ตอนที่ 563 ไม่ไป
ไป๋จื่อง่วนอยู่ในครัว นางผสมแป้ง นวดแป้ง ปรุงไส้ ทว่าจินเสี่ยวอันที่อยู่ข้างๆ กลับเรียนรู้ไม่เข้าหัวเลยสักนิด “ยากเกินไปแล้ว”
“ของอร่อยไม่มีสิ่งใดง่าย ทว่าความจริงแล้วก็ไม่ได้ยากเช่นกัน ฝึกฝนให้มากหน่อยก็คุ้นชินเองเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อยิ้มกล่าว
เมิ่งหนานที่อยู่อีกข้างหนึ่งขยิบตาให้จินเสี่ยวอัน ทีแรกองครักษ์คนสนิทไม่ได้สังเกต ทว่าเมื่อมองเห็นแล้ว ดวงตาของเมิ่งหนานก็ใกล้จะเมื่อยล้าเต็มที
จินเสี่ยวอันรับสัญญาณลับของคุณชาย เขากระแอมเสียงหนึ่ง เอ่ยถามไป๋จื่อว่า “หูเฟิงเล่า ไยไม่เห็นเขาเลย”
มือที่กำลังนวดแป้งของนางหยุดลง จากนั้นก็ยิ้มว่า “ช่วงก่อนมีการเกณฑ์ทหารในหมู่บ้าน เขามีวรยุทธ์สูงส่ง ไม่ควรปลูกผักทำนาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ นั่นเท่ากับเสียความสามารถไปเปล่าๆ เขาคิดว่ามีเหตุผลทีเดียว จึงไปออกรบแล้วเจ้าค่ะ”
จินเสี่ยวอันสบตากับเมิ่งหนาน ทั้งคู่ต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง ไปออกรบ? หูเฟิงน่ะหรือไปออกรบ
“แน่นอนว่าเขาจะกลับมา ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อยิ้ม
เมิ่งหนานเร่งถามทันที “หากเขาไม่กลับมาเล่า”
“เป็นไปไม่ได้!” รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋จื่อจางหายไป ขณะเดียวกันแรงนวดแป้งกลับเพิ่มมากขึ้น พาให้แป้งของนางใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งตรงกลางของมันยังมีรูขนาดใหญ่ด้วย
เมิ่งหนานรู้แล้วว่าไม่ควรถามคำถามนี้ต่อไป ไม่เช่นนั้นไป๋จื่ออาจจะไม่สบอารมณ์เอาได้
เขาขยิบตาให้จินเสี่ยวอันอีกครั้ง ให้จินเสี่ยวอันถามว่า “แม่นางไป เจ้าดีกับเสียนเอ๋อร์ขนาดนี้ มิสู้ไปเมืองหลวงด้วยกันเถอะ เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจะได้พบหน้ากันบ่อยๆ”
ไป๋จื่อเหล่มองจินเสี่ยวอันครั้งหนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตาไปมองเมิ่งหนาน เอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่ไป!”
เมิ่งหนานรีบก้าวไปข้างหน้า เบียดจินเสี่ยวอันที่กำลังพยายามเรียนห่อเกี๊ยวให้พ้นทาง “เพราะเหตุใดกัน ไยเจ้าไม่ไป ที่นี่มีอะไรดีอย่างนั้นหรือ”
นางคลึงแป้งก้อนสุดท้ายเป็นแผ่นบางๆ ก่อนจะวางไม้คลึงแป้งลง แล้วกันไปเผชิญหน้ากับเมิ่งหนาน อีกฝ่ายรูปร่างสูงคล้ายกับหูเฟิง เมื่อสนทนากันในระยะใกล้ นางจึงจำต้องเงยหน้าขึ้นถึงจะใช้ได้
“ที่นี่คือบ้านของข้า ไม่ว่าที่นี่จะดีหรือไม่ดี ข้าล้วนจะอยู่ที่บ้านของตนเอง ก็เหมือนกับท่านนั่นแหละ จากบ้านมาไกลเป็นพันลี้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับบ้านไม่ใช่หรือไร”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เจ้าไปอยู่ที่เมืองหลวงสักเดือน แค่เดือนเดียวเท่านั้น หากเจ้าไม่ชอบจริงๆ ก็ค่อยกลับมาดีหรือไม่ เจ้าอาจจะชอบเมืองหลวงก็ได้นะ” เขาคิดว่าจะไม่มีใครไม่ชอบเมืองหลวง ที่นั้นคึกคักรื่นเริง มีเสื้อผ้าที่งดงามที่สุด มีเครื่องประดับที่ตระการตาที่สุด มีถนนที่มีชีวิตชีวาที่สุดของแคว้นฉู่ อะไรก็ล้วนดีไปเสียหมด
“หากเจ้าอยากเปิดร้าน จะเปิดที่เมืองหลวงก็ได้ กิจการดีกว่าที่นี่แน่นอน”
