บทที่ 957 แสดงอำนาจ
บทที่ 957 แสดงอำนาจ
เรือนชิงเวย
สิงเจียเวยกำลังสวมผ้าคาดเอว เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงโหรว นางก็วางสิ่งที่กำลังถืออยู่ด้วยความโมโห
“นางหมายความว่าอย่างไร?”
“คุณหนูสี่ คุณหนูห้าอยู่ข้างนอกหลายปีมานี้ทำการค้า พบเห็นสิ่งต่าง ๆ มาไม่น้อย ดังนั้น…”
เป็นของจริงหรือของปลอม จะปิดบังนางได้อย่างไร?
“คิดหรือว่าคุณหนูสี่แห่งจวนสิงที่สูงศักดิ์ ยังต้องการออกอุบายฉกฉวยของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นของนาง?” สิงเจียเวยหน้าเสีย “เพียงแค่คนของข้าไม่ทันระมัดระวัง พลั้งมือไป ในเมื่อไม่ใช่ เปลี่ยนกลับก็ใช้ได้แล้ว”
“ขอบคุณคุณหนูสี่ที่เข้าใจเจ้าค่ะ”
ฉิงโหรวกล่าวจบ ฉิงฮุ่ยก็ตะโกนออกไปข้างนอก “พวกเจ้าเข้ามาเถอะ! คุณหนูสี่ออกคำสั่งแล้ว มาเปลี่ยนประเดี๋ยวนี้”
ที่นี่เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โต คนอื่น ๆ ในจวนได้ยินเสียงตึงตังจึงเดินมาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใช้เวลาไม่นานนัก เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉิงโหรวก้าวเข้ามาในเรือนชิงเวยอีกครั้ง
สิงเจียเวยมีสีหน้าไม่น่าดูชม นางเอ่ยขึ้น “มีเรื่องอะไรอีก?”
“คุณหนูห้ากล่าวว่าเมื่อครู่นางพลั้งมือทำแจกันใบหนึ่งแตกแล้ว ถึงแม้นางกับคุณหนูสี่จะเป็นพี่น้องกัน อย่างไรบัญชีก็ต้องแยกแยะให้ชัดเจน ดังนั้นจึงจะจ่ายค่าแจกันให้คุณหนูสี่เจ้าค่ะ”
สาวใช้ของสิงเจียเวยเดินไปรับถุงเงินที่ฉิงโหรวยื่นให้
หลังจากฉิงโหรวโยนเผือกร้อนในมือออกไปแล้ว นางพลันรู้สึกโล่งใจจึงกล่าวลาสิงเจียเวย แล้วถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังตามไล่หลัง
เซียงเสวี่ยสาวใช้สิงเจียเวยส่งถุงเงินให้กับผู้เป็นนาย
สิงเจียเวยรับมา รับรู้ได้ถึงน้ำหนักถุงเงินนั้น นางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงเทของในนั้นออกมาและเห็นว่ามีเงินเพียงห้าอีแปะเท่านั้น
“สิงเจียซือ!” สิงเจียเวยเอ่ยด้วยความคับแค้น “นางจงใจทำให้ข้าอับอาย!”
“คุณหนู คุณหนูห้าแตกหักกับท่านทันทีที่กลับมา แม้กระทั่งดีกันเพียงผิวเผินก็ไม่คิดสนใจจะทำเสียด้วยซ้ำนะเจ้าคะ!” เซียงเสวี่ยเอ่ย “เช่นนั้นจากนี้ไปจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
“นางก็แค่เด็กกำพร้าไร้บิดามารดาผู้หนึ่ง ยังคิดว่าตนเป็นแก้วตาดวงใจของบ้านใหญ่หรือ?” สิงเจียเวยเอ่ย “เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนาง”
สิงเจียซือนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ชมทิวทัศน์ภายนอกแล้วกล่าวว่า “ยามนี้ผู้ใดรับผิดชอบเรื่องภายในเรือน?”
“เรียนคุณหนูห้า เป็นฮูหยินรองเจ้าค่ะ”
“อาสะใภ้รอง”
“เจ้าค่ะ”
“อาสะใภ้รองเป็นคนรอบรู้ ในเมื่อรู้ว่าข้ากลับมาแล้ว นางจะต้องนำเสื้อผ้าอาภรณ์ส่งมาให้ข้าอย่างแน่นอน” สิงเจียซือกล่าว “ข้าเป็นผู้เยาว์ ไม่มีเหตุผลที่จะให้ผู้อาวุโสมาเยี่ยมเยือน เช่นนั้นข้าต้องไปคารวะอาสะใภ้รองเสียหน่อย!”
