บทที่ 415 แผนการของฮุ่ยเหวิน
บทที่ 415 แผนการของฮุ่ยเหวิน
“เป็นเจ้าหอ?!” อู๋ฝานถึงกับต้องอุทาน
ไม่เพียงอู๋ฝาน แต่บรรดาศิษย์หอคันธะสงัดที่รายล้อมฮุ่ยเหวินต่างตะลึงกับคำขอดังกล่าว สายตาของพวกเธอมองผู้อาวุโสของตนเองอย่างไม่อาจนึกเชื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคิดว่าคำขอร้องต่ออู๋ฝานจะเป็นเรื่องนี้
“ใช่” ฮุ่ยเหวินพยักหน้ารับ
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ ผมไม่ใช่คนของหอคันธะสงัด แล้วผมก็เป็นผู้ชาย ในขณะที่สำนักรับแต่ผู้หญิง” อู๋ฝานรีบปฏิเสธ
การให้เขาต้องไปเป็นผู้นำของสำนักหญิงล้วนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องตลกแม้แต่น้อย
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ต่อให้หอคันธะสงัดของพวกเรารับแต่ศิษย์หญิง แต่ไม่เคยมีกฎห้ามผู้ชายเป็นเจ้าหอ” ฮุ่ยเหวินตอบกลับมา “สหายน้อยรับปากฉันแล้ว ตอนนี้เธอกลับคำไม่ได้แล้วนะ”
“นี่มัน…” อู๋ฝานรู้สึกลำบากใจ หากรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีคำขอแบบนี้ เขาคงไม่ตกลงรับปากตั้งแต่แรก
ก่อนที่อู๋ฝานจะทันตอบอะไรกลับมา ฮุ่ยเหวินหันไปบอกกับบรรดาศิษย์หอคันธะสงัด “ทำไมพวกเธอยังไม่คำนับเจ้าหอคนใหม่อีก?”
คณะศิษย์แห่งหอคันธะสงัดต่างมองหน้ากันเอง ราวกับไม่ทราบว่าควรตอบรับอย่างไรดี เห็นได้ว่าแม้แต่พวกเธอเองก็ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน กระทั่งไม่เคยนึกว่าจะมีวันที่เจ้าหอเป็นผู้ชาย
“เป็นอะไรกัน? คำพูดของยัยแก่คนนี้ไม่มีค่าแล้วเหรอ?” ฮุ่ยเหวินเงยหน้าขึ้นมอง
ตำแหน่งสูงสุดของหอคันธะสงัดย่อมเป็นเจ้าหอ นอกจากเจ้าหอก็ยังมีเหล่าผู้อาวุโส ทว่าปัจจุบันผู้อาวุโสที่เหลือรอดมีเพียงฮุ่ยเหวิน คำพูดของเธอในตอนนี้จึงแทบไม่ต่างกับอำนาจสูงสุดของหอคันธะสงัด
เมื่อเห็นฮุ่ยเหวินมีโทสะ เหล่าศิษย์ของเธอต่างรีบเข้ามายืนเรียงรายตรงหน้าอู๋ฝาน ก่อนจะคุกเข่าลงเอ่ยอย่างนอบน้อม “คำนับเจ้าหอ!”
อู๋ฝานไม่นึกว่าพวกเธอจะคุกเข่าคำนับตนอย่างกะทันหันขนาดนี้ ฝั่งเขายังไม่ทันตอบรับอะไรด้วยซ้ำ ตอนนี้จึงรีบตอบ “ลุกก่อนครับ ผมไม่ใช่เจ้าหอของพวกคุณ”
“สหายน้อย นับจากช่วงเวลาที่เธอรับปากคำขอของฉัน เธอก็เป็นเจ้าหอของพวกเราเรียบร้อยแล้ว หวังว่าสหายน้อยจะช่วยรับประกันความปลอดภัยให้แก่สำนักของพวกเราได้ ฮุ่ยเหวินคนนี้ขอขอบคุณจากใจจริง” ฮุ่ยเหวินเอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส… คุณเป็นอะไรไปครับ? ผู้อาวุโส?!” อู๋ฝานที่กำลังจะปฏิเสธกลับได้เห็นว่าหลังฮุ่ยเหวินเอ่ยคำสุดท้ายออกมา ศีรษะของเธอกลับพับลงนิ่งไปไร้ซึ่งลมหายใจ
“ท่านอาจารย์!”
