ยามดอกวสันต์ผลิบาน 452 หมั้นหมาย

ตอนที่ 452 หมั้นหมาย

ซางมามาเห็น​โจว​เสาจิ่น​เอ่ย​ถามนาง​โดยที่​มิได้​เสแสร้ง​แต่อย่างใด​ เป็น​รอยยิ้ม​มีความสุข​ที่​ออก​มาจาก​ใจจริงๆ​ จึงกล่าว​เสียง​อบอุ่น​ว่า​ “นาย​ท่าน​สี่เร่ง​กลับ​มาถึงตั้งแต่​เช้าตรู่​ของ​วันนี้​ เนื่องจาก​วันนี้​เป็น​คล้าย​วันเกิด​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​! ไม่คาดคิด​ว่า​ตอนที่​มาถึงนั้น​คุณหนู​รอง​จะไป​ที่​ประตู​เฉาหยาง​ก่อน​แล้ว​ นาย​ท่าน​สี่จึงฝาก​ของ​เอาไว้​กับ​พวก​ข้า​ ยัง​บอก​ด้วยว่า​ หลาย​วันนี้​น่าจะ​ต้อง​ออก​ไป​พบปะ​ผู้คน​ค่อน​ข้างมาก​ ต้อง​รอ​ให้​ผ่าน​ไป​สัก​สอง​สามวันก่อน​แล้ว​ค่อย​มาพบ​คุณหนู​รอง​ได้​เจ้าค่ะ​”

โจว​เสาจิ่น​พยักหน้า​ กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “ใช่เรื่อง​ที่จะ​ต้อง​ไป​รับราชการ​ที่​จี่หนิง​หรือไม่​”

ซางมามากล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “ความจริง​ช่วงนี้​ควรจะ​ออกเดินทาง​ไป​แล้ว​ แต่​เนื่องด้วย​เป็น​วัน​คล้าย​วันเกิด​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ นาย​ท่าน​สี่จึงขอลา​หยุด​สัก​สอง​สามวัน​ ประจวบ​เหมาะกับ​ได้​ใช้โอกาส​นี้​ไป​ที่​เมือง​เป่า​ติ้ง​สัก​ครั้งหนึ่ง​ด้วย​พอดี​”

กล่าวคือ​ เรื่อง​หมั้น​หมาย​ระหว่าง​นาง​และ​เฉิงฉือ​นั้น​ทุกคน​ต่าง​ทราบ​เรื่อง​กัน​หมด​แล้ว​

โจว​เสาจิ่น​หน้าแดง​ปลั่ง​

ซางมามาหัวเราะ​ร่า​ กล่าว​แสดงความยินดี​กับ​โจว​เสาจิ่น​

โจว​เสาจิ่น​พึมพำ​ขาน​รับคำ​ หลบ​เข้าไป​ใน​ห้องนอน​ด้วย​ความ​ขัดเขิน​

ณ บ้าน​ที่​ประตู​เฉาหยาง​ หยวน​ซื่อ​ที่​ส่งแขก​กลับ​ไป​แล้ว​กำลัง​ช่วย​ถอด​เครื่องประดับ​ให้​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​หลับตา​ลง​ ปล่อย​ให้​หลี่ว์​มามาหวี​ผม​ให้​นาง​ เอ่ย​ถามหยวน​ซื่อ​ว่า​ “งานแต่ง​กับ​ตระกูล​หมิ่น​จัดเตรียม​ไป​ถึงไหน​แล้ว​ ข้า​ดู​เจีย​ซ่าน​แล้ว​ท่าทาง​ดู​ไม่ค่อย​มีชีวิตชีวา​นัก​”

พอ​กล่าวถึง​เรื่อง​นี้​ขึ้น​มาหยวน​ซื่อ​รู้สึก​เกลียดชัง​เป็น​อย่างยิ่ง​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ล้วน​เป็น​เพราะ​คนชั้นต่ำ​อย่าง​เฉิงสือ​และ​เฉิงเจิ้งสอง​คน​นั่น​ หาก​มิใช่เพราะ​พวกเขา​ เจีย​ซ่าน​ย่อม​ไม่เป็น​เช่นนี้​!”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง​ก็​คือ​ นับตั้งแต่​เกิดเรื่อง​ของ​เสาจิ่น​เป็นต้นมา​ เจีย​ซ่าน​ก็​ยัง​ไม่ดีขึ้น​เลย​

ตน​ยังคง​พัก​อยู่​ที่​ประตู​เฉาหยาง​ต่อไป​จะดีกว่า​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ไม่อยาก​พูด​อะไร​กับ​หยวน​ซื่อ​อีก​แม้สัก​ประโยค​เดียว​

