หลังจากที่กินจนอิ่มท้อง ดวงอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยลงมาแล้ว เราก็เลยพาสแตกลับมาที่โรงแรมที่เราพักกันอยู่
พวกคุณนีน่ากับคนอื่นๆ ก็ตกใจกันนะ แต่ว่า
“เหมือนกับตอนของฉันนั่นแหละค่ะ แค่การทำตามอำเภอใจของท่านโนอะเฉยๆ”
แค่นั้น ทุกคนก็เข้าใจและยอมรับกันได้เลย
มาพูดเอาป่านนี้ก็อาจจะสายไปหน่อย แต่นี่ไม่ใช่ว่าท่านโนอะถูกมองว่าเป็นพวกแหกคอกนอกรีตไปแล้วเหรอเนี่ย?
“จะว่าไป ท่านโนอะคะ ทุกห้องในโรงแรมก็ถูกจองเต็มหมดแล้ว จะทำยังไงกับสแตดีล่ะคะ?”
“ก็แค่ให้เธอนอนห้องฉันก็ได้นี่ เธอเป็นเด็กดี ไม่รบกวนอะไรฉันหรอก”
“แน่ใจนะคะ? จะให้เธอมานอนที่ห้องฉัน ฉันก็ไม่ได้ติดอะไรนะคะ”
”อื้อ ยังไงตั้งแต่พรุ่งนี้ไป เด็กคนนี้ก็จะเป็นของฉันแล้ว ก็ต้องให้เธอรู้จักฉันเป็นอย่างดีด้วยสิจริงมั้ย?”
“มันก็ จริงของท่านนะคะ”
ก็นะ จากสถานการณ์ตรงนี้ มันก็เข้าใจได้อยู่นะว่าทำไมท่านถึงถูกมองว่าแหกคอกนอกรีตน่ะ
“อ่า……”
“อะไรเหรอ สแต?”
“……ต้องกลับไป”
“เอ๊ะ?”
สแตมองดูดวงอาทิตย์ที่เริ่มลับขอบฟ้า เธอก็เหมือนจะนึกอะไรออกซักอย่าง แล้วเธอก็รีบวิ่งไปที่ประตูทางออก
“จะไปไหนน่ะ สแต?”
“……ต้องกลับไป ที่ร้าน”
“ร้านของชายคนนั้นน่ะเหรอ? เธอไม่ต้องกลับไปที่นั่นอีกแล้วนะ”
“ไม่ได้……!”
ทั้งฉันทั้งท่านโนอะที่พยายามหยุดสแตเอาไว้ต่างก็ตกใจกันนิดหน่อย
คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าสแตจะขึ้นเสียง―――ถึงเสียงเธอจะไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้นก็เถอะ―――แต่มันก็ทำให้ฉันตกใจอยู่ดี
“……ถ้าฉันไม่อยู่ที่นั่น ทุกคนต้องเจ็บตัว ถึงฉันจะต้องเจ็บตัวสุด แต่ถ้าฉันไม่อยู่ ไม่ได้ เพราะงั้น ต้องกลับไป”
สแตพูดแบบนั้น พร้อมกับเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตู―――
“คุโระ”
ฉันเข้าใจสิ่งที่ท่านโนอะจะสื่อได้ทันที ก่อนจะใช้มือสับที่หลังคอของสแตเบาๆ
“อะ……”
ตอนที่สแตกำลังจะล้มหน้าคว่ำ ฉันก็ประคองตัวเธอไว้
“เธอเป็นเด็กดีเลยนะคะ ขนาดตัวเองต้องเป็นคนที่เจ็บตัวมากที่สุดแท้ๆ เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นั่นเพื่อเด็กคนอื่นๆ ด้วย”
“นั่นสินะ เป็นเด็กดีถึงขนาดที่ต่อให้เธอจะไม่ได้มีผมสีฟ้า ฉันก็ยังอยากเก็บเธอเอาไว้ข้างๆ ตัวเลย”
“ท่านโนอะคะ ในฐานะคนรับใช้แล้ว ฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่จะแย้งความคิดของท่านได้นะคะ แต่―――”
“ไม่ว่ายังไง เธอก็ยกโทษให้เจ้าไบรอนนั่นไม่ได้จริงๆ คิดแบบนั้นอยู่สินะ?”