“อาจารย์ป้า!”
“ผู้อาวุโส!”
……
เมื่อเหล่าศิษย์ของหอคันธะสงัดเห็น พวกเธอต่างรีบเรียกหาด้วยสีหน้าเศร้าโศก ทั้งลานกว้างมีแต่เสียงร้องของศิษย์หญิงเหล่านี้
อู๋ฝานยืนนิ่งอย่างกระอักกระอ่วนตรงหน้าร่างไร้ลมหายใจของฮุ่ยเหวิน เขาไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรต่อดี
หากฮุ่ยเหวินยังไม่ตาย เขาอาจจะยังพอพูดคุยกับอีกฝ่ายเพื่อผลักภาระหน้าที่นี้กลับคืนได้ แต่ตอนนี้เธอหมดลมหายใจแล้ว หอคันธะสงัดไม่เหลือผู้มีอำนาจตัดสินใจอีก ทำให้แม้เขาคิดอยากปฏิเสธตัวตนเจ้าหอก็ไม่ทราบว่าควรต้องพูดคุยกับใคร
ยิ่งไปกว่านั้น ฮุ่ยเหวินสั่งให้บรรดาศิษย์หอคันธะสงัดคุกเข่าคำนับเขาเป็นเจ้าหอเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายผลักไสและบีบบังคับขนาดนี้ แม้ตนคิดอยากหาข้ออ้างก็พบว่าเป็นเรื่องยาก ยิ่งไปกว่านั้นเพราะตอนแรกรับปากอีกฝ่ายเอาไว้ และตอนนี้อีกฝ่ายที่ว่าก็ตายไปแล้ว ทำให้ไม่เหลือคนที่เขาจะสามารถทักท้วงหรือกลับคำได้อีก
มีแต่ต้องเป็นเจ้าหอคันธะสงัดอย่างนั้นเหรอ?
อู๋ฝานส่ายหน้าอยู่ในใจ เขายังต้องการใช้ชีวิตทางโลก แม้สนใจเรื่องของบรรดาผู้ฝึกตน แต่การต้องเป็นเจ้าสำนักแห่งหนึ่งอย่างกะทันหันแบบนี้ ตนไม่อาจยอมรับได้
กลุ่มคนที่ชมเรื่องราวอยู่ไกลต่างได้เป็นประจักษ์พยานกันถ้วนหน้า พวกเขากระทั่งประหลาดใจ ทั้งยังเริ่มพูดคุยถึงเรื่องที่อู๋ฝานกลายเป็นเจ้าหอคันธะสงัด
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าหอคันธะสงัดคนใหม่จะเป็นผู้ชาย นั่นมันความฝันชั่วชีวิตของผู้ชายทุกคนแล้วมั้ง”
“ทำไมนักพรตฮุ่ยเหวินถึงขอให้ผู้ชายเป็นเจ้าหอกันนะ? ทั้ง ๆ เธอยังไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป หรือเพราะใกล้ตายสติเลยเลอะเลือน?”
“ไม่ใช่! ฮุ่ยเหวินไม่ได้เลอะเลือน แต่วางแผนเอาไว้แล้วต่างหาก แม้ตัวเธอตายไปหอคันธะสงัดก็ยังมีที่พึ่งและได้รับการปกป้อง!”
“หมายความว่ายังไง?”
“พวกนายลองคิดดูว่าสถานการณ์ของหอคันธะสงัดตอนนี้เป็นยังไง? เจ้าหอคนเดิมตาย คณะผู้อาวุโสก็ตายเกลี้ยง ศิษย์ของสำนักหลายคนบาดเจ็บล้มตาย การต่อสู้กับสำนักเที่ยงยุทธ์ครั้งนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของหอคันธะสงัดลดลงไปอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าแทบไม่เหลือที่มั่นให้ยืนในตำแหน่งสำนักชั้นสองแล้วด้วยซ้ำ เผชิญหน้ากับความสูญเสียหนักหนาขนาดนี้ สำนักอื่นไม่จ้องตาเป็นมันรึไง?”
“พวกคิดฉวยโอกาสงั้นสินะ?”
