EP.452 กลยุทธ์ฝึกสัตว์วิญญาณ
“ท่านผู้บัญชาการ ซือตู่เซินกลับแล้วมาขอรับ!”
เสียงหัวเราะของซือตู่เซินดังก้องมาจากนอกกระโจมหลัก
หลินมู่อวี่รีบพุ่งตัวออกไปกระโจมไปทักทายเขาด้วยความดีใจ เว่ยโฉว เฝิงสี่ ซือตู่เฉว่และคนอื่นๆ ต่างอยู่ด้านนอกอย่างพร้อมหน้า ซือตู่เซินลงจากหลังม้าพร้อมดาบในมือก่อนเดินมาหาเขา “คารวะท่านผู้บัญชาการ!”
“แม่ทัพเซิน ภารกิจเป็นอย่างไรบ้าง?” หลินมู่อวี่ถามด้วยรอยยิ้ม
“ท่านดูสิขอรับ!”
ซือตู่เซินชี้ไปยังรถม้าที่บรรทุกข้าวของมากมายเข้ามา เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผากก่อนกล่าวอย่างตื่นเต้น “โจรพวกนี้ร่ำรวยนัก ภายในเวลาสามวันเราสามารถปล้นสะดมมาได้กว่าเจ็ดแสนเหรียญทอง นอกจากนี้ยังได้ธัญพืชมาเกือบห้าแสนกิโลและสมบัติล้ำค่าอีกมากมายเลยขอรับ!”
หลินมู่อวี่อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ดีมาก ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม!”
ซือตู่เซินยิ้มจาง “พี่ชาย ครั้งหน้าโปรดให้ข้าทำงานนี้อีกเถิด ข้าอยากช่วยเหลือท่านเพื่อตอบแทนบุญคุณเสียบ้าง”
“ดียิ่งนัก!”
ซือตู่เซินมองซือตู่เฉว่อย่างรักใคร่เอ็นดู ซึ่งทำให้หลินมู่อวี่นึกถึงแววตาของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนยามจ้องมองฉู่เหยา บางทีพี่ชายน้องสาวทุกคู่บนโลกนี้คงล้วนเป็นเช่นนี้ ฉับพลันหลินมู่อวี่ร่างกายสั่นไหวแผ่วเบา
“ท่านผู้บัญชาการหลิน เป็นอะไรหรือไม่ขอรับ?” ซือตู่เซินเอ่ยถามด้วยความงุนงง
“ไม่เป็นไร ข้าสบายดี”
หลินมู่อวี่ส่ายศีรษะก่อนกล่าวต่อ “แม่ทัพเซิน เจ้าทำงานหนักมามาก คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้เจ้าที่กระโจมหลัก อีกอย่างหวงซีได้คัดเลือกนักรบยอดฝีมือจากเผ่าคนเถื่อนให้เราแล้ว ทุกอย่างคงเป็นไปตามแผน ว่าแต่ฉือเจี้ยนเทาอยู่ที่ใด?”
ท่ามกลางเหล่าผู้บัญชาการ ฉือเจี้ยนเทากล่าวออกมาข้างหน้าพร้อมกล่าว “ข้าอยู่นี่ขอรับ!”
หลินมู่อวี่กล่าว “ตอนนี้พวกเราต้องทำงานหนักเพื่อเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้า เราต้องสร้างชุดเกราะ โล่ และหอกที่เหมาะสมกับความสูงและร่างกายของนักรบคนเถื่อน จงร่างแบบภาพทั้งหมดให้ข้าภายในหนึ่งชั่วโมง”
“รับทราบขอรับ!” ดวงตาของฉือเจี้ยนเทาฉายแววมุ่งมั่น
…
เมื่อกลับเข้ามาในกระโจมหลัก หลินมู่อวี่นั่งลงในตำแหน่งผู้บัญชาการก่อนกางกระดาษแผ่นหนึ่งออกซึ่งด้านข้างมีปากกาเหล็กและโถหมึกวางอยู่ เว่ยโฉวยกยิ้มก่อนกล่าวคำออก “ท่านผู้บัญชาการ ท่านยังฝึกคัดลายมืออยู่อีกหรือขอรับ?”
“ใช่ที่ไหนกัน…”
หลินมู่อวี่ยิ้มก่อนกล่าวต่อ
“ข้ากำลังจดบันทึกตำรา”
“ตำรา?” เว่ยโฉวผงะ
“อืม” หลินมู่อวี่ยกมือเกาศีรษะก่อนกล่าวต่อ “เว่ยโฉว เฝิงสี่ แม่ทัพเซินและแม่ทัพเฉว่ พวกเจ้ารู้จักทักษะเชื่อมจิตหรือไม่?”