ฉันอุ้มร่างของสแตไปนอนบนเตียงพร้อมกับกำลังจะพูดสิ่งที่คิดอยู่ออกมา แต่ท่านโนอะก็อ่านความคิดของฉันออกได้ก่อนเหมือนอย่างทุกทีเลย
“ถ้าการเจรจาครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี เราจะช่วยสแตมาได้ก็จริง แต่แผลที่ฝังรากลึกอยู่ในใจของสแตก็จะไม่หายไปไหน แถมเด็กคนอื่นๆ ก็ยังต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“แถม ทาสพวกนั้นของชายคนนั้นน่ะ อาจจะเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวมามากกว่าครึ่งเลยด้วยซ้ำ ถ้ายังเป็นแบบนี้ พวกนั้นก็ต้องทรมานต่อไปจนกว่าชายคนนั้นจะถูกจับกุมนั่นแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว-”
“แต่ว่านะคุโระ พวกเราไม่ได้มีสิทธิจะไปตัดสิายคนนั้นนะ อีกอย่าง เทียบกับเรื่องยิ่งใหญ่ที่ฉันโหยหาอย่างการครองโลกแล้วเนี่ย สิ่งที่ชายคนนั้นทำมันก็กระจ้อยร่อยมากเลย”
“เรื่องนั้น มันเพราะ-”
“ถ้าฉันจะครองโลก มันก็ต้องมีผู้คนมากมายที่ต้องเป็นทุกข์กันแน่นอน อันที่จริง ในชาติก่อน ฉันก็ทำให้ผู้คนมากมายต้องทนทุกข์มาแล้วล่ะนะ ขนาดจนถึงทุกวันนี้ ถึงจะผ่านมาพันปีแล้ว ผมสีดำก็ยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้ายเลย ผู้หญิงที่เธอสาบานว่าจะจงรักภักดีก็เป็นคนแบบนั้นนั่นแหละ“
เรื่องที่ท่านโนอะพูด มันก็จริง
มันก็จริง แต่ว่า-
“ยังยอมรับไม่ลงสินะ”
“เอ๊ะ?”
“บทสนทนาที่เรามีจนถึงเมื่อครู่นี้ ฉันพยายามจะเสนอการถกเถียงด้วยตรรกะและเหตุผลแล้ว แต่มันก็ไม่สามารถช่วยให้เธอยกโทษให้ไบรอนได้อยู่ดี รู้หรือเปล่าว่าทำไม?”
“ก่อนจะพูดถึงเรื่องตรรกะหรือเหตุผล―――ฉันว่า เพราะมันน่าโมโหล่ะมั้งคะ”
“เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงได้รักด้านนี้ของเธอน่ะ คุโระ”
ท่านโนอะยิ้ม แต่ในดวงตานั้นไม่มีความยินดีแฝงอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“ถึงเรื่องมันจะยังไม่เรียบร้อยทั้งหมด แต่สแตก็เป็นของฉันแล้ว เจ้าหมอนั่นที่ทำร้ายของของฉันต้องได้รับบทลงโทษที่เหมาะสมสิ ไม่อย่างนั้นฉันคงได้มีปัญหาแน่”
“แล้ว ท่านจะทำยังไงเหรอคะ? จะไปหาเจ้านั่นกันตอนนี้เลย แล้วซัดมันให้เละงั้นเหรอคะ?”
“ไม่ได้ เธอคิดว่าทำไมฉันต้องลำบากยืดเวลาไปจนถึงคืนพรุ่งนี้ด้วยล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าเพื่อเอาตัวสแตมา และให้เธอเห็นว่าการติดตามท่านจะเป็นเรื่องที่ดีกว่างั้นเหรอคะ?”
“ไม่ถูก สิ่งที่สแตต้องการที่สุดในตอนนี้น่ะ ก็คือตัดขาดตัวเธอจากไบรอนให้ได้อย่างสมบูรณ์ จะบอกว่าเป็นการสะสางเรื่องคาราคาซังของเจ้านั่นให้หมดไปก็ได้ สแตจะยังไม่เป็นของฉันหรอก จนกว่าฉันจะทำให้เธอเชื่อว่าชายคนนั้นจะไม่มีทางมาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกเป็นครั้งที่ 2”
“ก็จริงของท่านนะคะ แต่แล้วแบบนั้น ท่านจะทำยังไงล่ะคะ?”