ฮูหยินรองสิงกำลังจัดการบัญชีของจวน เมื่อได้ยินคนสนิทมารายงานก็เอ่ยขึ้น “เพิ่งกลับมาก็ทำให้เจ้าสี่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ข้าไม่อาจผละจากที่นี่ นางกลับดีนัก ส่งตนเองมาถึงประตู นี่มันอะไร? อยู่ในป่าในเขาข้างนอกมานาน คิดว่าตนเองเป็นวีรสตรีหรือ? ถึงได้เดินเพ่นพ่านไปมารอบจวน”
“เช่นนั้นให้นางเข้าพบหรือไม่เจ้าคะ?”
“พบสิ ในเมื่อนางมาคารวะ ข้าในฐานะผู้อาวุโสย่อมต้องพบ เจ้าไปเชิญนางเข้ามาเถอะ!” ฮูหยินรองสิงกล่าว
สาวใช้เดินนำสิงเจียซือเข้ามา
“คารวะอาสะใภ้รอง”
“เจ้าห้า กลับมาแล้วหรือ?” ฮูหยินรองสิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เข้ามานี่เร็ว มาให้ข้าดู โธ่เอ๊ย ผอมไปแล้ว ทั้งยังคล้ำเชียว หลายปีนี้คงลำบากมามาก”
สิงเจียซือเอ่ยด้วยดวงตารื้น “อาสะใภ้รองยังคงเห็นใจข้า มองแวบเดียวก็บอกได้ว่าข้าผอมลงทั้งยังผิวคล้ำขึ้น แม้กระทั่งท่านย่ายังมองไม่ออกเลยเจ้าค่ะ!”
“อาสะใภ้รองเห็นเจ้าเติบใหญ่ขึ้นมา แม้นไม่ใช่มารดาแท้ ๆ แต่ก็เป็นยิ่งกว่ามารดาแท้ ๆ ของเจ้า เจ้าห้าของข้าได้รับความคับข้องใจมากถึงเพียงนี้ อาสะใภ้รองปวดใจยิ่งนัก”
“อาสะใภ้รอง ยังเป็นท่านที่ดีต่อข้า”
บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ “…”
แต่ละคนก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ
“อาสะใภ้รอง หลานต้องขออภัยท่านแล้ว” สิงเจียซือกล่าว
“มีอะไรหรือ?”
“ไม่ใช่เพราะบ่าวรับใช้สุนัขในเรือนพี่สี่หรือ” สิงเจียซือกล่าว “พวกเขากล้าหลอกลวงนาย ใช้ของปลอมมาสับเปลี่ยนของจริง ข้าทนไม่ได้ที่พี่สี่ถูกหลอก ข้าจึงบอกนาง พี่สี่ถูกบ่าวรับใช้ทรยศจนโมโห ภายหลังข้ามาคิดดู พี่หญิงหลายปีมานี้นางอยู่แต่เรือนหลังไม่ได้ออกไปที่ใด ถูกบ่าวรับใช้หลอกก็เป็นเรื่องธรรมดา ข้าไม่ควรบอกความจริงกับนางไปตรง ๆ ควรรอให้เรื่องเย็นลง แล้วจึงค่อย ๆ บอกนาง อย่างนี้นางจะได้ยอมรับได้ง่ายขึ้น”
แววตาของฮูหยินรองสิงฉายความโกรธขึ้นมาแวบหนึ่ง
สิงเจียซือผู้นี้…
ข้าประเมินนางต่ำไปแล้วจริง ๆ
เหตุใดก่อนหน้านี้จึงมองไม่ออกว่าเจ้าห้ารู้จักตลบตะแลงเช่นนี้?
