ฮีโร่มาถึงแล้ว!(แบบฉิวเฉียด)
การกระทำอันไม่คาดคิดของเยนที่บอกว่าจะติดตามพวกตนเองหน่วยรักษาความปลอดภัยไป และยอมรับการสอบปากคำ ทำให้รอมเมโลที่พยายามจะเข้าจับกุมตัวเธออย่างเต็มที่ไม่อาจซ่อนความตกใจเอาไว้ได้เช่นกัน
เธอเลือกที่จะไม่หนีหลังจากเว้นว่างไปสักพัก เธอก็หันไปหาเพื่อนสนิทซึ่งกำลังจ้องมองตนเองและพูดขึ้น
「เมลต์……อย่างที่คุณพูด ฉันเชื่อในตัวเองละ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำเรื่องปล้นทรัพย์เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องยอมรับความผิด ไม่ว่าจะเผชิญกับเรื่องลำบากแบบไหนฉันก็จะไม่หนี เพื่อเหล่าคนซึ่งเชื่อในตัวฉันที่เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ยากลำบากแบบไหนก็จะเอาชนะมันให้ได้!」
「เยน……!」
「……มาสเตอร์ ขอโทษที่สร้างความลำบากให้ค่ะ ทำให้ชื่อเสียงร้านเสื่อมเสียด้วย ขอโทษจริงๆค่ะ แต่ว่าฉัน……!」
「ไม่ต้องพูดให้มากความหรอก! ไม่เป็นไร ความรู้สึกของเธอเข้าใจดีแล้ว! จนกว่าเธอจะกลับมา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะปกป้องร้านนี้ไว้เอง! ถ้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้แล้วก็กลับมาอีกครั้งได้เลย!」
「ค่ะ……!」
เพราะรู้ว่าไม่ได้ทำอะไรนั่นแหละ จึงไม่หนี
เยนหวนนึกถึงคำพูดที่ว่า『เชื่อในตัวเอง』ที่เมลต์มอบให้เมื่อคืนและเตรียมใจ สุดท้ายเธอหันไปหาเหล่าสหายเก่าและพูดกับพวกเขา
「ซังกะ บัซ……เรื่องที่ทั้งสองคนคิดถึงฉันในแบบของทั้งสองคนนั้นเข้าใจอยู่ แต่ว่าฉันกลับไปหาทั้งสองคนไม่ได้ เพราะตัดสินใจมุ่งไปข้างหน้าแล้ว……ขอโทษด้วยจริงๆ」
「ยะ เยน……! แบบนั้นมันแปลกนะ! คิดใหม่อีกครั้งนะ! ไปด้วยกันกับพวกผมเถอะ! นะ? นะ!?」
「……เธอน่ะแบบนั้นดีแล้วจริงๆงั้นเหรอ? จะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหม…..?」
「……ไม่รู้ แต่ว่าถ้าหนีไปด้วยกันกับทั้งสองคนตรงนี้ จะเป็นการทรยศต่อคนที่เชื่อในตัวฉัน เรื่องนั้นจะต้องเสียใจภายหลังไม่ผิดแน่ เพราะงั้นฉันเลยตัดสินใจแบบนี้」
เยนตอบเช่นนั้นกับซังกะซึ่งถามความตั้งใจของตนเองขณะแสดงสีหน้าเจ็บปวด
ซังกะที่ได้ฟังคำตอบนั้นแสดงสีหน้าที่ตีความได้ทั้งเศร้าทั้งโกรธ แต่ในตอนนั้นเองเสียงเคอะเขินที่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศเช่นนี้ก็ดังขึ้น
「คือว่า~……ขอเวลาสักครู่ได้หรือเปล่า……?」
เมื่อได้ยินเสียงจากทางเข้าร้าน ทุกคนต่างตกใจแล้วเห็นไปทางนั้น
ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมแสดงสีหน้ารู้สึกผิดเกาแก้มเบาๆ เมลต์ก็เป็นตัวแทนร้องเรียกชื่อเขา
