บทที่ 424 อย่าเพิ่งไป
บทที่ 424 อย่าเพิ่งไป
“อ๊าก!”
“อาจารย์!”
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วบริเวณ ตามมาด้วยเสียงของหัวใจที่แหลกสลายของฉีจิ่นจือ
ฉีจิ่นจือเพิ่งเฝ้าดูลูกตาเปื้อนเลือดที่ถูกควักออกมาจากเบ้าตาของปี่เหลาซานแล้วโยนมาตรงหน้าเขา
ลูกพี่เตาปายิ้มอย่างน่ากลัวแล้วพูดว่า “ถือมันไว้ให้ฉันดี ๆ ล่ะ ถ้าแกทำมันตก ฉันจะควักลูกตาอีกข้างของอาจารย์แกออกมา”
ฉีจิ่นจือที่อายุเพียง 12 ปี เขาถือดวงตาเปื้อนเลือดพลางมองดูปี่เหลาซานที่พยายามเอื้อมมือที่เปื้อนเลือดอยากจะคว้าตัวเขากลับไป แต่เขาก็ถูกอุ้มไปไกลเรื่อย ๆ จนหายลับไปแล้ว…
ปี่เหลาซานถูกตำรวจสายตรวจพบและส่งตัวไปโรงพยาบาล ส่วนปี่ฟู่หมานถูกเพื่อนร่วมงานของปี่เหลาซานช่วยกันลดไข้ด้วยวิธีพื้นบ้าน
ปี่เหลาซานพาปี่ฟู่หมานออกเดินทางไปทั่วประเทศ แต่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับฉีจิ่นจือเลย
….
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ขณะที่ฟังเรื่องของปี่เหลาซานที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
เธอจับมือของปี่เหลาซานแน่นพลางน้ำตาไหลอาบหน้า และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
ในชีวิตก่อน เธอไม่เคยรู้เลยว่าในอดีตของปี่เหลาซานจะมีเหตุการณ์อันเลวร้ายและเจ็บปวดเช่นนี้
เมื่อนึกถึงการเสียชีวิตของปี่ฟู่หมานและตัวเธอเองเมื่อชาติที่แล้ว มันคงยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับปี่เหลาซานอย่างเหลือทนแน่นอน
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจอย่างมาก
เมื่อปี่เหลาซานเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังร้องไห้ อารมณ์เศร้าของเขาก็เบาบางลง
นิ้วที่หยาบกร้านของเขาเช็ดน้ำตาของเธอเบา ๆ และถึงแม้เขาจะยิ้มแต่ก็มีน้ำตาคลอในดวงตา “เด็กโง่ มันจบลงแล้ว ทำไมเธอถึงร้องไห้อีกล่ะ?”
เมื่อปี่เหลาซานพูดแบบนี้ น้ำตาของเซี่ยชิงหยวนก็รินไหลกว่าเดิม “อาจารย์ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไปแล้วนะคะ ในอนาคตหนูจะดูแลอาจารย์ให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนจะไม่ยอมให้อาจารย์ของเธอสัมผัสกับความเหงาในชีวิตเหมือนชาติที่แล้วอีกครั้ง
ปี่เหลาซานสับสนและหัวเราะ “เธอกำลังพูดถึงอะไรเนี่ยเด็กโง่”
เซี่ยชิงหยวนสาบาน “อาจารย์คะ หนูจะช่วยให้อาจารย์ได้รู้จักกับศิษย์พี่ใหญ่อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของปี่เหลาซานก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอีกครั้งแล้วถามว่า “เธอจะทำยังไง?”
เซี่ยชิงหยวนวิเคราะห์ “ศิษย์พี่ใหญ่ไม่เต็มใจที่จะทักอาจารย์ หนูเชื่อว่าเขาต้องมีเหตุผลของเขาแน่ค่ะ”
“หนูคิดว่านอกเหนือจากปัจจัยเรื่องตระกูลฉีแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่เขาผ่านมาหลังจากที่ถูกแยกจากอาจารย์ไปด้วย”
“แต่ถ้าเรามีวิธีพิสูจน์ว่าเขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่จริง ๆ ก็ไม่มีทางที่เขาจะบ่ายเบี่ยงได้อีกไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม”
นาทีนี้ปี่เหลาซานก็โกรธขึ้นมา “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าเขาเข้าร่วมกับพวกคนในโลกใต้ดินจริง ๆ หรือต่อให้เขาจะฆ่าคนไปมากมายเท่าไหร่ มันก็ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของเขา ฉันจะตำหนิเขาได้ยังไง?”