ไป๋จื่อยังคงส่ายหน้า “ขอโทษเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้ายังไม่อยากไป วันหลังค่อยว่ากันเถอะ”
เมิ่งหนานรู้สึกโมโหอยู่บ้าง ทั้งยังไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่านางจะรั้งอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลใด รอหูเฟิงหรือ
จินเสี่ยวอันเห็นบรรยากาศเริ่มอึมครึม จึงรีบหัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน แล้วดันคุณชายออกไปอีกด้านหนึ่ง “ใกล้จะนำเกี๊ยวลงหม้อแล้ว ท่านไปรอที่ห้องโถงก่อนเถอะ”
เมื่อเมิ่งหนานออกไปแล้ว จินเสี่ยวอันก็กลับมาที่ห้องครัวอีกครั้ง ไป๋จื่อกำลังห่อเกี๊ยวอย่างคล่องแคล่ว สีหน้าของนางในยามนี้เฉยชายิ่งนัก ราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น
เขากล่าวกับไป๋จื่อว่า “แม่นางไป๋ คุณชายของข้ามีเจตนาดี เจ้าอย่าได้ถือสาเลยนะ”
ไป๋จื่อตอบเสียงเบา “ข้ารู้เจ้าค่ะ ว่าเขามีเจตนาดี และรู้เช่นกันว่าเขาคิดกับข้าเช่นไร จินเสี่ยวอัน เมื่อพวกท่านกลับไปแล้ว ท่านช่วยข้าบอกกับเขาที ว่าเรื่องบางเรื่องต่อให้บังคับกันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ หวังว่าเขาจะเข้าใจด้วย ข้าอยู่ห่างจากเขาเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเขาเท่านั้น อย่าได้เสียเวลามีใจให้กับคนที่เป็นไปไม่ได้เลยเจ้าค่ะ มันไม่คุ้มกันหรอก”
จินเสี่ยวอันถอนใจเสียงหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะคล้ายกับว่าพูดอะไรก็ล้วนไม่จำเป็นอีกแล้ว
……….
ตอนที่ 564 หูเฟิงคือจิ้นอ๋อง
เกี๊ยวอร่อยมาก ครั้งนี้เป็นไส้แบบใหม่ ไม่เหมือนกับไส้กุยช่ายที่เคยได้กินก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เมื่อขึ้นโต๊ะแล้วเมิ่งหนานและจินเสี่ยวอันจึงกินมันจนเกลี้ยงจาน
เสียนเอ๋อร์ไม่ค่อยพอใจนัก “ไยพวกท่านสองคนไม่เหลือให้พี่สาวสักหน่อย พี่สาวยังไม่ได้กินเลยนะ!”
จินเสี่ยวอันยิ้มว่า “ยังมีอีก เดี๋ยวพี่สาวของเจ้าจะยกจานใหญ่ออกมา”
เสียนเอ๋อร์กับหรูเอ๋อร์ชอบกินเกี๋ยวมาก ไป๋จื่อจึงใส่จานมาให้พวกนางสองคนอีก
เมื่อเห็นเกี๊ยวเหลืออยู่ในจานไม่มาก จินเสี่ยวอันนับอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เขาห่อเกี๊ยวไว้ตั้งมากมาย ไยหมดลงที่สองจานนี้เล่า
“หมดแล้วหรือ” จินเสี่ยวอันถาม
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ยังมีอีกเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะทำเกี๊ยวทอด ให้พวกท่านนำไปกินระหว่างทาง”
เสียนเอ๋อร์ปรบมือทันที “ข้าชอบกินเกี๊ยวทอดที่สุด มันอร่อยยิ่งนัก”
ไป๋จื่อลูบศีรษะของนาง “ชอบก็กินให้มากหน่อย จะได้โตไวๆ นะ”
เสียนเอ๋อร์พยักหน้าอย่างแรง “ตอนที่พี่สาวมาเยี่ยมข้า ข้าจะต้องสูงขึ้นกว่านี้แน่”
หลังจากกินข้าวเสร็จ ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดสนิทแล้ว เมิ่งหนานไม่คิดจะไปที่ไหนโดยสิ้นเชิง เขาชมบ้านทั้งหลังแล้วรอบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจว่าคืนนี้จะนอนบนชั้นสาม
หรูเอ๋อร์เข้ากับคนได้ยากยิ่งกว่าเสียนเอ๋อร์ นางอยากบอกเมิ่งหนานว่าตนกับแม่ของตนอาศัยอยู่ที่ชั้นสาม ทว่าก็ไม่กล้าพูดออกมา