“อาสะใภ้รอง ท่านก็นึกตำหนิข้าใช่หรือไม่?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าทำเพื่อประโยชน์ของเจ้าสี่ เจ้าสี่ไร้เดียงสาเกินไปจึงถูกบ่าวรับใช้หลอกเอาได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจละเลย”
“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ”
“เจ้าเพิ่งกลับมา จะต้องซื้อของอีกมาก เอาอย่างนี้ ข้าจะจัดเตรียมให้หญิงเย็บปักไปที่เรือนเจ้า เพื่อทำเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เจ้าสักสองสามชุด”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณอาสะใภ้รองแล้ว” สิงเจียซือเอ่ย “อาสะใภ้รองดูแลทั้งเรือน ช่างลำบากจริง ๆ เอาอย่างนี้ เจียซือช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย สินเดิมเหล่านั้นของมารดาข้าลำบากอาสะใภ้รองต้องดูแลมาโดยตลอด ตอนนี้ก็มอบให้ข้าจัดการเองเถิด จะได้ไม่ต้องให้อาสะใภ้รองต้องกังวล”
สีหน้าฮูหยินรองสิงแปรเปลี่ยนฉับพลัน
สิงเจียซือจ้องมองฮูหยินรองสิง “อาสะใภ้รอง มีอะไรไม่ถูกต้องหรือเจ้าคะ?”
“เจียซือ ตอนนี้เจ้ายังเล็ก เกรงว่าจะจัดการของมากมายเพียงนั้นได้ไม่ดี เอาอย่างนี้ รอเจ้าออกเรือน อาสะใภ้รองจะคืนให้เจ้าอย่างครบถ้วนแน่นอน”
“อาสะใภ้รอง หลายปีมานี้เจียซืออยู่ข้างนอกได้เรียนรู้วิธีทำการค้ามาบ้าง บัดนี้ท่านย่าให้ข้ากลับมา ข้าย่อมไม่อาจทำการค้าอีกต่อไป สินเดิมของท่านแม่ข้าก็มีกิจการอยู่สองสามร้าน ข้าย่อมสามารถฝึกปรือฝีมือได้ อาสะใภ้รองลำบากใจเพียงนี้ หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับสินเดิมมารดาข้า”
“จะเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร? ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
“ข้าเพิ่งกลับมา อาสะใภ้รองคงยังไม่ทันได้เตรียมการอะไร จะต้องมีของมากมายให้ต้องจัดการเป็นแน่ เอาอย่างนี้ เจียซือจะรออาสะใภ้รองครึ่งเดือน หลังจากครึ่งเดือนแล้ว ข้าจะตรวจดูตามรายการที่มารดาทิ้งเอาไว้”
“เจ้ามีรายการสินเดิมของมารดาหรือ?”
“แน่นอนว่ามี” สิงเจียซือเอ่ย “ไม่เพียงแต่ข้ามี พี่หญิงใหญ่ก็มี รายการสินเดิมของมารดาข้า ก่อนหน้านี้ก็ให้พี่หญิงใหญ่จัดการ อาสะใภ้รองลืมไปแล้วหรือ?”
หน้ากากของฮูหยินรองสิงแทบจะพังครืนลง นางใกล้จะปั้นยิ้มไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
สิงเจียซือลุกขึ้นยืนกล่าวคำอำลา เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาเอ่ย “จริงสิ หลานจะรออยู่ที่เรือนให้หญิงเย็บปักมาวัดตัว หลานเพิ่งกลับมา ไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสมไว้รับรองแขกจริง ๆ รบกวนอาสะใภ้เป็นธุระแล้ว”
หลังจากสิงเจียซือจากไป ฮูหยินรองสิงก็ตบลงบนโต๊ะดังปัง นางโมโหโทโสเป็นอย่างยิ่ง
“นังเด็กแสบคนนี้! ออกไปเพียงไม่กี่ปี นึกไม่ถึงว่าจะมีวาจาเฉียบแหลมเพียงนี้”
“ฮูหยินรอง จะคืนสินเดิมให้นางจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”
“คืน? คืนอะไร? หลายปีมานี้ล้วนได้สินเดิมของมารดานางประคับประคอง มิเช่นนั้นสกุลนี้คงไม่รอดแล้ว” ฮูหยินรองสิงเอ่ย ” ถึงแม้ข้าจะยินดีคืน นั่นก็ต้องมีของให้คืนจึงจะคืนได้”
“หลังจากพ้นครึ่งเดือนไปแล้ว หากนางมาทวงถามสินเดิมจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
“เช่นนั้นก็บอกว่าหลายปีมานี้ล้วนใช้ไปหมดแล้ว สกุลสิงมีคนมากเพียงนี้ ต้องดูแลทั้งสกุล ในคลังไม่มีเงิน ทำได้เพียงนำสินเดิมของมารดาออกมาประทังชีวิต นางโวยวายเพียงใดก็ทำอะไรไม่ได้”