ถ้าทุกสิ่งเป็นอย่างที่เซี่ยชิงหยวนคาดเดา หลังจากที่ฉีจิ่นจือถูกลูกพี่เตาปาอะไรนั่นพาตัวไป ฉีจิ่นจือน่าจะถูกบังคับให้ไปเข้าร่วมกับพวกกลุ่มคนในโลกใต้ดิน และน่าจะเป็นไปได้ว่าลูกพี่เตาปาบังคับให้เขาทำสิ่งเลวร้ายเพื่อเป็นการฝึกฝน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ปี่เหลาซานก็รู้สึกเป็นทุกข์อีกครั้งและลูบเคราของตัวเอง “แล้วเธอคิดว่าเราควรทำยังไงดีล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนพูดต่อ “ถ้าเราเพียงแต่บอกว่าเขาดูเหมือนศิษย์พี่ใหญ่ที่หายไปในความทรงจำของอาจารย์ และด้วยลวดลายเมฆมงคลนี้ หนูว่ามันยังไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอค่ะ เราต้องมาลองคิดทบทวนอีกครั้ง นอกเหนือจากเรื่องพวกนี้แล้ว มีอะไรอีกไหมที่พิสูจน์ได้ว่าเขาคือศิษย์พี่ใหญ่คะ?”
“หรือไม่อาจารย์มีทางไหนให้หนูช่วยพิสูจน์ได้ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ปี่เหลาซานก็นั่งครุ่นคิด
จากนั้นเขาก็ปรบมือแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ของเธอมีปานสีแดงที่เอว และมีรูปร่างเหมือนเมฆมงคลด้วย!”
ขณะที่พูด เขาก็ชี้ไปที่เอวเกือบแถวหน้าท้องของตัวเองแล้วพูดว่า “ตรงนี้”
ถ้ามองตามจุดที่ปี่เหลาซานชี้มันเกือบอยู่ใต้สะดือแล้ว
เซี่ยชิงหยวนเงียบไป “…”
สีหน้าของเธอแข็งค้าง “อาจารย์…ฉันเกรงว่าฉันคงทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองไม่ได้น่ะค่ะ”
ด้วยปานที่อยู่ในตำแหน่งนั้น ไม่ว่าเธอจะอ้างเหตุผลดีแค่ไหนก็ตาม เธอก็ไม่สามารถขอดูได้แน่นอน
เธอไม่มีสิทธิ์ไปถลกเสื้อผ้าของฉีจิ่นจือในบริเวณนั้นได้จริงไหมล่ะ?
ถ้าเสิ่นอี้โจวไม่ทุบตีเธอจนตาย เธอก็คงจมอยู่ในน้ำลายของผู้คน
ไม่ ไม่ เรื่องนี้เธอทำไม่ได้
แต่เมื่อปี่เหลาซานเห็นเธอส่ายหัว เขาก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง “เฮ้อ”
ทันใดนั้นเซี่ยชิงหยวนมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว “อาจารย์คะ ถึงหนูจะทำเองไม่ได้ แต่หนูสามารถให้คนอื่นช่วยได้นะ!”
ปี่เหลาซานสนใจอีกครั้ง “ใคร?”
เซี่ยชิงหยวนชี้ไปที่เสิ่นอี้โจวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องอาหาร
เสิ่นอี้โจว “?”
ปี่เหลาซาน”!”
เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวไปกระซิบข้างหูของปี่เหลาซาน
เสิ่นอี้โจวเฝ้าดูดวงตาของคู่ศิษย์อาจารย์ที่เป็นประกายสว่างขึ้นเรื่อย ๆ และรู้สึกหนาวสั่นที่หลังคอของเขา
เขาหันหลังกลับและวางแผนที่จะจากไป
แต่ทันใดนั้นเซี่ยชิงหยวนก็คว้ามือเขาเอาไว้แล้วดึงเขาเข้ามา
เธอยิ้มหวานให้เขา “อี้โจว อย่าเพิ่งไปสิคะ~”