“เรื่องนั้น เธอต้องรอดูวันพรุ่งนี้แล้วล่ะ”
“เอ๋!? ทั้งๆ ที่เราคุยกันมาตั้งขนาดนี้เนี่ยนะ!?”
ใบหน้าของท่านโนอะคลี่รอยยิ้มกว้างที่ดูซุกซน แต่ก็แฝงไปด้วยความชั่วร้าย
“พรุ่งนี้นี่แหละ เธอจะเข้าใจได้เองเลยว่าเธอจะต้องทำอะไร ตั้งตารอคืนพรุ่งนี้เอาไว้ได้เลย”
ท่านพูดกับฉันไว้แบบนั้น ก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่าง
หลังจากคืนนั้นที่เช่าสแตมา ตอนนี้ก็มาถึงเวลาเย็นแล้ว
ถึงจะมีปัญหานิดหน่อยอย่างตอนที่สแตตื่นก็รีบวิ่งจะไปที่ร้านนั้นอย่างตื่นตระหนกก็ตามที แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนเมื่อเวลาที่การเจรจาซื้อขายมาถึง
“……”
“สแต กังวลเหรอ?”
“ทุกคน ไม่ชอบฉัน เพราะฉันโดนตีตลอด เขาบอกว่าโดนตีเยอะเลย”
“ไม่เป็นไร หลังจากที่ทุกอย่างจบ พวกนั้นอาจจะซาบซึ้งในตัวเธอเลยด้วยซ้ำไป”
“……?”
สแตอยู่ชุดที่ท่านโนอะซื้อมาเมื่อวานนี้ กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียดเลย
ถ้าเกิดว่าไม่มีปลอกคอนั่นล่ะก็ เธอคงดูน่ารักมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
พวกเราเดินตามท่านโนอะออกมาข้างนอก
เราทุกคนคลุมฮู้ดเอาไว้เพื่อเลี่ยงไม่ให้สะดุดตาอย่างทุกที แล้วก็เข้าไปในย่านสลัมกัน
พวกเราเดินมาตามเส้นทางที่คุ้นเคยได้อย่างราบรื่น ไม่นาน เราก็มาถึงหน้าร้านที่ว่า
“คุโระ ถือไว้นะ”
“เอ๊ะ?”
ตอนที่เรากำลังจะเดินเข้าไปที่นั่น ท่านโนอะก็ยื่นถุงหนักๆ ใบนึงมาให้ฉัน
ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นเงินก็ได้ แต่ไม่ใช่หรอก เราใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการดูแลสแตแล้วเมื่อวานนี้แล้วนี่นา
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ในถุงนั้นมีเหรียญที่หน้าตาไม่คุ้นใส่ไว้เต็มเลย
ท่านโนอะตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เนี่ย ถ้าท่านคิดจะใช้เงินปลอมมาหลอกไบรอนล่ะก็ ท่านน่าจะทำมันให้ดีกว่านี้นะ
“ท่านโนอะ อันนี้มันคืออะไรกันแน่คะ?”
“เป็นมารยาทแสดงให้เห็นว่าเรารักษาสัญญาแล้วไงล่ะ”
“??”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ฉันจับมือของสแตเอาไว้ และเดินตามท่านโนอะเข้าไปในร้าน
ร้านเหล้านี่ก็เปิดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว แถมยังมีลูกค้าเยอะกว่าก่อนหน้านี้ด้วย
แล้วไบรอนก็ยืนรออยู่ที่โต๊ะกลางอยู่แล้ว
“กำลังรออยู่เลยครับ ท่านเอาเงินมาตามที่ตกลงกันไว้มาด้วยแล้วสินะครับ?”
“อื้อ คุโระถือมาด้วยแล้วนี่ไง”
ถึงข้างในมันจะมีแต่เหรียญเก๋ก็เถอะนะ
“งั้นเหรอครับๆ ถ้างั้น ขอตรวจดูจำนวนเงินข้างในเลยนะครับ”
“ก่อนหน้านั้น ปลดปลอกคอของสแตออกซะก่อนสิ”
“ปลดปลอกคอ? ไม่ใช่ว่าท่านจะเปลี่ยนสิทธิครอบครองทาสหรอกเหรอครับ?”