“ใช่! อย่าลืมว่าคนของสำนักเที่ยงยุทธ์ไม่ได้ตายกันจนหมด พวกนั้นจะจำหนี้แค้นครั้งนี้เอาไว้แน่ ในอนาคตหอคันธะสงัดจะต้องเผชิญกับการล้างแค้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ในเมื่อไม่มีทั้งเจ้าหอและคณะผู้อาวุโส ศิษย์ก็ล้มหายตายจากไปไม่น้อย หอคันธะสงัดจะปกป้องตัวเองจากสำนักอื่นที่จ้องจะฮุบเหยื่อได้ยังไง?”
“เพราะแบบนั้นถึงเลือกไอ้หนุ่มนั่นที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเป็นเจ้าหองั้นเหรอ? เธอเอาอะไรมามั่นใจว่าเขาจะช่วยหอคันธะสงัดรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้?”
“ฮุ่ยเหวินไม่ใช่คนโง่! ชายคนนั้นอายุเท่านั้น แต่กลับแข็งแกร่งขนาดที่ทำให้เถาหรูไห่ตายคามือได้ แค่เรื่องอายุกับพรสวรรค์ที่มีก็ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้ว เขาจะต้องเป็นผู้ฝึกตนอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เบื้องหลังจะต้องเป็นสำนักชั้นนำ! ฮุ่ยเหวินขอให้อีกฝ่ายเป็นเจ้าหอคันธะสงัด มันคือการสานสัมพันธ์ทางอ้อมกับสำนักชั้นนำ ในเมื่อเป็นแบบนั้นจะมีใครกล้าหาเรื่องอีก? อย่างน้อยสำนักเที่ยงยุทธ์ก็ไม่กล้าแล้วหนึ่ง!”
“ลงมือแค่หนึ่งครั้งถึงขั้นผูกหอคันธะสงัดเข้ากับสำนักชั้นนำเลยงั้นเหรอเนี่ย?”
“ไม่ว่าด้วยอะไรก็ดีกว่าสำนักถูกกำจัด! อีกทั้งคนของหอคันธะสงัดแต่เดิมก็ไม่เก่งเรื่องสานสัมพันธ์กับสำนักอื่นอยู่แล้ว ตอนนี้ได้สำนักชั้นนำเป็นที่พึ่ง อย่างน้อยก็คงได้มีช่วงเวลาสงบใจฝึกฝนโดยไม่มีอะไรมารบกวนสักระยะ ส่วนเรื่องผู้ชายคนนั้น ใครบ้างจะไม่ดีใจที่ได้อยู่ท่ามกลางสำนักหญิงล้วนแบบนั้น? ต่อไปเขาก็คงส่งตำแหน่งเจ้าหอคันธะสงัดกลับคืนให้ผู้หญิงของตัวเองอยู่ดี แค่ช่วงเวลาไม่นานก่อนตายฮุ่ยเหวินถึงกับวางแผนสร้างผลประโยชน์ให้สำนักได้มากมายมหาศาล!”
“พอได้ยินนายพูดแบบนี้ก็รู้สึกว่าฮุ่ยเหวินเดินหมากได้ดีเกินไปแล้ว ก่อนตายถึงกับคิดอ่านมากมายวางแผนเผื่ออนาคตถึงขั้นนี้”
กลุ่มคนรอบด้านกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องที่อู๋ฝานได้เป็นเจ้าหอคันธะสงัด หลายคนประหลาดใจ อย่างไรแล้วเดิมหอคันธะสงัดก็มีแต่ผู้หญิง วันนี้เวลานี้กลับปรากฏเจ้าหอเป็นผู้ชาย ไม่แปลกหากพวกเขาจะเริ่มพูดคุยกันอย่างออกรส
ตอนแรกหลายคนมองว่าฮุ่ยเหวินเสียสติก่อนตาย แต่พอวิเคราะห์กันอย่างจริงจังกลับได้พบว่าการตัดสินใจของเธอลุ่มลึกกว่าที่คิด เพราะไม่ว่าจะด้วยอะไร หากได้รู้ว่าอู๋ฝานเป็นเจ้าหอคันธะสงัดก็มากพอที่จะทำให้คนที่คิดว่าสำนักจะอ่อนแอลงจะต้องพิจารณาซะใหม่ อีกฝ่ายคือคนที่สังหารยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพขั้นกลางได้ มองจากมุมไหนก็ไม่ใช่คนที่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือหาเรื่องได้ง่าย ๆ