นาง​บอก​หยวน​ซื่อ​ว่า​ “พรุ่งนี้​ให้​เจีย​ซ่าน​มาหา​ข้า​สัก​ครั้งหนึ่ง​ ข้า​ไม่ได้​พูดคุย​กับ​เขา​ดี​ๆ มาระยะ​หนึ่ง​แล้ว​”

ที่แท้​แม่สามีก็​เห็นใจ​และ​สงสาร​หลานชาย​นี่เอง​

หยวน​ซื่อ​รับคำ​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “เจ้าค่ะ​” จากนั้น​กล่าวถึง​เฉิงฉือ​ขึ้น​มา “…ตัดสินใจ​จะไป​รับ​ตำแหน่ง​ที่​จี่หนิง​แล้ว​ใช่หรือไม่​ ต้องการ​ให้​ข้า​ไป​พูด​กับ​พี่ชาย​สัก​คำ​หรือไม่​เจ้าคะ​ การ​จัดการ​น้ำ​นั้น​ลำบาก​ไม่น้อย​เลย​ทีเดียว​! ไป​ชุบตัว​อยู่​ที่นั่น​สักพัก​ก็​กลับมา​เถิด​! น้อง​สี่ก็​อายุ​ไม่น้อย​แล้ว​ เมื่อก่อน​ดูแล​กิจการ​ของ​ตระกูล​ จึงได้​แต่​หา​จาก​คน​ที่​พอ​จะรู้จัก​พื้นเพ​ใน​หมู่​ญาติพี่น้อง​เท่านั้น​ คน​ที่​รู้จัก​นิสัย​และ​ความรู้​ความสามารถ​ของ​น้อง​สี่ถึงจะไม่เข้าใจ​น้อง​สี่ผิด​ วันนี้​น้อง​สี่มีตำแหน่งหน้าที่​การงาน​แล้ว​ เช่นนี้​ขอบข่าย​ของ​ตัวเลือก​ก็​มีมากขึ้น​ตาม​ไป​ด้วย​แล้ว​”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​รู้​ว่า​นี่​ถึงเวลา​สำคัญ​นำ​อาหาร​จาน​ใหญ่​ขึ้นโต๊ะ​แล้ว​

กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “อย่างไร​เสีย​เขา​ก็​อายุ​ขนาด​นี้​แล้ว​ หาก​ยัง​รีบร้อน​หา​คู่ครอง​ให้​เขา​ตามอำเภอใจ​อีก​ นั่น​ต่างหาก​ถึงจะเป็น​การทำผิด​ต่อ​เขา​อย่าง​แท้จริง​ ปล่อย​ให้​เขา​ทำ​ตามใจ​ตัวเอง​เถิด​!”

หยวน​ซื่อ​ได้ยิน​แล้วก็​ลังเล​ไป​ครู่หนึ่ง​ ถึงได้​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ท่าน​แม่ ท่าน​คิด​ว่า​อา​เซวียน​คุณหนู​หก​ตระกูล​ฟางเป็น​อย่างไรบ้าง​”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “เจ้านึก​ไป​ถึงอา​เซวียน​ได้​อย่างไร​ ปี​นี้​นาง​เพิ่งจะ​อายุ​สิบห้า​หรือ​สิบ​หก​ปี​เอง​มิใช่หรือ​ ยัง​เด็ก​เกินไป​หน่อย​ เจ้าสี่อยากได้​ภรรยา​ มิใช่อยาก​เลี้ยง​บุตรสาว​”

หยวน​ซื่อ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “ท่าน​แม่ ดู​ท่าน​พูด​เข้า​สิเจ้าคะ​ การสู่ขอ​ภรรยา​นี้​ต้อง​ดู​คุณงามความดี​เป็นหลัก​ นอกจากนี้​อายุ​มากกว่า​กัน​เพียง​สิบ​กว่า​ปี​เท่านั้น​ ทั้ง​ยัง​เป็นการ​แต่งงาน​ครั้งแรก​ น้อง​สี่ก็​เป็น​คน​มีรูปลักษณ์​โดดเด่น​ จะไม่คู่ควร​กับ​อา​เซวียน​ได้​อย่างไร​ ตาม​ความเห็น​ของ​ข้า​แล้ว​ กลับเป็น​อา​เซวียน​ที่​ไม่ค่อย​คู่ควร​กับ​น้อง​สี่ด้วยซ้ำ​ เด็กสาว​ที่​มีรูปลักษณ์​และ​พื้นเพ​อย่าง​อา​เซวียน​นี้​แม้น​จะมีน้อย​ แต่​ก็​ใช่ว่า​จะไม่มี เพียงแต่ว่า​ตระกูล​ฟางเป็น​ตระกูล​ที่​พวกเรา​รู้จัก​ตื้นลึกหนาบาง​เป็น​อย่าง​ดี​ที่สุด​ ฮูหยิน​รอง​ฟางได้​ชื่อว่า​เป็น​คน​ฉลาด​เพียบพร้อม​ นาย​ท่าน​รอง​ฟางแม้น​ตำแหน่ง​ไม่สูง ทว่า​เป็น​คน​กว้างขวาง​มีมิตรสหาย​มาก​ แน่นอน​ว่า​ครอบครัว​เช่นนี้​ย่อม​เลี้ยงดู​บุตรสาว​ให้​เป็น​คน​ร่าเริง​และ​มีชีวิตชีวา​ เป็นการ​เติมเต็ม​ให้​น้อง​สี่ได้​พอดี​ ยิ่ง​คิด​ข้า​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​ว่า​ดี​ยิ่ง​เจ้าค่ะ​!”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ร้อง​ “อืม​” เสียง​หนึ่ง​ เริ่ม​ครุ่นคิด​เรื่อง​นี้​อย่าง​จริงจัง​