“ฉันไม่เคยบอกเลยซักคำนะว่าอยากได้สแตมาเป็นทาส อีกอย่าง ของใหญ่เทอะทะแบบนี้มาอยู่บนคอเด็กผู้หญิงน่ะ ไม่คิดว่ามันดูผิดที่ผิดทางเลยเหรอ?”
สแตตกใจ เงยหน้าขึ้นมามองที่ท่านโนอะทันทีเลย
ไม่ใช่แค่สแตคนเดียว แต่เด็กคนอื่นๆ ที่กำลังทำงานกันวุ่นเลยต่างก็พากันหันมามองตามคำของท่านโนอะโดยไม่ได้ตั้งใจด้วย
“แฮะๆ… ก็ ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าคงทำให้ไม่ได้หรอกนะครับจนกว่าท่านจะจ่ายเงินให้เรียบร้อยซะก่อน”
“เรื่องนี้ฉันเองก็ยอมผ่อนปรนไม่ได้หรอกนะ จะมีอะไรรับประกันได้ล่ะว่าคุณจะรักษาสัญญา? หลังจากความจริงใจทั้งหมดที่ฉันให้คุณเมื่อวานนี้ คุณปลดปลอกคอเสียก่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ?”
ท่านโนอะกับไบรอนพูดกัน ต่างฝ่ายต่างก็จ้องเขม็งอยู่ที่อีกฝ่ายนึงไปด้วย
“ชิ… เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วล่ะ”
“เข้าใจอะไร?”
“ข้าวางแผนไว้ว่าจะทำมันหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเงินมาถึงแล้วจริงๆ ก็เท่านั้นเอง”
อยู่ดีๆ ไบรอนก็ยกมือข้างนึงขึ้นมาช้าๆ
แล้วจากนั้น
บรรดาลูกค้าก็มายืนล้อมรอบพวกเรา เหมือนกับพวกเขาได้รับสัญญาณมาแล้ว
“ขอถามหน่อยได้มั้ย ว่านี่มันหมายความว่ายังไง?”
“อ้า ได้สิ… หลังจากนั้น ข้าก็ลองเก็บมาคิดดูแล้ว มันมีอะไรที่รับประกันได้บ้างล่ะว่าทางนั้นจะรักษาสัญญา? หลังจากที่ข้าขายสแตให้ท่านไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ท่านต้องรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ ถ้าขุนนางที่ปกครอบที่นี่รู้เรื่องของข้าขึ้นมา ข้าก็จบเห่กันพอดีน่ะสิ”
“ก็จริงนะ”
“เพราะงั้น ข้าก็เลยจะเปลี่ยนเรื่องราวมันซะชักหน่อย คุณหนูกับคนใช้ของเจ้าหล่อนได้เข้ามาดูในสลัมกันโดยที่ไม่ได้บอกใคร ทั้ง 2 คนสบประมาทย่านนี้เกินไป จนสุดท้ายก็หายสาบสูญกันไปทั้งคู่”
“แบบนี้เอง แต่แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ? สีผมของฉันกับคุโระน่ะเด่นมากนะ จะให้พวกเราเป็นทาสน่ะเหรอ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
“นั่นมันก็จริงอยู่ แต่โชคดี ที่นี่ก็มีพวกธาตุอัคคีอยู่ด้วยหลายคนเลย ถ้าพวกข้าทุกคนช่วยกันลงแรงซักหน่อย การจะเผาร่างให้หายไปไม่เหลือซากน่ะทำได้ไม่ยากเลยล่ะ”
พวกลูกค้า―――ไม่สิ เรียกว่าพวกสมุนของไบรอนคงถูกกว่า ต่างพากันเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับรอยยิ้มที่ลวนลามบนใบหน้า
มี 6 คน ถ้ารวมไบรอนด้วยก็ 7 คน ตามปกติ เด็กๆ ไม่มีทางเทียบกลุ่มศัตรูมากขนาดนี้ได้ไหวอยู่แล้ว
“ม- ไม่นะ…… รีบ หนี……!”
“หา? เฮ้ย สแต นี่แกเพิ่งจะพยายามปกป้องพวกนั้นรึไง?”
