที่สุดมันก็ทนการข่มเหงไม่ไหว อ้าปากกว้างสีดำสนิทคายพวกเจ้าสำนักสวี่ออกมา หลังจากคายทั้งสามคนนี้ออกมาแล้ว ฉินเซวียนก็ถูกคายออกมาด้วย
มุกแปลงกายของฉินเซวียนถูกหลุมสวรรค์กลืนกินไปนานแล้ว โฉมหน้าเดิมของเขาจึงปรากฏออกมา
หลุมสวรรค์เป็นสิ่งที่อยู่ในวังมาร ผู้อาวุโสทั้งหลายแน่ใจมากว่าหลุมสวรรค์คงจะตามเฉียวเวยเวยออกมา วันนี้ฉินเซวียนไม่ได้มาที่นี่ แล้วเหตุใดเขาจึงโผล่มาอยู่ในหลุมสวรรค์ได้เล่า
หรือว่า…เขาแอบเข้าไปในวังมารมา
ผู้อาวุโสใหญ่หันไปมองชิงสุ่ยเจินเหริน
ชิงสุ่ยเจินเหรินถามเฉียวเวยเวยว่า “เวยเวย เจ้าพบผู้ใดในวังมารหรือไม่”
เฉียวเวยเวยจำไม่ได้ว่าฉินเซวียนคือบุรุษหนุ่มที่แปลงโฉมคนนั้น นางยกนิ้วขึ้นมาเกี่ยวกันแล้วบอกว่า “พี่ชายอายุน้อยคนหนึ่งกับคุณอาคนสวยอีกคนหนึ่ง”
พี่ชายอายุน้อยไม่ต้องพูดต่อแล้ว เขาจะต้องเป็นฉินเซวียนอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนท่านอาคนสวยคนนั้น…ผู้อาวุโสทั้งหลายสบสายตากัน แล้วมองเห็นข้อสันนิษฐานเดียวกันจากดวงตาของแต่ละคน
ผู้อาวุโสใหญ่เก็บเงามังกรบนท้องนภากลับไป แล้วหยิบตรามังกรมารชิ้นหนึ่งที่เหล่าผู้อาวุโสใช้งานได้ขึ้นมา “ผู้อาวุโสทั้งสี่ท่านโปรดตามข้ามา”
พวกเขาเข้าไปในวังมารด้วยกัน ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์วังมาร อาคมของวังมารย่อมไม่ขัดขวางพวกเขา แต่การจะค้นหามารตนหนึ่งในวังมารอันใหญ่โตเช่นนี้เกรงว่าจะต้องอาศัยพลังของวังมารช่วย ตราทั้งหนึ่งร้อยแปดชิ้นของเฉียวเวยเวยจึงได้ออกโรง พวกมันบินฟิ้วเข้าไปหาโหราจารย์หญิงที่ล้มอยู่ในแอ่งเลือดจนพบ
หน้าอกของโหราจารย์หญิงถูกมีดสั้นวาววับเล่มหนึ่งปักอยู่ มีดสั้นเล่มนี้เองที่เอาชีวิตนางในชั่วพริบตา เมื่อนางไร้ชีวิต พลังอาคมย่อมมลายไปด้วย เมื่อมุกแปลงกลายไม่มีพลังอาคมเกื้อหนุน โฉมหน้าที่แท้จริงของนางจึงเผยออกมา
“เป็นนางจริงๆ ด้วย…” ผู้อาวุโสหลิวเอ่ยขึ้นมา
ความจริงแล้วสิ่งที่ทุกคนไม่อยากจะเชื่อมากกว่าเรื่องที่โหราจารย์หญิงบุกเข้ามาในวังมารทำไม ก็คือการที่ผู้มีพลังอาคมสูงส่งอย่างนางกลับมาตายด้วยมีดสั้นธรรมดาเพียงเล่มเดียว
นางโง่หรือไร
ผู้อาวุโสใหญ่ยื่นมือไปแตะกลางหว่างคิ้วของนาง แล้วขมวดคิ้วบอกว่า “จิตตั้งต้นของนางหนีไปแล้ว ถ่ายทอดคำสั่ง นับตั้งแต่วันนี้ ปลดหญิงแซ่เหยาจากตำแหน่งโหราจารย์ เคลื่อนพลองครักษ์เงามังกร ตามจับจิตตั้งต้นของนางเต็มกำลัง!”
…
“ข้าไม่ผิด ข้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของจอมมาร จอมมารคือมารดาของข้า พวกเจ้าเนรเทศข้าไม่ได้! หากมารดาของข้ากลับมา นางจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด!”
บุกรุกวังมารโดยพลการมีโทษหนัก หลังจากฉินเซวียนฟื้นขึ้นมาก็ถูกคนลากตัวออกไป รองหัวหน้าสหพันธ์ที่ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ก็ถูกจับไปขังไว้ในคุกเช่นเดียวกัน จะจัดการพวกเขาอย่างไรเป็นเรื่องภายในของเผ่ามาร ชิงสุ่ยเจินเหรินไม่ยุ่งเกี่ยว
สุดท้ายเฉียวเวยเวยก็ไม่ได้รับสืบทอดเผ่ามาร เพราะเมื่อเฉียวเวยเวยเห็นบัลลังก์ราชามารสีดำปิ๊ดปี๋นั่น ไม่ว่าจะกล่อมอย่างไรนางก็ไม่ยอมขึ้นไปนั่ง
นางถูกบัลลังก์น่าเกลียดเล่นงานจนร้องไห้ นางเกาะอยู่ในอ้อมแขนของชิงสุ่ยเจินเหรินแล้วกอดคอบิดาไว้แน่น “ข้าไม่ไป! ข้าไม่ไป!”
ผู้อาวุโสใหญ่ยื่นราชลัญจกรของเผ่ามารให้นางต่อ
ราชลัญจกรหยกที่ชิงสุ่ยเจินเหรินเสกมามีพลังของเซียนแฝงอยู่ มันจึงเปล่งแสงสีทองเรืองรอง แต่ราชลัญจกรหยกของเผ่ามารจริงๆ เป็นสีดำที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง
เฉียวเวยเวยร้องไห้เพราะความอัปลักษณ์อีกหน
“ข้าไม่เอา! ข้าไม่เอา!”
ส่วนมงกุฎราชาของเผ่ามาร นั่นยิ่งดำทะมึนเข้าไปอีก พอเฉียวเวยเวยได้ถือมงกุฎราชาสีดำอัปลักษณ์ ริมฝีปากน้อยก็เบะออกร้องไห้แงๆ ทันที…
ลำบากลำบนมาทั้งวันเต็มๆ แต่กลับลงโทษให้นางถือของหน้าตาน่าเกลียดพวกนี้ นางไม่ได้รับความเป็นธรรม!
เฉียวเวยเวยร้องไห้เสียงดังลั่นกลับออกมาจากเผ่ามาร นางร้องไห้จนลำคอแหบแห้ง สถานที่หน้าตาน่าเกลียดเช่นนี้ นางจะไม่มาอีกแล้ว