นัยน์ตา​ของ​หยวน​ซื่อ​มีความยินดี​สาย​หนึ่ง​วาบ​ผ่าน​ รู้​ว่า​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​เป็น​คน​ที่​มีความ​เป็นตัวของตัวเอง​ผู้​หนึ่ง​ ให้​นาง​พูด​มากกว่า​นี้​มิสู้ปล่อย​ให้​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ครุ่นคิด​ให้​กระจ่าง​ด้วยตัวเอง​จะดีกว่า​ ฉะนั้น​จึงไม่พูด​อะไร​อีก​ รับ​ผ้า​จาก​มือ​ของ​สาวใช้​เด็ก​มารอ​ให้​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​หวี​ผม​เสร็จ​แล้​วจะ​ได้​ปรนนิบัติ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เช็ดมือ​

ชิว​ซื่อ​ผู้​เป็น​ฮูหยิน​รอง​เว่ย​เข้า​ขอ​คำ​ชี้แนะ​จาก​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​

วันนี้​เป็น​วัน​คล้าย​วันเกิด​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ นาง​รับผิดชอบ​นำ​พวก​ถ้วยชาม​และ​เครื่องใช้​ต่างๆ​ เข้าไป​เก็บ​ให้​เรียบร้อย​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​จึงใช้โอกาส​นี้​ถามชิว​ซื่อ​ว่า​ “เจ้าคิด​ว่า​เจ้าสี่ควรจะ​สู่ขอ​ภรรยา​แบบ​ไหน​ถึงจะดี​”

ที่ผ่านมา​ชิว​ซื่อ​ทราบ​มาตลอด​ว่า​หยวน​ซื่อ​ผู้​เป็น​พี่สะใภ้​ของ​ตัวเอง​ผู้​นี้​เป็น​คน​เด็ดเดี่ยว​มาตลอด​ แล้ว​นาง​ก็​มิใช่คน​ที่​ชื่นชอบ​การชิงดีชิงเด่น​ นอกจากนี้​ก่อนที่​นาง​จะเข้ามา​หยวน​ซื่อ​ก็​ปรนนิบัติ​รับใช้​อยู่​ใน​ห้อง​นี้​ก่อน​แล้ว​ ไม่รู้​ว่า​ระหว่าง​แม่สามีและ​พี่สะใภ้​มีปัญหา​ขัดแย้ง​อะไร​ขึ้น​มาอีก​หรือไม่​

น้อง​สี่เป็น​ดัง​กล่อง​ดวงใจ​ของ​แม่สามี นาง​ยินดี​ขัดใจ​พี่สะใภ้​แต่​จะไม่ยินยอม​ทำให้​แม่สามีที่​ดี​ต่อ​นาง​มาก​ผู้​นี้​ต้อง​ขุ่น​เคืองใจ​เป็นอันขาด​ นาง​กล่าว​ยิ้ม​ๆ โดย​ไม่ต้อง​คิด​ว่า​ “เรื่อง​งานแต่ง​ของ​น้อง​สี่ย่อม​ขึ้นอยู่กับ​การตัดสินใจ​ของ​ท่าน​อยู่แล้ว​ ไหน​เลย​จะมีที่​ให้​พี่สะใภ้​อย่าง​พวก​ข้า​ได้​ออก​ความคิดเห็น​กัน​เจ้าคะ​”