“อึก……!”
“เฮ้~อ ไปอยู่ด้วยแค่วันเดียว แกก็โดนหลอกจนหัวหมุนแล้วเรอะ? แกนี่มันโง่สมกับที่เป็นพวกเส้นผมชั้นต่ำจริงๆ คงต้องสั่งสอนแกใหม่แล้วสินะ”
ไบรอนเลียริมฝีปากของตัวเอง
พอรู้สึกได้ว่าสแตกำลังตัวสั่นเทาอยู่ข้างหลังฉัน ตัวฉันก็เกร็งไปหมด เหมือนมีไฟฟ้าวิ่งแปล๊บไปทั่วตัวเลย
ในตอนนั้น ในที่สุดฉันก็มั่นใจแล้วว่าท่านโนอะตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
“…ฮุฮุ”
“หือ?”
“ฮุ… ฮุฮุฮุฮุ! อะฮะ อะฮ่าฮ่าฮ่า! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่า!! อะฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
ท่านโนอะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยความอำมหิต
ด้วยความสำราญใจอย่างแท้จริง ราวกับเด็กที่แกล้งอีกฝ่ายสำเร็จแล้ว หรือผู้บริหารที่ยึดบริษัทคู่แข่งมาไว้ในกำมือได้อย่างหมดจด
“แหม ไม่คิดเลยนะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะดำเนินไปตามการวางแผนของฉันได้ราบรื่นขนาดนี้! นี่แหละ! ความรู้สึกที่เหมือนได้ชักใยควบคุมทุกอย่างได้ดั่งใจแบบนี้นี่แหละ! ฉันล่ะรักมันจริงๆ เลย! แบบนี้ไงฉันถึงหมายตาอยากจะควบคุมโลกทั้งใบน่ะ! เธอเข้าใจมันหรือเปล่า คุโระ? รู้สึกถึงความตื่นเต้นของฉันหรือเปล่า?”
“ไม่เข้าใจหรอกค่ะ แต่ได้เห็นท่านโนอะดูสนุกสนานแบบนั้นก็ดีแล้วค่ะ”
“อาระ งั้นเหรอ? แต่ก็สมแล้วล่ะนะ คุโระ เธอเข้าใจแล้วสินะว่าฉันวางแผนจะทำอะไรกันแน่?”
“ค่ะ น่าละอายจริงๆ ที่ฉันไม่สามารถพอที่จะเข้าใจความคิดของท่านโนอะเลยจนกระทั่งตอนนี้”
“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้นเลย เธอเป็นข้ารับใช้ที่ยอมเยี่ยมของฉันเลย ฉะนั้น มั่นใจในตัวเองเอาไว้เถอะ”
ท่านโนอะตื่นเต้นมากจนทำเอาทุกคนรอบๆ งงกันไปหมดเลยกับท่าทีที่ดูลิงโลดของท่านโนอะ ชวนให้นึกถึงตอนที่ท่านเจอฉันครั้งแรกขึ้นมาเลยแฮะ
ขนาดสแตเองก็ยังมีสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยซักนิดเหมือนกัน
“จ- เจ้าพวกเด็กเวร! มีอะไรน่าขำรึไงฮะ!?”
“น่าขำสิ ที่ได้เห็นพวกนายวิ่งเต้นอยู่ในฝ่ามือของฉันแบบนี้น่ะ ฉันกะไว้แล้วว่าพวกนายจะทำแบบนี้ แต่ฉันอุตส่าห์เตรียมเงินไว้ให้แล้วแท้ๆ ในเมื่อพวกนายฉีกสัญญาข้อตกลงทิ้งไปแล้ว ไม่ใช่แค่ไม่ปลดปลอกคอของสแตออกให้ แต่ยังพยายามจะเข้าทำร้ายฉันด้วยอีกต่างหาก แบบนี้ ข้อตกลงคงเป็นอันโมฆะแล้วสินะ เนอะ คุโระ?”
“ค่ะ แต่พวกเราจ่ายเงินต้นไปก่อนแล้ว ถ้าเราไม่ได้ตัวสแตกลับไปด้วย เงินของท่านก็คงจะเสียไปอย่างเปล่ากันพอดี”
“แล้วตอนนี้ พวกนี้พยายามจะฆ่าพวกเราด้วย เราควรจะทำยังไงดี?”