“ไม่ขอรับ …” ทุกคนส่ายศีรษะ
หลินมู่อวี่ขยับแขนแผ่วเบาเพื่อเรียกใช้ฌานสัมผัส ทันใดนั้นรอยแยกมิติพลันปรากฏที่มุมกระโจมหลัก มังกรผลึกโลหิตพุ่งออกมาก่อนส่งเสียงคำรามดังกึกก้องพร้อมแกว่งหางขนาดใหญ่ของมันไปมา ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเหล่าผู้บัญชาการเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็นราวกับพวกเขาเป็นเพียงฝูงมด
เว่ยโฉวและคนอื่นๆ ต่างเคยเห็นมังกรโลหิตมาก่อนจึงไม่แปลกใจที่ซือตู่เซินและซือตู่เฉว่มีท่าทีตกตะลึงเช่นนี้ ซือตู่เฉว่คว้าดาบของตนออกมาพร้อมกล่าว “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…”
ดวงตาคู่สวยของซือตู่เฉว่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและปลื้มปีติ “โอ้…นี่คือสัตว์เลี้ยงของท่านผู้บัญชาการหรือเจ้าคะ?”
“ใช่” หลินมู่อวี่ไม่ปฏิเสธ “ในอดีตมันเคยเป็นสัตว์เลี้ยงของเหล่าขุนนางในจักรวรรดิ พวกเขามักจะจับสัตว์วิญญาณมาเลี้ยงตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งแท้จริงแล้วก็ไม่ต่างกับการเลี้ยงสุนัขหรือม้ามากนัก หากแต่เหล่าขุนนางก็ไม่สามารถใช้พลังของสัตว์วิญญาณได้ถึงระดับสูงสุด อย่างไรก็ตามข้าได้พบคัมภีร์ทักษะเชื่อมจิต ซึ่งสามารถเชื่อมจิตวิญญาณระหว่างเจ้าของและสัตว์วิญญาณได้ ไม่ว่าจะเป็นบทเชื่อมต่อสวรรค์ บทแปลงกายเทวะและบทแปลงเกราะ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ร่วมกันระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณพลังแปลงเกราะของมังกรผลึกโลหิตที่ช่วยข้าตอนอยู่ในมณฑลหลิงหนาน มิเช่นนั้นคงไม่รอดชีวิตกลับมาหาพวกเจ้าเป็นแน่”
ทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงขณะที่ฟังผู้บัญชาการของพวกเขาเล่าเรื่อง
หลินมู่อวี่ถอนหายใจก่อนกล่าวออก “น่าเสียดายที่คัมภีร์ทักษะเชื่อมจิตลึกซึ้งเกินไปจึงมีน้อยคนนักที่จะสามารถเข้าใจได้ ทว่าโชคดีที่ข้าเคยเรียนรู้ศาสตร์แห่งจิตวิญญาณอันเก่าแก่จากเหล่ยหง ทำให้พอเข้าใจศาสตร์แห่งการเชื่อมจิตอยู่บ้าง ข้าจึงตัดสินใจรวบรวมศาสตร์แห่งจิตวิญญาณเพื่อสร้างทักษะการฝึกฝนสัตว์ที่เข้าใจง่ายมากขึ้น โดยใช้ชื่อชั่วคราวว่ากลยุทธ์ฝึกสัตว์วิญญาณ หลังจากที่เขียนวิทยายุทธ์และทักษะทางจิตเสร็จ ข้าจะส่งให้ทุกคนได้เรียนรู้ จากนั้นข้าจะจัดตั้งหน่วยฝึกสัตว์วิญญาณในวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งแก่กองทหารมังกรผงาด”
ซือตู่เซินดวงตาเป็นประกาย “ท่านผู้บัญชาการ...ท่านจะสอนกลยุทธ์ฝึกสัตว์วิญญาณให้พวกเราจริงๆ หรือขอรับ?”
“แล้วอย่างไร?”