หยวน​ซื่อ​แสยะ​ยิ้ม​เย็น​อยู่​ใน​ใจ

น้อง​สะใภ้ของ​นาง​ผู้​นี้​ ไม่ว่า​เรื่อง​อะไร​ก็​ไม่สนใจ​ ไม่ว่า​เรื่อง​อะไร​ก็​ไม่แสดงความคิดเห็น​ แต่​ขอ​เพียง​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​เอ่ยปาก​ จะกี่​ร้อย​กี่​พัน​ครั้ง​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ก็​ถูก​หมด​ จะกี่​พัน​กี่​หมื่น​ครั้น​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ก็ดี​ทุกอย่าง​ ไม่มีความคิดเห็น​เป็น​ของ​ตัวเอง​เลย​สัก​นิดเดียว​ ปกติ​นาง​ถูก​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​เหน็บแนม​และ​ถากถาง​ไม่น้อย​เลย​ แต่​ดู​จาก​ท่าทาง​นี้​แล้ว​ กลับ​ไม่รู้จัก​หลาบ​จำเลย​แม้แต่​นิดเดียว​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ถามนาง​ ก็​เท่ากับ​ว่า​ถามผิดคน​แล้ว​

แต่​ไม่รู้​ว่า​วันนี้​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เป็น​อะไร​ไป​ กลับ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “เจ้าเป็น​คน​อ่อนโยน​และ​ว่าง่าย​ ข้า​ไม่กลัว​เลย​ว่า​เมื่อ​ภรรยา​ของ​เจ้าสี่แต่ง​เข้ามา​แล้​วจะ​เข้ากับ​เจ้าไม่ได้​”

ชิว​ซื่อ​ถามขึ้น​อย่าง​ประหลาดใจ​ว่า​ “เรื่อง​งานแต่ง​ของ​น้อง​สี่ท่าน​มีคนใน​ใจแล้ว​หรือ​เจ้าคะ​”

“เปล่า​!” ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​กล่าว​ยิ้ม​ๆ “เพียงแต่​คิด​ว่า​จะเร็ว​หรือ​ช้าเขา​ก็​ต้อง​แต่งงาน​อยู่ดี​ เพียงแต่​กลัว​ว่า​น้อง​สะใภ้ของ​พวก​เจ้าจะอายุ​น้อยกว่า​พวก​เจ้ามาก​ก็​เท่านั้น​”

ชิว​ซื่อ​รีบ​กล่าว​อย่าง​เชื่อฟัง​ว่า​ “สายตา​ของ​ท่าน​ไม่มีทาง​ผิดพลาด​เป็นแน่​เจ้าค่ะ​ ถึงเวลา​พวกเรา​คิด​เสีย​ว่า​นาง​เป็น​บุตรสาว​ของ​พวกเรา​ก็ได้​แล้ว​ ย่อม​ต้อง​ดี​กับ​นาง​อย่าง​แน่นอน​เจ้าค่ะ​”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​พยัก​หน้ายิ้ม​ๆ พลาง​กล่าว​ “เวลา​ก็​ไม่เช้าแล้ว​ พวก​เจ้าต่าง​ก็​ยุ่ง​วุ่นวาย​มาทั้งวัน​แล้ว​ รีบ​ไป​พักผ่อน​เถิด​! ช่วงนี้​ข้า​ต้อง​ช่วย​ตระเตรียม​ของใช้​ให้​เจ้าสี่นำ​ไป​รับราชการ​ ก็​เลย​จะไม่ยุ่ง​กับ​พวก​เจ้าแล้ว​ก็แล้วกัน​ พวก​เจ้าเอง​ก็​ไม่ต้อง​มาคารวะ​ข้า​ทุกวัน​หรอก​”

รอ​ให้​ข่าวคราว​แพร่​ออก​ไป​แล้ว​ ยัง​มีเรื่อง​ให้​พวก​นาง​ต้อง​ยุ่ง​อีก​

หยวน​ซื่อ​และ​ชิว​ซื่อ​ขาน​รับคำ​อย่าง​นอบน้อม​ ต่าง​คน​ต่าง​เดิน​นำ​บ่าวไพร่​ของ​ตัวเอง​แยกย้าย​กัน​กลับ​ไป​

เฉิงฉือ​มาพบ​มารดา​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เอ่ย​ถามขึ้น​อย่าง​ยินดี​ว่า​ “เจ้าทำให้​ใต้เท้า​โจว​อนุญาต​ได้​อย่างไร​”

