บทที่ 1236 ตัวตลก
บทที่ 1236 ตัวตลก
รัฐมนตรีต้วนไม่นึกเลยว่าอู๋เมิ่งหลานจะกล้าพูดจาหน้าไม่อายแบบนี้
“อู๋เมิ่งหลาน คุณไม่ระวังตัวเองจนข้อเท้าแพลงแล้วยังคิดจะลากซูเสี่ยวเถียนเข้าไปเอี่ยวด้วยอีกหรือ ในฐานะหนึ่งในสมาชิกของคณะผู้แทน ไม่ได้นึกถึงภาพรวมบ้างหรือไง ถ้าไม่กลับไปจะอยู่ให้ขายหน้าเขาต่อหรือ?”
ต้วนจื่อหมิงโมโหไม่น้อย สิ่งที่พูดออกมาจึงไม่น่าฟังเช่นกัน
อู๋เมิ่งหลานคิดอยู่เสมอว่ารัฐมนตรีต้วนเป็นคนสบาย ๆ
หญิงสาวเริ่มร้องไห้ แล้วน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาราวกับลูกปัดร่วงหล่น
เธอเป็นเหยื่อนะ แล้วทำไมถึงต้องพูดจาแบบนี้ใส่ด้วย?
ซูเสี่ยวเถียนสวยแล้วยังไง เธอก็สวยเหมือนกัน ทำไมต้องรังเกียจกันขนาดนี้?
“รัฐมนตรีต้วนครับ…” หลี่เจี้ยนจวินเอ่ยปากช่วยหญิงสาว
“หุบปาก”
ชายหนุ่มไม่กล้าพูดอะไรอีก และทำได้แค่รอโทสะเบาบางลง
“งั้นบอกฉันมา เห็นซูเสี่ยวเถียนผลักอู๋เมิ่งหลานจริง ๆ ใช่ไหม?”
รัฐมนตรีต้วนไม่คิดปล่อยเขาไป
หลี่เจี้ยนจวินเห็นหญิงที่รักร้องไห้ก็ไม่สบายใจนัก จึงมีความกล้าปกป้องเธอมากกว่าเดิม
“แน่นอนครับ ผมเห็นมากับตา เขียนทุกอย่างที่เห็นลงไปแล้วด้วย คุณให้ความยุติธรรมแก่อู๋เมิ่งหลานได้ไหมครับ?”
หลี่เจี้ยนจวินพูดมั่ว ๆ
ตอนนี้ไม่มีใครตกใจเพราะการกระทำของรัฐมนตรีต้วนอีกแล้ว
ต้วนจื่อหมิงหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาอ่าน สีหน้าไม่สามารถดำได้มากกว่านี้อีกแล้ว
“ผู้อาวุโสเฟิง คุณช่วยเล่าเรื่องราวในวันนี้ให้ผมฟังได้ไหม?”
รัฐมนตรีต้วนเอ่ยตามตรง
ทุกคนดูแปลกใจ
เฟิงอวี้ซูมองสถานการณ์ด้วยความสนใจ หนุ่มสาวเดี๋ยวนี้ทำตัวน่าสนใจจริง ๆ
อุตส่าห์จะดูต่อแท้ ๆ ทำไมต้องให้มาพูดด้วยเนี่ย
ชายชราจึงจำใจเล่าให้ฟัง
“เมื่อเช้าฉันทำเสื้อผ้าอยู่กับเสี่ยวเถียน เธอมาเป็นผู้ช่วยให้ฉันชั่วคราว กระทั่งบ่ายโมงเราก็แยกกัน แต่ระหว่างนั้นเธอไม่ได้ไปไหนตามลำพังเลย”
“หลังจากนั้นเธอไปไหนคนเดียวหรือเปล่าครับรัฐมนตรีต้วน?”
เฟิงอวี้ซูให้โอกาสรัฐมนตรีต้วนได้พิจารณาต่อ
หลี่เจี้ยนจวินอารมณ์เสียไม่น้อย
เขาไม่เห็นหรอกว่าซูเสี่ยวเถียนผลักจริงไหม แค่เขียนไปเฉย ๆ
ส่วนเรื่องที่ผู้อาวุโสเฟิงอวี้ซูบอกคือ เมื่อเช้าตัวเขากับเสี่ยวเถียนกำลังทำเสื้อผ้า ไม่ได้ออกไปข้างนอก
และเจ้าตัวก็ไม่ได้เห็นเรื่องราวในจดหมาย เพราะฉะนั้นจึงเชื่อถือได้
หลี่เจี้ยนจวินตระหนักได้ว่าเรื่องโกหกดูจะทำเกินไปหน่อย
เขาคงบ้าไปแล้ว ตอนเที่ยงอู๋เมิ่งหลานยังสบายดีอยู่เลย เรายังเดินไปคุยกับเธออยู่ตั้งพักหนึ่ง ลืมไปได้ยังไงกัน?
หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยความโมโห ‘คิดจะทำร้ายกันใช่ไหม’
เธอขาแพลงช่วงบ่าย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตอนเช้าเลย โง่ยังไงก็โง่อยู่แบบนั้น
“ผมจำผิดหรือนี่? เหมือนจะตอนบ่ายนะครับ เอ้อ! ใช่ ตอนบ่ายครับ!”
หลี่เจี้ยนจวินรีบแก้ไข
“คุณนี่มันเหลือเกินจริง ๆ หลี่เจี้ยนจวิน”
อู๋เมิ่งหลานได้ยินเช่นนั้นก็รีบช่วยพูด “รัฐมนตรีต้วน หลี่เจี้ยนจวินเขาช่วยฉันไว้นะคะ แทนที่จะจัดการซูเสี่ยวเถียนที่เป็นคนผลักฉัน ทำไมยังเอาแต่ด่าคนอื่นอยู่ล่ะ?”