“ฮ่าๆ กลยุทธ์นี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่า หากข้าเป็นท่านผู้บัญชาการ ข้าจะเรียกเก็บค่าเล่าเรียนสักพันเหรียญทองต่อคนเพื่อเรียกทุนคืน”
“เชื่อเขาเลย…”
ซือตู่เฉว่หัวเราะก่อนกล่าวออก “ท่านผู้บัญชาการรีบเขียนเถิดเจ้าคะ ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว”
“อืมได้”
……
แบบร่างของโล่ทรงกรวย หอกและชุดเกราะขนาดยักษ์ของฉือเจี้ยนเทาเสร็จสมบูรณ์พอดีในตอนบ่าย ภาพถูกแนบไปกับสารขนนกส่งตรงไปยังหลันเยี่ยนเพื่อมอบให้จินเสี่ยวถังทันที โดยที่หลินมู่อวี่กำชับไปในสารว่าชุดเกราะและอาวุธห้าพันชุดจะต้องสร้างเสร็จโดยเร็วที่สุด ร้านเครื่องเหล็กในเครือร้านค้าจื่อยินคงวุ่นวายมิน้อย ซึ่งถือเป็นงานหนักของจินเสี่ยวถังในครานี้ทว่าก็ไม่มีทางเลือกอื่น
สองวันล่วงไป กลยุทธ์ฝึกสัตว์วิญญาณได้ถูกเขียนขึ้นอย่างสมบูรณ์ เว่ยโฉวคัดลอกสำเนาหลายชุดเพื่อแบ่งปันให้กับเหล่าผู้บัญชาการ หากแต่ป่านิรันดร์มีสัตว์วิญญาณน้อยกว่าป่าล่ามังกรมาก พวกเขาจึงไม่สามารถหาสัตว์วิญญาณเพื่อทดลองฝึกฝนได้ ทว่าคู่พี่น้องซือตู่เซินและซือตู่เฉว่กลับมีความสามารถมากกว่าผู้อื่น พวกเขาทั้งสองเรียนรู้และเข้าใจกลยุทธ์อย่างทะลุปรุโปร่งแม้ยังไม่ได้ลองปฏิบัติ
ลมฤดูใบไม้ผลิยามบ่ายพัดโชยทำให้ผู้คนต่างเกียจคร้าน หลินมูอวี่ เว่ยโฉวและคนอื่นๆ ขี่ม้าลาดตระเวนรอบค่าย เสียงของหวงซีที่กำลังฝึกฝนกองทัพนักรบคนเถื่อนให้ใช้หอกและโล่ป้องกันดังกังวานไปทั่วผืนป่าอย่างน่าเกรงขาม เว่ยโฉวขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามอย่างเคร่งเครียด “ท่านผู้บัญชาการ เราจะกลับจักรวรรดิเมื่อใดหรือขอรับ?”
“เจ้ากังวลเรื่องศึกระหว่างจักรวรรดิกับเหล่าปีศาจรึ?” หลินมู่อวี่ถามกลับ
“ขอรับ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นพวกปีศาจ…ข้าไม่มีทางวางใจได้”
“รอก่อนเถิด…” หลินมู่อวี่ไปยังค่ายของเผ่าคนเถื่อนซึ่งอยู่ไกลออกไปด้วยสีหน้ากังวลก่อนกล่าวออก “เผ่าคนเถื่อนไม่ใช่ผู้ที่รับมือได้ง่าย เทพแห่งป่าเขาเกิดมาพร้อมกับความดื้อด้านและไม่จำนนต่อผู้ใด หากไม่จับตาดูพวกเขา ข้าเกรงว่าเราอาจถูกหักหลังได้ทุกเมื่อ และเผ่าอสูรคงไม่สามารถต้านทานพวกเขาได้แน่”
“นี่คือเหตุที่ท่านยืนกรานว่าจะไม่ให้อาวุธแก่พวกคนเถื่อนหรือขอรับ?”
“ใช่” หลินมู่อวี่พยักหน้า “จงอย่าให้อาวุธแก่พวกเขาไม่ว่าจะเป็นอาวุธเหล็กหรือทองแดงเล็กน้อยเพียงใด เว้นแต่จะเป็นนักรบคนเถื่อนที่เข้าร่วมกองทัพมังกรผงาด มิเช่นนั้นการรักษาสมดุลอำนาจคงเป็นเรื่องยาก”
“รับทราบขอรับ”
“รดน้ำมันฝรั่งให้มาก หลังจากที่มันแตกหน่อ เราจะมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิโดยใช้เส้นทางผ่านเมืองหลันเยี่ยนเพื่อไปต่อสู้กับเหล่าปีศาจที่มณฑลชางหนาน”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวี่หันไปมองถังเสี่ยวซีก่อนยกยิ้ม “เสี่ยวซี เจ้าสามารถคัดเลือกเผ่าอสูรยอดฝีมือสักห้าหมื่นตนเพื่อไปมณฑลชางหนานกับข้าได้หรือไม่?”
ถังเสี่ยวซีกล่าวตอบเสียงใส “ถึงเจ้าไม่เอ่ยขอ ข้าก็จะช่วยอยู่แล้ว วางใจเถิด!”
“อื้ม!”
…
ณ มณฑลชางหนาน หมอกยามเช้าลงหนาขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสียงน้ำไหลที่ดังขึ้นทุกขณะ ‘กลยุทธ์น้ำขึ้น’ ของเหล่าปีศาจกำลังค่อยๆ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมโดยรวมของแม่น้ำต้าวเจียง
หมอกยามเช้าบางส่วนควบแน่นกลายเป็นน้ำค้างตกลงบนไหล่ของเฟิงจี้สิง เขากระชับดาบสะบั้นวาโยในมือขณะนำกองทหารจักรวรรดิตระเวนไปตามแนวชายฝั่ง และกล่าวออกด้วยใบหน้าเป็นกังวล “ตรวจสอบเชือกโรยตัวอีกครั้ง น้ำมันบีชสีดำพร้อมแล้วใช่หรือไม่?”