เฉิงฉือ​รู้​ว่า​มารดา​ให้ความสำคัญ​กับ​เขา​ ต่อไป​ฝั่งหนึ่ง​ก็​เป็น​มารดา​ อีก​ฝั่งหนึ่ง​ก็​เป็น​พ่อ​ภรรยา​ เขา​ล้วน​ไม่อยาก​ทำให้​ทั้งสองฝ่าย​ต้อง​ขุ่น​เคืองใจ​ทั้งสิ้น​ จึงปิดบัง​เรื่อง​ที่​ตน​ต้อง​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ที่ว่าการ​กว่า​หลาย​วันนั้น​เอาไว้​ เล่า​แต่​เรื่อง​ที่​เขา​และ​โจว​เจิ้น​พูดคุย​ถึงการ​แก้ไขปัญหา​เรื่อง​น้ำ​เพียง​เท่านั้น​ “…ยัง​ตั้งใจ​จะพา​ข้า​ไปดู​ที่​หมู่บ้าน​ด้วย​ ข้า​จำได้​ว่า​ถึงวัน​คล้าย​วันเกิด​ของ​ท่าน​แม่แล้ว​ ก็​เลย​ปฏิเสธ​อย่าง​สุภาพ​ไป​ ใต้เท้า​โจว​จึงให้​ข้า​ออกเดินทาง​จาก​จิงเฉิงให้​ไว​ขึ้น​สักหน่อย​ ตอนที่​เดินทาง​ผ่านเมือง​เป่า​ติ้ง​นั้น​จะได้​ช่วย​เขา​ร่าง​แนวทาง​แก้ปัญหา​สัก​อัน​หนึ่ง​ เขา​จะทดลองใช้​ที่​หมู่บ้าน​ดูก่อน​ ดู​ว่า​จะแก้ปัญหา​เรื่อง​น้ำ​แล้ง​ได้​หรือไม่​” เขา​เล่า​ถึงตรงนี้​ ก็​หัวเราะ​ออกมา​อย่าง​ห้าม​ไม่อยู่​ว่า​ “จากนั้น​ไม่รอ​ให้​ข้า​เอ่ย​เรื่อง​สู่ขอ​อีกครั้ง​ ใต้เท้า​โจว​ก็​เอ่ย​กับ​ข้า​ก่อน​แล้ว​ว่า​ ให้​ข้า​ทำตาม​หลัก​ที่​ควรจะ​ทำ​กัน​มาแต่​โบราณ​ก็​พอ​ ข้า​ให้​คน​ไป​จัดเตรียม​ของหมั้น​เรียบร้อย​แล้ว​ อยาก​จะจัดการ​เรื่อง​งานแต่ง​ให้​เรียบร้อย​ก่อน​จะออกเดินทาง​ไป​รับ​ตำแหน่ง​ที่​จี่หนิง​ขอรับ​”

“ดี​ๆๆ” ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ยิ้ม​ตาหยี​อย่าง​มีความสุข​ ยิ่ง​มอง​บุตรชาย​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​สบาย​ตา​สบายใจ​ไป​หมด​ มีบ้าน​ใด​สู่ขอ​บุตรสาว​ผู้อื่น​ได้​เหมือน​บุตรชาย​ของ​นาง​บ้าง​ เพียง​ไม่กี่​ประโยค​ก็​ทำให้​พ่อตา​พยักหน้า​อนุญาต​โดย​ไม่ถามถึงสินสอดทองหมั้น​อะไร​ทั้งสิ้น​แล้ว​

นาง​รีบ​ย้ำ​กำชับ​เฉิงฉือ​ว่า​ “แม้น​ใต้เท้า​โจว​จะกล่าว​เช่นนั้น​ แต่​อะไร​ที่​ควร​มีก็​ไม่อาจ​ให้​ขาดตกบกพร่อง​ได้​”

เฉิงฉือ​ขานรับ​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “ขอรับ​” จากนั้น​กล่าว​ขึ้น​อย่าง​ลังเล​ว่า​ “พี่สะใภ้​ใหญ่​ค่อนข้าง​มีอคติ​กับ​เสาจิ่น​ ข้า​กลัว​ว่า​ถึงเวลา​นั้น​พี่สะใภ้​ใหญ่​จะรู้สึก​ไม่พอใจ​ ชักสีหน้า​ใส่เสาจิ่น​ได้​…รวมถึง​การ​ไป​รับราชการ​ของ​ข้า​ใน​ครั้งนี้​นั้น​หาก​มิใช่สามถึงห้า​ปี​ก็​อาจจะ​ยัง​ไม่ได้​กลับมา​ ท่าน​อาศัย​อยู่​ที่​ประตู​เฉาหยาง​เพียงลำพัง​นั้น​ข้า​ไม่วางใจ​ แต่​จะให้​ท่าน​ไป​อยู่​ที่​ซอย​ซิ่งหลิน​ข้า​ก็​ยิ่ง​ไม่วางใจ​ ข้า​อยาก​จะให้​เสาจิ่น​แต่ง​เข้ามา​เร็ว​สักหน่อย​ หลังจากที่​ข้า​ไป​แล้ว​ท่าน​ก็​มีคน​อยู่​เป็นเพื่อน​คอย​พูดคุย​แก้​เหงา​ได้​สัก​คน​หนึ่ง​ เสาจิ่น​ไร้​มารดา​คอย​ให้​คำ​ชี้แนะ​มาตั้งแต่​เด็ก​ ท่าน​ก็​จะได้​คอย​บอก​คอย​สอน​นาง​เรื่อง​จะดูแล​งาน​ต่างๆ​ ใน​บ้าน​อย่างไร​ด้วย​พอดี​”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ประหลาดใจ​ เอ่ย​ถามว่า​ “เจ้าไม่คิด​จะพา​เสาจิ่น​ไป​รับราชการ​ด้วย​หรือ​”