อู๋เมิ่งหลานรู้สึกว่าสิ่งที่พูดมีเหตุผลมาก
“นี่ยังคิดจะเอาเขามาเอี่ยวอีกหรือ? ซูเสี่ยวเถียนจำเป็นต้องทำร้ายคนอื่นด้วยหรือ?”
“เพราะเธอไม่อยากเห็นฉันโดดเด่นกว่า เลยอยากเข้ามาแทนที่ฉันเองไงคะ” อู๋เมิ่งหลานฟึดฟัด “เป็นแค่ล่ามต่ำต้อย อาศัยหน้าตาตัวเอง คิดมาแทนที่คนอื่น”
รัฐมนตรีต้วนแทบหัวเราะออกมา
ผู้หญิงคนนี้ช่างมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน
เขาเป็นล่ามต่ำต้อย แล้วตัวเองสูงส่งมาจากไหนหรือ?
“ล่ามต่ำต้อย แล้วคุณเก่งได้เท่าเขาไหม?”
คราวนี้ผู้อาวุโสเฟิงอวี้ซูทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมาตรง ๆ
ตัวเองเป็นชนชั้นล่าง*[1]แท้ ๆ กลับรังเกียจปัญญาชนอย่างเสี่ยวเถียน
ในความคิดของตาแก่คนนี้ ซูเสี่ยวเถียนเยี่ยมกว่าอู๋เมิ่งหลานกว่าร้อยเท่า
หญิงสาวตกตะลึง เมื่อก่อนเฟิงอวี้ซูดูแลเธอดีมาตลอด แล้วทำไมถึงเข้าข้างนังนั่นแล้วล่ะ?
“ผู้อาวุโสเฟิง…”
แต่ผู้อาวุโสเฟิงไม่คิดจะฟังหญิงสาวพูดต่อ
“ล่ามต่ำต้อยที่คุณกำลังพูดถึงคือล่ามที่มีความสามารถ รู้หลายภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตร แล้วเอาอะไรมาพูดว่าเขาต่ำต้อย?”
“อีกอย่างฉันจะบอกคุณแล้วกันว่า คนออกแบบเสื้อผ้าตอนนี้ก็คือซูเสี่ยวเถียนด้วย”
เพียงไม่กี่ประโยคกลับกระแทกเข้าหน้าจัง ๆ
อู๋เมิ่งหลานเป็นนางแบบ ย่อมรู้กฎเกณฑ์ดี
“ดีไซเนอร์คือผู้รู้จักเสื้อผ้าดีที่สุด คนแบบซูเสี่ยวเถียนขึ้นไปเดินแบบได้อยู่แล้ว แค่บอกอยากทำก็ได้ทำทันที ไม่รอให้ถึงตาคุณด้วยซ้ำ”
‘เพื่อให้ได้เดินแบบต้องทำถึงขนาดนี้หรือ?’
ผู้อาวุโสเฟิงอวี้ซูมองอู๋เมิ่งหลานด้วยสีหน้าไม่พอใจ
มั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้ว
คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ?
อู๋เมิ่งหลานยังคงตกใจ
ซูเสี่ยวเถียนเป็นล่ามจะรู้หลายภาษาก็ไม่ได้พิเศษพิโสอะไร
ส่วนไอ้เรื่องปลูกผักปลูกอะไรก็แค่แรงงานไม่ใช่หรือไง นี่ก็ไม่ได้ดีเด่อะไรเหมือนกัน
แต่เรื่องดีไซเนอร์งานนี่เป็นของผู้อาวุโสเฟิงไม่ใช่หรือ? แล้วกลายเป็นหน้าที่ของซูเสี่ยวเถียนได้ยังไง?
ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด หญิงสาวยังคงคิดว่าชายชราพูดปกป้องอยู่
แต่ในใจลึก ๆ รู้ว่าเขาไม่ได้โกหกแน่ ๆ
งั้นเสื้อผ้าพวกนั้นก็คงเป็นซูเสี่ยวเถียนที่ออกแบบและช่วยทำสินะ
หากเธออยากจะขึ้นเวที คงไม่มีใครเขาค้านหรอก
เว้นแต่ดีไซเนอร์จะตัวเล็กจนไม่เหมาะกับการสวมเสื้อผ้า
แม้แต่รัฐมนตรีต้วนก็คงไม่ค้านเหมือนกัน
ดีไซเนอร์ไม่ค่อยเปิดตัวมากเท่าไร เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์อันสูงส่งเอาไว้
งั้นวันนี้เธอมาทำอะไรล่ะ?
มาเพื่อเป็นตัวตลก?
อู๋เมิ่งหลานนิ่งงัน
สุดท้ายความอดทนของรัฐมนตรีต้วนก็หมดลงในที่สุด
[1] สมัยก่อนคนจีนแบ่งชนชั้นของผู้คนออกตามฐานะ โดยมีทั้งหมดสามชนชั้นคือ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง โดยแต่ละชนชั้นจะประกอบไปด้วย 9 อาชีพ รวม 21 อาชีพ ซึ่งในที่นี้จะพูดถึงชนชั้นล่าง (下九流) เป็นกลุ่มคนที่ทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง ร่อนเร่ไปทั่ว ซึ่งประกอบไปด้วย หมอผี นักร้อง โสเภณี คนทรง คนหาฟืน ช่างตัดผมเร่ นักดนตรี นักแสดงงิ้ว ขอทาน และขายของหาบเร่