บทที่ 1234 เขียนสิ
บทที่ 1234 เขียนสิ
ตู้อวี่กั๋วเป็นคนไร้ตัวตนมาก
หากไม่ได้รู้จักกันแต่แรกคงจะลืมไปแล้ว
เขาเป็นคนที่ไม่ได้มีความสำคัญมากนัก รับผิดชอบด้านโลจิสติกส์ จึงไม่ได้อยู่ในสายตาเลย
แถมการปรากฏตัวในฝูงชนไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นได้เลยด้วย
แล้วคนแบบนี้กลับออกตัวเป็นพยานให้ รัฐมนตรีจึงรู้สึกผิดปกติอย่างมาก
ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยสายตามีเลศนัย
เขาเป็นคนจริงจัง ต่อให้ตู้อวี่กั๋วเป็นคนธรรมดาก็ไม่อาจมองข้ามได้
ตู้อวี่กั๋วมีนิสัยเรียบง่าย ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร และคนที่ดูเหมือนไม่มีอะไรกลับมีเสียทุกที
ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่ควรมองข้าม
ตู้อวี่กั๋วเขินอายมาก ใบหน้าแดงก่ำ
ท่าทางเหมือนก่อนหน้านี้เลย
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินอีกเสียงหนึ่ง
รัฐมนตรีต้วนเห็นหลี่เจี้ยนจวิน
“ผมเป็นพยานให้เธอด้วยครับ”
หลี่เจี้ยนจวินส่งเสียงฟึดฟัดไม่พอใจใส่ตู้อวี่กั๋ว
ไอ้เวรนี่ช่างกล้าหมายตาอู๋เมิ่งหลาน
ไม่รู้เลยไงว่าเธอเป็นใคร ไม่ใช่คนที่ผู้ชายธรรมดา ๆ จะชอบได้หรอกนะ
ตัวเองเป็นใครกันล่ะ?
ก็เป็นแค่พนักงานโลจิสติกส์ หน้าตาไม่ได้ดีเด่ด้วยซ้ำ
แถมเธอยังเป็นคนที่หลี่เจี้ยนจวินตกหลุมรักก่อนด้วย
หลายวันมานี้เขาทั้งเอาอกเอาใจ ใช้ความพยายามและใช้เงินซื้อของให้เธอ
ไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ หรอก
เพราะแบบนี้จึงเสนอตัวเป็นพยานให้
อู๋เมิ่งหลานมีความสุขมาก
จะไม่ให้เบิกบานใจได้ยังไง?
ตอนนี้มีพยานแล้ว
มีตั้งสองคน อยากจะรู้นักว่าต้วนจื่อหมิงที่อคติบังตาจะพ่นอะไรออกมาอีก
ส่วนสองคนนั้นช่วยเพื่ออะไร เธอไม่สนใจหรอก
ขอแค่บรรลุเป้าหมายก็พอ
คราวนี้แกเสร็จแน่ ซูเสี่ยวเถียน!
“เดี๋ยวทำให้มันเสร็จ ๆ วันนี้ไปเลย เราจะกลับโรงแรมทันที”
ต้วนจื่อหมิงคิดจะอยู่ต่ออีกพัก แต่พอเห็นเรื่องที่เกิดขึ้น เขากลับไปก่อนดีกว่า
การทำให้ทุกคนขายหน้าที่นี่ไม่ใช่เรื่องดีนัก
ส่วนเรื่องที่จะคุยเก็บไว้ก่อนแล้วกัน เพราะแค่กระโปรงหม่าเมี่ยนก็มากพอเรียกความสนใจคนอื่น ๆ แล้ว
ฝากรองหัวหน้าเหวยจัดการต่อแล้วกัน
รัฐมนตรีต้วนพาเฟิงอวี้ซูกลับโรงแรมไปด้วย
ระหว่างทางอู๋เมิ่งหลานฉีกยิ้มด้วยความดีใจ
ถึงจะไม่พอใจที่รัฐมนตรีไม่ยอมพาซูเสี่ยวเถียนไป แต่เธอคนนั้นเป็นตัวแทนของคณะผู้แทนจีนอยู่บนเวที ย่อมเข้าใจได้
เทียบกับรัฐมนตรีต้วนแล้ว รายนี้แย่กว่าเยอะ
ไม่นานนักเราก็เดินทางมาถึง
อู๋เมิ่งหลานคิดจะกลับห้อง แต่รัฐมนตรีต้วนห้ามเอาไว้
“ในเมื่อจะสอบสวนก็เริ่มเลย ทุกคนไปที่ห้องฉันด้วย”
แม้บางคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก แต่ใจหนึ่งก็กลัวรัฐมนตรีต้วนจึงตามไปอย่างเชื่อฟัง
“พวกคุณสองคนเห็นซูเสี่ยวเถียนผลักอู๋เมิ่งหลานใช่ไหม?” รัฐมนตรีต้วนคิดจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย
น่าเสียดายที่สองคนนั้นยังคงยืนกราน
โดยเฉพาะตู้อวี่กั๋วที่อยากอธิบาย แต่รัฐมนตรีต้วนห้ามไว้
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ที่นี่มีกระดาษกับปากกา แยกกันไปเขียนเหตุการณ์ที่เห็นใส่ในนั้นซะ”
รัฐมนตรีต้วนจัดการทันที
ทั้งสองตื่นตระหนก
เราไม่เห็นสักนิดแล้วจะเขียนยังไง?
แล้วต้องทำยังไงถึงจะเขียนให้เหมือนกันได้?
ตอนที่ตู้อวี่กั๋วใส่ร้ายซูเสี่ยวเถียน เขาแต่งเรื่องไว้แล้ว
แต่จู่ ๆ หลี่เจี้ยนจวินก็โผล่มา เชื่อเถอะว่ารายนั้นคงไม่เห็นเหมือนกัน
ที่จริงเขาเครีดยมากเลยนะ เพราะรู้ดีกว่าใคร ๆ
ส่วนหลี่เจี้ยนจวินกลับบอกแบบเดียวกัน แค่นี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเรื่องนี้แปลก ๆ
เลยคิดว่าถ้าพูดก่อน ฝ่ายนั้นต้องพูดตามแน่ แต่ต้วนจื่อหมิงไม่ให้โอกาสเลย
แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ?
ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของหลี่เจี้ยนจวินมีแต่จะสร้างปัญหาเท่านั้น ชายหนุ่มยังคิดอยู่ว่าหลี่เจี้ยนจวินรู้อะไรมาแล้วตั้งใจทำหรือเปล่า
งั้นก็พูดได้เลยสิ จะกลัวทำไม?
เมื่อพิจารณาดูข้อสรุปเดียวที่ได้คือเสียสติเฉย ๆ
ถ้าเจ้าบ้านนี่มันไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมา เรื่องคงจบไปแล้ว
ตู้อวี่กั๋วมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ
หลี่เจี้ยนจวินได้แต่สับสน
เรากำลังซวยนะ ทำไมไม่พูดล่ะ?
เขาอยากได้ยินเรื่องราวจากปากตู้อวี่กั๋วเหมือนกัน
เหตุการณ์อะไรนั่นไม่เห็นหรอก ไม่รู้ด้วยว่าล้มยังไง
แล้วจะเขียนออกมาได้ยังไง?
“ให้พวกเราพูดดีกว่าไหมครับ?” หลี่เจี้ยนจวินลองถามดู