เสียนเอ๋อร์พลันเอ่ยเสียงดัง “ชั้นสามไม่มีที่ให้ท่านนอนหรอก ชั้นสองก็ไม่มีเช่นกัน บนชั้นลอยก็ด้วย ดูท่าท่านต้องนอนที่ระเบียงแล้วละ ทว่าบนระเบียงหนาวมาก พรุ่งนี้เช้าท่านจะแข็งเป็นกระบองน้ำแข็งหรือไม่เล่า”
เมิ่งหนานหัวเราะ “ใครบอกว่าข้าไม่มีที่นอนกัน เด็กๆ อย่างพวกเจ้าสองคนไปนอนกับพี่สะใภ้คืนนี้ ก็เท่ากับว่าข้ามีที่นอนแล้วไม่ใช่หรือไร”
หูจ่างหลินนึกได้ว่าไป๋จื่ออาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เช่นกัน จึงรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง กล่าวว่า “ห้องของหูเฟิงว่างอยู่ ท่านไปนอนกับข้าที่นั่นก็ได้”
ขณะที่เมิ่งหนานกำลังจะปฏิเสธ ไป๋จื่อก็รีบพูดขึ้นมา “เช่นนั้นย่อมดีที่สุด อีกเดี๋ยวข้าจะนำเครื่องนอนไปให้”
ดังนั้นทุกอย่างจึงจัดการเสร็จสิ้นเช่นนี้อย่างรวดเร็ว…
สำหรับหูจ่างหลิน ไป๋จื่อเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของเขา ส่วนเมิ่งหนานคิดอย่างไรเขาล้วนชัดแจ้งแก่ใจดี แล้วเขาจะวางใจให้เมิ่งหนานพักอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ถึงแม้จะไม่มีทางมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ชื่อเสียงของไป๋จื่อก็มีแต่จะดูไม่ดีเท่านั้น
หูจ่างหลินพาตัวเมิ่งหนานไปโดยที่เขาไม่ยินยอม ห้องของหูเฟิงยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน สะอาดเรียบร้อย เตียงของเขากว้างมาก พอจะให้เมิ่งหนานและจินเสี่ยวอันนอนเบียดกันสักคืนหนึ่ง
ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน หูจ่างหลินจึงเป็นคนนำเครื่องนอนที่ไป๋จื่อนำมาให้เข้ามาในห้อง ก่อนจะจัดเตียงให้พวกเขาอย่างคุ้นชิน
ตอนนี้ในห้องจุดตะเกียงน้ำมันไว้แล้ว แสงไฟสีส้มเหลืองตกกระทบที่ใบหน้าด้านข้างของหูจ่างหลิน
ใบหน้านี้ยากจะเชื่อมโยงไปถึงโฉมหน้าอันหล่อเหลาองอาจของหูเฟิงเสียจริง
เมิ่งหนานนึกถึงเซียวอ๋อง ยามเมื่อตนได้พบกับเขาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่นั้นในใจก็มีแต่ความสงสัย วันนี้ได้พบหูจ่างหลินอีกครั้งแล้ว ความสงสัยนั้นก็ยิ่งปรากฏขึ้นมาที่ตรงหน้า
เขาถามหูจ่างหลินว่า “ได้ยินไป๋จื่อบอกว่าหูเฟิงไปร่วมรบหรือ”
หูจ่างหลินพยักหน้า “ถูกต้อง เขาไปได้พักหนึ่งแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมาเมื่อใด”
“เจ้ามีบุตรชายแค่คนเดียว ตัดใจไหวอยู่หรือนี่” เมิ่งหนานถามอีก
ฝ่ายถูกถามถอนใจ “ตัดใจไม่ไหวแล้วอย่างไร เขายินยอมจะไปเอง ข้าขวางเขาไม่ได้หรอก”
เขายินยอมจะไปเอง? เพราะอะไรกัน ที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไร ไฉนต้องไปร่วมรบด้วย
เมิ่งหนานถามอีกว่า “ข้ารู้สึกว่าหน้าตาของหูเฟิงไม่ค่อยเหมือนเจ้าเท่าไรนัก ดูท่าทางเขาจะหน้าเหมือนแม่มากกว่ากระมัง”
หูจ่างหลินยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ใช่ๆ ไหนเลยพวกข้าจะให้กำเนิดบุตรชายเช่นเขาได้ ข้าเก็บหูเฟิงมาเลี้ยง เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของข้าหรอก” เขาพูดจบแล้วถึงนึกสิ่งที่ไป๋จื่อกำชับไว้ได้ นางห้ามไม่ให้เขาพูดเรื่องนี้กับคนนอก จึงกล่าวเพิ่มเติมไปอีกว่า “เรื่องนี้ไป๋จื่อไม่ให้ข้าบอกใคร ท่านก็ทำเป็นว่าไม่รู้แล้วกันนะ”