“ในสถานการณ์ตอนนี้ ฉันคิดว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็จะถูกมองได้ว่าเป็นการป้องกันตัวทั้งหมดนะคะ”
เป็นแผนของท่านโนอะที่เจ้าเล่ห์จริงๆ
ท่านโนอะคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องทำผิดสัญญาแน่นอน
เพราะแบบนั้นแหละ ท่านโนอะถึงได้จงใจยอมตามน้ำไปด้วย
ท่านโนอะมอบเงินให้ไปโดยอ้างว่าเป็นเงินต้นที่วางไว้ก่อนเพื่อซื้อตัวสแต ให้เวลาพวกมันไปเพื่อจัดการรวมเงิน รวมคน และเตรียมพร้อมมาฆ่าพวกเรา
“คุโระ เหมือนฉันจะดันลืมเงื่อนไขในการปลดปลอกคอทาสไปซะแล้วสิ ช่วยทวนให้ฉันหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ช่วยไม่ได้นะคะ ก็ มีอยู่ 2 วิธีที่จะปลดทาสให้เป็นไทได้ หนึ่งคือให้นายทาสปล่อยทาสคนนั้นให้เป็นอิสระเอง”
“แล้วอีกวิธีล่ะ?”
“อีกวิธีก็คือ เมื่อนายทาสถึงแก่ความตายค่ะ”
กล่าวคือ ท่านโนอะต้องการรักษาแผลใจของสแตที่เกี่ยวของกับไบรอนให้หมดจดแบบถอนรากถอนโคน
วิธีการที่เร็วที่สุดก็คือ การกำจัดไบรอนทิ้งให้หายไปตลอดกาล
ง่ายๆ เลย แค่ทำให้เธอได้เห็นว่าไบรอนไม่ได้มีค่ามีราคาอะไรเลยก็เท่านั้นเอง
“ถูกต้องตามนั้นเลย แต่ดูเหมือนชายคนนี้ไม่มีความคิดที่จะปล่อยตัวสแตให้เป็นอิสระเลยนะ”
“งั้นก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิธีที่ 2 แล้วสินะคะ แถม อีก 6 คนข้างหลังพวกเราเองก็ตั้งใจจะจัดการพวกเราด้วยเหมือนกัน จะพูดว่าพวกนี้มีโทษเท่าเทียมกันก็คงได้นะคะ”
“ให้ตายสิ ถูกอย่างที่เธอพูดเลย ฉันล่ะโชคดีจริงๆ ที่ได้มีข้ารับใช้ดีๆ แบบนี้น่ะ”
แทนที่จะมาอยู่กับพวกไร้ค่าพวกนี้
ยังมีคนที่น่าสะพรึงกลัวกว่า แข็งแกร่งกว่า โหดเหี้ยมกว่า และเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการเป็นวายร้ายยิ่งกว่า
และยังมีเสน่ห์ดึงดูดให้ติดตามกว่าอย่างมากอยู่ตรงนี้แล้ว
ถ้าแค่ฉันทำให้เรื่องนี้ประทับอยู่ในใจของเด็กคนนี้ได้ก็ดีสิ
“ถ้างั้น ตามคำสั่งของท่านเลยค่ะ”
“อือ คุโระ”
สแตจะได้ถูกปลดปล่อยจากคำสาปของเจ้ามดปลวกนี่ซักที
ก่อนที่หัวใจอันเป็นอิสระนั่นจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้วยบางสิ่งที่ดำมืดกว่าและงดงามกว่าหลายร้อยเท่า
อ่า รู้สึกดีจัง
ดีจริงๆ เลยที่ฉันเลือกจะรับใช้ท่านผู้นี้น่ะ
ท่านโนอะคลี่รอยยิ้มที่ดำมืดที่สุดของวันนี้ออกมา ชูนิ้วโป้งขึ้น ก่อนจะใช้นิ้วนั่นทำท่าปาดคอให้ทุกคนเห็น
“พวกมันทุกคน ฆ่าทิ้งให้หมด”
TN: ไม่มีสัจจะหรอกนะ ในหมู่โจร
ใช่ พวกโนอะเองก็เหมือนกัน 555