มารดา​ของ​เขา​รอ​อุ้ม​หลาน​แล้ว​ เขา​จะกล้า​พูดว่า​ตัวเอง​ยัง​ไม่คิด​จะร่วม​หอ​กับ​โจว​เสาจิ่น​ได้​อย่างไร​

“หาก​นาง​ตาม​ข้า​ไป​รับราชการ​ด้วย​ แล้ว​ท่าน​จะทำ​อย่างไร​” เฉิงฉือ​กล่าว​อย่าง​หนักแน่น​ “เรื่อง​นี้​ตกลง​กัน​ตาม​นี้​ก็แล้วกัน​ ท่าน​ก็​อย่า​โน้มน้าว​ข้า​อีก​เลย​ บ้าน​อื่น​ข้า​ไม่รู้​ว่า​เป็น​อย่างไร​ แต่​บ้าน​ของ​ข้า​ไม่อาจ​ให้​กลายเป็น​ว่า​พอ​สะใภ้แต่ง​เข้ามา​ แม่สามีก็​ต้อง​ไป​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ อย่างไร​้อำนาจ​เสียแล้ว​”

ช่างตรง​กับ​ที่​กล่าวว่า​ไม่ว่า​อย่างไร​ผู้คน​ต่าง​ก็​ชื่นชอบ​ที่จะ​ได้ยิน​คำพูด​ประจบประแจง​กัน​ทั้งนั้น​นั่น​จริงๆ​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ดีใจ​จน​ไม่รู้​จะดีใจ​อย่างไร​แล้ว​ กล่าวว่า​ “แล้ว​เรื่อง​เถ้าแก่​เล่า​เจ้าได้คิด​หรือยัง​ว่า​จะเชิญผู้ใด​”

“ตั้งใจ​จะเชิญใต้เท้า​ซ่งและ​ใต้เท้า​จางขอรับ​” เฉิงฉือ​กล่าว​ “ผู้​หนึ่ง​คือ​คน​ที่​ให้การ​แนะนำ​ข้า​ ส่วน​อีก​ผู้​หนึ่ง​ก็​เป็น​หัวหน้า​โดยตรง​ของ​ข้า​ อีก​ทั้ง​พวกเขา​ยัง​เป็น​อาจารย์​กับ​ลูกศิษย์​กัน​ด้วย​ ดีกว่า​นี้​ไม่มีแล้ว​ขอรับ​”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เอง​ก็​เห็นด้วย​ ทั้งสอง​คน​ปรึกษาหารือ​กัน​กว่า​ครึ่ง​ค่อนคืน​ เช้าตรู่​วัน​ต่อมา​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ก็​ไป​ที่​ตระกูล​ซ่ง

หลังจากที่​ฮูหยิน​ซ่งทราบ​วัตถุประสงค์​การ​มาแล้ว​แม้จะรู้สึก​ประหลาดใจ​เป็นอย่างมาก​ แต่​เมื่อ​นึกถึง​รูปลักษณ์​ของ​โจว​เสาจิ่น​และ​เฉิงฉือ​แล้วก็​รู้สึก​ว่า​เหมาะ​สมกัน​อย่าง​กับ​ฟ้าประทาน​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “น่าเสียดาย​ที่​แม่สามีของ​ข้า​ไม่อยู่แล้ว​ และ​ข้า​เอง​ก็​มีบุตรชาย​เพียง​คนเดียว​ ไม่อย่างนั้น​คง​เสนอตัว​ไป​เป็น​ผู้​เปี่ยม​ไป​ด้วย​พร​ทุก​ประการ​ให้​พวก​ท่าน​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ยิ้ม​ร่า​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ความจริง​แล้วก็​ไม่อยาก​จะรบกวน​พวก​เจ้าเลย​ แต่​ใต้เท้า​ซ่งของ​พวก​เจ้ามีบุญคุณ​ต่อ​เจ้าสี่ของ​พวก​ข้า​เป็น​อย่างยิ่ง​ นาย​ท่าน​สี่ของ​พวก​ข้า​กล่าวว่า​ เขา​จะแต่งงาน​ ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​ต้อง​เชิญใต้เท้า​ซ่งไป​เป็น​เถ้าแก่​ให้​เขา​ ถึงเวลา​นั้น​เจ้าเอง​ก็​ต้อง​ไป​ช่วย​ข้า​ด้วย​ พวก​ข้า​แยก​ตระกูล​กัน​แล้วก็​เลย​มีแค่​พวกเขา​สามพี่น้อง​เท่านั้น​” กล่าว​อี​กว่า​ “หาก​มิใช่เพราะ​แยก​ตระกูล​ ข้า​คง​ยัง​คิดไม่ถึง​เรื่อง​จะให้​เสาจิ่น​มาเป็น​บุตร​สะใภ้ของ​ข้า​ วันนี้​ก็​ถือว่า​ได้รับ​พร​หลัง​เผชิญ​กับ​ความ​โชคร้าย​บ้าง​แล้ว​”

