บทที่ 956 ท้ายที่สุดก็กลับมา
บทที่ 956 ท้ายที่สุดก็กลับมา
สิงเจียซือเหนื่อยหน่ายอยู่บ้าง
นางมีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นคือการช่วยเหลือสหายของตน
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอาแต่กล่าวถึงเรื่องราวเก่า ๆ เมินเฉยเรื่องที่นำตัวสหายของนางไปอย่างสิ้นเชิง นี่ทำให้สิงเจียซือรู้สึกว่าถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
ไม่ว่านางจะไม่พึงพอใจและคับข้องใจมากเพียงใด สุดท้ายก็จำต้องยอมรับว่าฮูหยินผู้เฒ่าสิงเป็นย่าของนาง สิงเจียซือทั้งโกรธ ทั้งอารมณ์เสีย แต่กลับทำได้เพียงนิ่งเฉยและถูกจูงจมูกอยู่เช่นนั้น
“ท่านย่า พวกเราไม่เอ่ยถึงเรื่องราวเก่าก่อนแล้ว ท่านปล่อยคนไปเถอะ!”
“ให้ปล่อยคนนั้นย่อมได้ แต่เจ้าต้องกลับไปอยู่ที่เรือน เป็นคุณหนูห้าสกุลสิงอย่างว่าง่าย”
“ท่านย่า เมื่อครู่ท่านรับปากแล้ว”
“ข้าจะปล่อย หากแต่ไม่ได้กล่าวว่าจะปล่อยประเดี๋ยวนี้ ข้ารู้นิสัยของเจ้าดี เจ้าแสร้งร่วมมือกลับไปกับข้าก่อน รอข้าปล่อยคน เจ้าก็จะหนีไปไม่เห็นแม้แต่เงา ใช่หรือไม่?”
“พวกเขาไม่เป็นไรกระมัง?”
“ข้าเป็นหญิงมีพิษสงหรือไร? เพียงแค่คนไม่เกี่ยวข้องไม่กี่คน ควรคู่ให้ข้ายุ่งกับพวกเขาหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเย้ยหยัน
“ได้ ข้าจะรั้งอยู่”
นางมองออก ฮูหยินผู้เฒ่าสิงต้องการให้นางกลับจวน ครั้งนี้คงไม่คิดปล่อยคนแล้ว นางพูดไปก็ไร้ความหมาย ยังไม่สู้ทำตามความต้องการของอีกฝ่ายไป ดูเสียก่อนว่าท่านย่าคิดจะทำอะไร
“คุณหนูห้า เรือนของท่านยังเป็นหลังเดิม บ่าวรับใช้ทำความสะอาดดีแล้ว ท่านเข้าไปอยู่ได้ทันที ส่วนสาวใช้ที่ปรนนิบัติท่านก่อนหน้านี้ออกเรือนแล้ว ไม่อาจกลับมาปรนนิบัติอีก ฮูหยินผู้เฒ่าจึงมอบสาวใหญ่สองคนให้คอยดูแลเรือนท่านแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมีสีหน้าเย็นชาไม่กล่าววาจา
สิงเจียซือจึงกล่าวอำลา “หลานขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมองตามแผ่นหลังนาง สีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ในที่สุดก็รู้จักทำความเคารพแล้ว”
“คุณหนูห้าเพียงแค้นเคือง อันที่จริงแล้วนางเป็นแม่นางที่ดีนะเจ้าคะ” แม่นมเฒ่าเอ่ย “อีกอย่างหลายปีมานี้มีความเข้าใจผิดกัน ย่อมเกิดความขุ่นเคืองพอกพูน”
สิงเจียซือออกมาจากเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า เดินไปยังที่ที่ตนต้องอยู่อาศัย
นางไม่ได้กลับมาเสียหลายปี เรือนดูเหมือนจะเปลี่ยนไป แต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นตา ทุกอย่างดูคุ้นเคยแต่ก็ดูแปลกใหม่ไปหมด
เทียบกับเมื่อบิดามารดายังอยู่ที่นี่ เรือนกลับดูเก่าลงไปเล็กน้อย
ด้านนอกยังไม่เห็นชัด อย่างไรเสียก็ดูสว่างสวยงาม ครั้นได้ก้าวเข้ามา สิงเจียซือถึงได้พบว่ากำแพงผุพังลงไปบ้างแล้วจริง ๆ ทั้งยังดูเหมือนไม่ได้รับการซ่อมแซมมาเนิ่นนานด้วย
“น้องห้า” สิงเจียเวยเดินเข้ามา
“พี่สี่” สิงเจียซือพยักหน้าให้นางน้อย ๆ