“พร้อมแล้วขอรับ ท่านผู้บัญชาการเฟิงโปรดวางใจ!”
“เจ้าต้องว่องไว อย่าให้เหล่าปีศาจบุกเข้ามาได้โดยง่าย”
“ขอรับ!”
เวลากลางคืนและหมอกถือเป็นสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้พวกปีศาจสามารถใช้กลยุทธ์น้ำขึ้นได้อย่างราบรื่น
ทันใดนั้น คนส่งสารควบม้าเข้ามาก่อนประสานหมัด “ท่านผู้บัญชาการเฟิง ดูเหมือนว่าเผ่าปีศาจอยู่ห่างออกไปเพียงเจ็ดไมล์และสร้างเขื่อนจนเกือบสำเร็จแล้ว อีกทั้งแนวป้องกันท่าเรือเฟิงหลินยังแจ้งว่าพวกมันกำลังทำให้น้ำสูงขึ้นขอรับ”
“บัดซบ!”
เฟิงจี้สิงชักดาบสะบั้นวาโยออกจากฝักพร้อมคำรามดังลั่น ฉับพลันปราณยุทธ์พวยพุ่งรอบกายอย่างบ้าคลั่ง “ฟู่”เปลวเพลิงลุกโชนปัดเป่าหมอกในรัศมีกว่าร้อยเมตรสลายไปในพริบตา เขื่อนของเผ่าปีศาจจึงปรากฏให้เห็นเบื้องหน้าห่างออกไปเพียงสี่สิบเมตร ยิ่งถมเข้ามาใกล้มากเท่าใด โอกาสที่อสูรเกราะจะบินจู่โจมยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น!
“พระเจ้าช่วย …” จางเหว่ยขนลุก “มันใกล้มาก...”
“ช่างมัน!”
เฟิงจี้สิงกัดฟันก่อนกล่าวออก “นำน้ำมันบีชสีดำออกมาจุดไฟ!”
เครื่องยิงมากมายถูกตั้งเรียงแถวบนชายฝั่ง ถังน้ำมันบีชสีดำถูกขนออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนโยนลงในแม่น้ำต้าวเจียง เฟิงจี้สิงถือดาบสะบั้นวาโยพุ่งตัวออกไปโดยไม่กล่าวคำใด ฝีเท้าเหยียบย่ำไปบนผืนน้ำด้วยปราณยุทธ์ก่อนเหวี่ยงดาบฟาดถังน้ำมันจนแตกออก เพียงพริบตาน้ำมันบีชสีดำแผ่กระจายไปทั่วแม่น้ำ เขาถอยกลับฝั่งก่อนยกฝ่ามือขึ้นปล่อยคลื่นแสงอันทรงพลังออกไป หมาป่าเปลวอัสนีม่วงคำรามกึกก้อง ฉับพลันเปลวไฟลุกโชนและลามออกไปอย่างรวดเร็ว ถังน้ำมันบนผิวน้ำระเบิดอย่างรุนแรง กองไฟลุกไหม้เขื่อนพร้อมกับเสียงโหยหวนอันน่าสยดสยองของอสูรเกราะ ซึ่งฟังดูน่าพอใจเป็นพิเศษในขณะนี้
จางเหว่ยอดยิ้มออกมาไม่ได้ “เยี่ยมยอด!”
ทว่าเฟิงจี้กลับดูเคร่งเครียด เขากล่าวคำเบา “จางเหว่ย หลังจากนี้ให้ทหารทั้งหมดตามแนวชายฝั่งกลับเข้ากำแพงเหล็กทันที…”
“เหตุใดกัน ท่านจะละทิ้งแนวป้องกันแม่น้ำต้าวเจียงหรือขอรับ?”
“ใช่”
เฟิงจี้สิงถอนหายใจ ดวงตาของเขาฉายแววสิ้นหวัง “เราไม่มีทางเลือก น้ำมันบีชมีจำกัดซึ่งจำเป็นต้องเก็บไว้ใช้ยามเหล่าปีศาจล้อมเมือง เราไม่สามารถปล่อยให้ทหารนอกกำแพงตายตก อย่าลืมว่ายังมีกำแพงเหล็กมูลค่าห้าร้อยล้านที่สามารถปกป้องเราได้!”
จางเหว่ยยิ้มกว้าง “เข้าใจแล้วขอรับ ท่านบอกฝ่าบาทเรื่องการถอยกลับไปยังกำแพงเหล็กแล้วหรือ?”
“ฝ่าบาททรงเห็นตรงกับข้า”
“ขอรับ ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้!”
“อืม”