「ยูโก!? มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ!?」
「ทันทีที่คนในหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้ามาล่ะมั้ง? เพราะมันบรรยากาศจริงจังจนพูดแทรกไม่ได้ก็เลยเฝ้าดูมาตลอด น่าจะอยู่ตั้งแต่แรกแล้วล่ะมั้งนะ……」
ยูโกที่ตอบคำถามเมลต์ ยิ้มอย่างขมขื่นราวกับว่าเรื่องนี้เองก็ลำบากใจเช่นกัน
ถึงเป็นเรื่องยากที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์พิเศษ แต่รอมเมโลที่รวบรวมสติได้ก่อนใครหลังจากกระแอมในลำคอแล้วก็พูดกับเขา
「ยูโกมาแล้วสินะ? เจ้านี่ที่ตกอยู่ในสถานที่เกิดเหตุเป็นของติดตัวของนายใช่ไหม? เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นคงต้องขอให้นายไปด้วยแล้วกัน」
「แน่นอน ก็ได้นะครับ เพราะการให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นหน้าที่ของพลเมืองดีอยู่แล้วละครับ! แต่ว่า……เรื่องนั้นอาจจะไม่จำเป็นแล้วก็ได้นะครับ?」
「อะไรนะ? หมายความว่ายังไง?」
รอมเมโลตั้งคำถามถึงความหมายที่แท้จริงในคำพูดนั้นกับยูโกที่พูดออกมาโดยแฝงความหมาย
ขณะที่ยูโกมองใบหน้าของทุกคนที่มารวมตัวกันในร้านแล้ว เขาก็ตอบคำถามนั้น
「ไม่หรอก ระหว่างที่คุยกันเมื่อกี้มีคนที่หลุดปากเรื่องแปลกๆออกมาน่ะครับ ก็เลยคาใจเรื่องนั้นนิดหน่อย」
「“ไอ้นั่น”เหรอ ฉันเองก็คาใจนิดหน่อยเหมือนกัน」
「จินบะ!? นายก็ด้วยเรอะ!? ฮึย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็อย่าเก็บไว้เรื่องนั้นคืออะไร บอกได้ไหมว่าใครเป็นคนพูด!」
ไม่ใช่แค่ยูโก แต่จินบะเองก็คาใจกับ“คำพูดแปลกๆ”ที่โผล่ออกมาในระหว่างการสนทนาจนถึงตอนนี้รอมเมโลที่รู้เช่นนั้นจึงถามกับทั้งสองคนว่าเรื่องนั้นคืออะไร
ถึงจะเป็นคำถามที่มีท่าทีที่เอาแต่ใจนิดหน่อย แต่ยูโกก็ปฏิบัติตามคำพูดของเขาอย่างเชื่อฟังยกแขนขวาขึ้น และชี้ไปที่ใบหน้าของบุคคลหนึ่ง
「คนที่หลุดปากเรื่องที่ฉันคิดว่ามันแปลกออกมา……คนนั้นก็คือนายยังไงล่ะ ซังกะ」
「……ฉันพูดอะไรไป? จู่ๆก็โผล่มาแล้วพูดอะไรวะ แกน่ะ?」
บุคคลที่ยูโกชี้ไป……ซังกะกัดฟันกรอดให้เขาพร้อมแสดงสีหน้าโกรธจัด
ในขณะที่ทุกคนซึ่งรวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้เฝ้ามองอยู่ ซังกะก็เข้าไปใกล้ยูโกและโต้แย้งใส่เขาด้วยเสียงที่ดัง
「ถ้าพูดถึงขนาดนั้นก็บอกมาเซ่ ฉันหลุดปากเรื่องแปลกๆแบบไหนออกไป? ถ้าเนื้อหามันไม่น่าเชื่อถือฉันจะซัดแกให้หมอบเอง เพราะงั้นจงอธิบายโดยคำนึงถึงเรื่องนั้นด้วยละ?」