“น้องห้า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียที พวกพี่หญิงใหญ่ล้วนออกเรือนแต่งกันหมดแล้ว ยามนี้ในจวนเหลือข้าเพียงผู้เดียว แม้กระทั่งคนให้พูดคุยยังไม่มี” สิงเจียเวยเดินนวยนาดเข้ามาหา
“พี่สี่ล้อเล่นแล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้จากไป พวกเราก็ไม่ได้สนิทสนมกันถึงเพียงนั้น” สิงเจียซือเอ่ย “พี่สี่ ข้าเหนื่อยเล็กน้อย อยากกลับไปพักผ่อนแล้ว”
“น้องห้านับวันยิ่งเหินห่าง” สิงเจียเวยถอนหายใจ “แยกจากกันมานานหลายปี เจ้ากับข้าห่างเหินกันเพียงนี้ ทว่าก็จริง ตอนนั้นที่เจ้าจากไป…”
สาวใช้หน้าตาสะสวยเดินเข้ามา กล่าวกับสิงเจียเวย “คุณหนูสี่ คุณหนูห้าเหนื่อยแล้ว ไม่สู้ท่านรอให้คุณหนูห้าพักผ่อนเสียก่อน คุณหนูสี่ค่อยมาพูดคุยที่เรือนอีกครั้งเล่าเจ้าคะ”
สิงเจียเวยเห็นคนผู้นี้ก็เอ่ยอย่างใจเย็น “ฉิงโหรว ตอนนี้เจ้าติดตามน้องห้าแล้วหรือ?”
“ฮูหยินผู้เฒ่ายกบ่าวให้คุณหนูห้าเจ้าค่ะ”
“ท่านย่าช่างเห็นใจเจ้าเสียจริง ฉิงโหรวเป็นถึงหนึ่งในคนข้างกายท่านย่าที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด แม้กระทั่งพี่สามขอนางหลายครั้งท่านย่าก็ยังไม่มอบให้!” สิงเจียเวยเอ่ยด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
สิงเจียซือเอ่ยเรียบ ๆ “พี่สี่ ข้าขอตัว”
“น้องห้าพักผ่อนเถิด รอเจ้าพักผ่อนเต็มที่แล้ว พวกเราพี่น้องจะได้พูดคุยกัน”
“ย่อมได้”
สิงเจียซือเดินผ่านสิงเจียเวยไป
สิงเจียเวยยังคงชอบกล่าววาจาเสียดสีเหน็บแนมเหมือนตอนยังเล็กเช่นเคย
นางกล่าวเป็นนัย ๆ ว่าพี่สามเอ่ยขอตัวฉิงโหรว อีกทั้งแม่นางฉิงโหรวก็ผู้นี้ก็หน้าตาหมดจดงดงาม แม้กระทั่งคุณหนูหลายคนในจวนยังงดงามไม่เทียบเท่า หากนางรั้งอยู่ข้างกายเป็นสาวใช้ ภายหน้าย่อมไม่อาจหลบเลี่ยงการเป็นสาวใช้แต่งตามได้ หากเขยในภายหน้าเห็นสาวใช้แต่งตามงดงามเช่นนี้ จะไม่หลงเสน่ห์ได้อย่างไร? ฉิงโหรวผู้นี้ย่อมไม่อาจเลี่ยงการกลายเป็นอนุที่ช่วงชิงความโปรดปรานกับเจ้านายได้
สิงเจียเวยต้องการยืมมือของสิงเจียซือจัดการกับสาวใช้ที่ชื่อฉิงโหรว เห็นได้ว่าฉิงโหรวเคยเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจที่สุดในบรรดาสาวใช้ของฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ว่าในใจคุณหนูสี่จะลอบเกลียดชังเพียงใดก็ไม่อาจแตะต้องนาง บัดนี้กลับคิดร้ายใช้ลูกไม้สกปรกแล้ว
สิงเจียซือเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็นึกในใจ เพิ่งกลับมาก็พบกับความยุ่งเหยิงในเรือนหลังแล้ว นางไม่อาจอยู่ที่นี่ตลอดไปดังคาด
อย่างไรก็ตาม นางต้องสืบหาที่อยู่ของสหายเสียก่อน
“คุณหนู ถึงแล้วเจ้าค่ะ” ฉิงโหรวเอ่ย
ในยามนี้เอง สาวใช้อีกคนก็เดินเข้ามาหา
สาวใช้ค้อมคำนับแล้วเอ่ยเสียงเบา “คุณหนูห้า ข้าฉิงฮุ่ยเจ้าค่ะ”
“ลำบากเจ้าแล้ว”
“บ่าวไม่ได้ทำอะไรเลยเจ้าค่ะ” ฉิงฮุ่ยประหลาดใจ นางคุกเข่าลงกับพื้น
สิงเจียซือเดินเข้าไปในสวน มองดูดอกไม้ภายในสวน มันเหมือนตอนที่นางยังไม่ได้จากไปไม่มีผิด
“ก่อนหน้านี้ผู้ใดอาศัยอยู่ในเรือนหลังนี้หรือ?”
ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยมองหน้ากันไปมา
“พูดมาเถอะ ไม่เป็นไร”
“คุณหนูสี่เคยพำนักอยู่เจ้าค่ะ” ฉิงโหรวกล่าว
“เป็นดังคาด”
นางเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของบ้านใหญ่ พี่หญิงสี่เป็นบุตรสาวภรรยาเอกของบ้านรอง ถึงแม้ล้วนเป็นบุตรสาวภรรยาเอกเช่นเดียวกัน แต่กลับแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตอนที่บิดามารดาของนางยังมีชีวิตอยู่ สกุลสิงต้องอาศัยบิดานางคอยค้ำจุน ดังนั้นสถานะของนางจึงสูงมาก
สิงเจียเวยมักจะเปรียบเทียบกับนางทุกอย่าง ทว่าทุกครั้งกลับไม่อาจเอาชนะนางได้ ยามนี้นางกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครคอยรักใคร่ห่วงใย หากสิงเจียเวยไม่ฉวยโอกาสรังแกนาง ปล่อยโอกาสนี้ผ่านเลยไป นั่นไม่เท่ากับทิ้งโอกาสไปเปล่า ๆ หรือ?
เพียงแต่อย่างไรสิงเจียเวยก็คงคิดไม่ถึงว่านางจะกลับมา อีกทั้งทันทีที่นางกลับมา เรือนเดิมยังต้องส่งคืนให้ทันที เมื่อครู่แม้ใบหน้าสิงเจียเวยประดับรอยยิ้มและกล่าววาจาเป็นมิตร แต่แววตาประหนึ่งมีดแหลมคมด้ามหนึ่งนั่นกลับไม่อาจหลอกผู้ใดได้
สิงเจียซือเดินเข้าไปข้างใน มองดูการจัดวางที่คุ้นเคย สายตาของนางไปหยุดอยู่ที่ของตกแต่งเหล่านั้น
“ของในห้องข้าเล่า?”
“เอ่อ…”
“พูด” คุณหนูห้ากรีดนิ้วลงไปบนแจกันใบหนึ่ง
“คุณหนูสี่เอาไปแล้วเจ้าค่ะ”
สิงเจียซือหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าว “พี่สี่ช่างคิดคำนึงเสียจริง รู้ว่าข้าประมาทเลินเล่อ มือไม้ไม่ระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าทำของดี ๆ เหล่านั้นพังจึงทำของปลอมมาให้ ของปลอมเหล่านี้มาจากที่ใดกัน? เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้วจริง ๆ นายช่างผู้นั้นฝีมือไม่เลว น่าจะสามารถร่วมมือกันได้ในระยะยาว”
“คุณหนูห้า…”
“พวกเจ้าไม่ได้เป็นสาวใช้ในเรือนท่านย่าหรือ? ในเมื่อพวกเจ้าต้องการรั้งอยู่ที่นี่ปรนนิบัติรับใช้ข้า ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครา ตอนนี้ข้าจะไปพักผ่อนเสียก่อน ยามที่ข้าตื่นขึ้นมา ของทุกอย่างต้องกลับคืนสู่ที่เดิมของมัน จำไว้ ที่ข้าต้องการเป็นของของข้า ไม่ใช่ของพวกนี้…”
สิงเจียซือใช้นิ้วผลักมัน
แจกันใบนั้นร่วงลงมา เกิดเสียงดังเพล้ง เศษของมันแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
“ของไร้รสนิยม”
“เจ้าค่ะ” ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยรับคำ
สิงเจียซือเดินไปที่เตียงหลังใหญ่ เอนกายนอนลงบนนั้น
ฉิงโหรวดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้นาง
สาวใช้ทั้งสองคนออกมาจากห้อง
ฉิงฮุ่ยเอ่ยขึ้น “คุณหนูทำเช่นนี้เพราะรอดูว่าเราจะทำตามคำสั่งของนางหรือไม่”
“พวกเราเดิมเป็นคนข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า บัดนี้ถูกตระเตรียมให้มาปรนนิบัติรับใช้คุณหนูห้า แน่นอนว่านางย่อมไม่เชื่อใจเรา คุณหนูห้าสั่งเราอย่างไร เราเพียงแค่ทำตามก็เป็นอันใช้ได้”