ฮูหยิน​ซ่งกล่าว​ปลอบใจ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เนิ่นนาน​ รั้ง​ให้​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​อยู่​รับประทาน​มื้อ​เที่ยง​ด้วย​ จากนั้น​ถึงได้​ส่งฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ออก​ไป​ด้วยตัวเอง​

ตก​เย็น​เมื่อ​ซ่งจิ่งหรา​นก​ลับ​มาได้ยิน​สิ่งที่​ฮูหยิน​ซ่งกล่าว​มาก็​ตอบรับ​ด้วยความยินดี​

ยัง​ไม่ต้อง​พูดถึง​ความสัมพันธ์​ของ​ทั้งสอง​คนใน​ตอนนี้​ แค่​ความรู้​ความสามารถ​ของ​เฉิงฉือ​อย่าง​เดียว​ก็​เพียง​พอให้​เขา​เคารพนับถือ​แล้ว​

ซ่งจิ่งหรา​น​และ​จางฮุ่ย​ตอบ​รับหน้าที่​เถ้าแก่​ให้​อย่าง​ง่ายดาย​ ทาง​ด้าน​ของ​เฉิงเซ่าเอง​ก็​ดีใจ​เป็น​อย่างยิ่ง​ กล่าว​กับ​เฉิงฉือ​ว่า​ “เจ้าต้อง​ให้กำเนิด​บุตร​หลาย​ๆ คน​หน่อย​ถึงจะดี​ ไม่ว่า​จะเป็น​บุตรชาย​หรือ​บุตรสาว​ก็ดี​ ให้​ใน​บ้าน​มีเด็ก​หลาย​ๆ คน​หน่อย​จะได้​ครึกครื้น​!”

เฉิงฉือ​นึกถึง​ลานบ้าน​ที่​เต็มไปด้วย​ความ​เงียบสงัด​ตอน​เข้ามา​นั้น​แล้วก็​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “หากว่า​พวก​ข้า​มีบุตรชาย​สอง​คน​ จะมอบ​ผู้​หนึ่ง​ให้​เป็น​บุตรบุญธรรม​ของ​พี่ชาย​เฝิน​ก็แล้วกัน​ขอรับ​”

เฉิงเซ่ากลับ​ส่าย​ศีรษะ​ กล่าว​อย่าง​สลด​หดหู่ใจ​ว่า​ “หาก​เจ้ามีความตั้งใจ​จริงๆ​ มอบ​หลานชาย​ของ​เจ้าให้​เป็น​บุตรบุญธรรม​ของ​ซวิ่น​เก​อเอ๋อร์​สัก​คน​จะดีกว่า​! ข้า​ไม่อาจ​ปล่อย​ให้​เขา​เป็น​วิญญาณ​เร่ร่อน​ไร้​ซึ่งลูกหลาน​กราบไหว้​ได้​!”

เฉิงฉือ​มอง​ท่าน​อา​ที่​มีผม​ขาว​ไป​ทั่ว​ทั้งสอง​ข้าง​นั้น​แล้ว​ เป็นครั้งแรก​ที่​รู้สึก​เศร้า​สลดใจ​

บางที​อาจ​เป็น​เพราะว่า​ตัว​เขา​เอง​ก็​กำลังจะ​แต่งงาน​แล้ว​ ก็​เลย​รู้สึก​จิตใจ​อ่อนไหว​กระมัง​

แต่​กว่า​จะรอ​ให้​ถึงตอนที่​ตน​มีหลานชาย​ เกรง​ว่า​ท่าน​อา​รอง​ก็​คงจะ​ไม่อยู่​บน​โลก​ใบ​นี้​แล้ว​ เช่นนั้น​จะมีความหมาย​อะไร​เล่า​

เฉิงฉือ​ครุ่นคิด​ครู่หนึ่ง​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ท่าน​อา​รอง​ หรือว่า​ท่าน​รับ​บุตรชาย​จาก​สถานสงเคราะห์​กลับมา​เลี้ยงดู​สัก​คนดี​หรือไม่​”

เฉิงเซ่าตะลึงงัน​

เฉิงฉือ​กล่าว​เสียง​เคร่ง​ว่า​ “ตอนที่​ข้า​ไป​เอา​ใบอนุญาต​ค้า​เกลือ​ที่​ไหว​อัน​ใน​ปี​นั้น​ ได้​เผชิญ​กับ​เหตุการณ์​ที่​เขื่อน​ของ​แม่น้ำ​หย่ง​ติ้ง​แตก​พอดี​ ด้าน​นอกเมือง​ไหว​อันนั้น​หาก​มิใช่เด็ก​ๆ ที่​สูญเสีย​บิดา​มารดา​ก็​เป็น​บิดา​มารดา​ที่​สูญเสีย​บุตรหลาน​ทั้งสิ้น​ เวลา​นั้น​ข้า​ครุ่นคิด​ว่า​ ยาม​อยู่​ต่อหน้า​ภัยพิบัติ​ที่​ยากแค้น​ เรื่อง​สืบสกุล​ของ​ครอบครัว​กลาย​เป็นเรื่อง​ที่​เปราะบาง​ได้​ถึงเพียงนี้​ เช่นนั้น​การ​สืบสกุล​ของ​ครอบครัว​สำคัญ​กว่า​หรือว่า​ชีวิต​สำคัญ​กว่า​กัน​แน่​”

นี่​ก็​เหมือนกับ​การ​ตั้งคำถาม​ว่า​บุญคุณ​ของ​ผู้ให้กำเนิด​กับ​บุญคุณ​ของ​ผู้​ให้การ​เลี้ยงดู​มานั้น​ผู้ใด​สำคัญ​มากกว่า​กัน​แน่​ ซึ่งล้วนแล้วแต่​เป็น​คำถาม​ที่​ไร้​ซึ่งคำตอบ​

เฉิงเซ่ายิ้ม​น้อย​ๆ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “เกรง​ว่า​ทรัพย์สมบัติ​ของ​ครอบครัว​จะสำคัญ​กว่า​กระมัง​”

เฉิงฉือ​หัวเราะ​ฮ่าดังลั่น​

เฉิงเซ่ากล่าวว่า​ “เรื่อง​นี้​รอ​ให้​เจ้าแต่งงาน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​ก็แล้วกัน​! ข้า​อายุ​มาก​แล้ว​ ต่อให้​รับ​เด็ก​กลับมา​ ข้า​ก็​ไม่มีเรี่ยวแรง​จะเลี้ยงดู​ได้​แล้ว​”

แต่​ท้ายที่สุด​ก็​กระตุ้น​ความสนใจ​ได้​บ้าง​

เฉิงฉือ​ยิ้ม​พลาง​จิบ​ชาคำ​หนึ่ง​

ยามดอกวสันต์ผลิบาน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน

Score 10
Status: Completed

ในยามที่ โจวเสาจิ่น เด็กสาวจากตระกูลโจวผู้แสนอ่อนหวานและว่านอนสอนง่ายถูกชายคนรักที่นางไว้ใจหักหลังคร่าชีวิต นางได้แต่ภาวนาร้องขอโอกาสที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

หากนางสามารถย้อนเวลากลับไปได้ นางจะหนีไปให้ห่างไกลจากบุรุษจอมเสแสร้งอย่างเขา นางจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกย่ำยีอย่างน่าอดสู จะไม่ทำให้ตระกูลต้องอับอายขายขี้หน้า ไม่มีวันทำให้พี่สาวผู้แสนอ่อนโยนหัวใจแตกสลาย ขอแค่โอกาสอีกเพียงสักครั้ง…

ดูเหมือนสวรรค์จะสดับฟังคำอธิษฐานก่อนสิ้นใจของนาง ท่ามกลางค่ำคืนอันแสนสงบปราศจากเค้าลางของพายุ โจวเสาจิ่นสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้ายและพบว่าตนได้ย้อนเวลากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งราวปาฏิหาริย์ในร่างเดิมวัยสิบสองปี!

ด้วยประสบการณ์อันขื่นขมที่นางได้เผชิญมาในชาติก่อน หญิงสาวตั้งปณิธานว่าจะต้องหาทางแก้ไขชะตาชีวิตของตนเองและของตระกูลในชาตินี้ให้ได้ ไม่มีอีกแล้วเด็กสาวที่ขี้ขลาดและอ่อนแอ แม้แต่ดอกไม้ก็ยังไม่กล้าเด็ดคนนั้น ได้เวลาที่นางต้องยืนหยัดลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองแล้ว

Options

not work with dark mode
Reset