ตอนที่ 561 ไม่อยากกลับบ้าน
เมิ่งหนานพยักหน้าให้หัวหน้าหมู่บ้าน “นางไม่อยู่หรือ ไปที่ใดแล้วเล่า”
หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มกล่าว “ดูท่าท่านจะยังไม่รู้ จื่อยาโถวกับซู่เอ๋อเปิดร้านค้าสองร้านอยู่ในเมือง กิจการดีไม่หยอก พวกนางออกจากบ้านแต่เช้า จะกลับมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเย็นย่ำ วันนี้จ้าวหลานกับหูจ่างหลินก็ไปช่วยด้วยเช่นกัน ทั้งยังพาเด็กๆ สองคนไปด้วย ตอนนี้ในบ้านไม่มีใครอยู่หรอก”
“เช่นนั้นพวกนางจะกลับมาเมื่อใด” เมิ่งหนานถาม
หัวหน้าหมู่บ้านเงยหน้ามองท้องฟ้า “ใกล้จะกลับมาแล้วละ หากเด็กสองคนนั้นไม่ได้ไปด้วย จื่อยาโถวกับซู่เอ๋อจะกลับมาเย็นกว่านี้ ทว่าขอเพียงเด็กๆ ไปด้วย พวกนางจะกลับมาเร็วหน่อย นี้ก็จวนถึงเวลาแล้ว”
ระหว่างที่สนทนากัน หัวหน้าหมู่บ้านเหลือบเห็นเงาดำสายหนึ่งเคลื่อนมาทางพวกเขา เป็นรถม้าของสกุลไป๋นั่นเอง
“มาแล้วๆ กลับมากันแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านชี้ไปที่รถม้า
เสี่ยวเฟิงเป็นคนบังคับรถม้า เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกลุ้มรุมอยู่ที่หน้ารั้วบ้านแต่ไกล ขวางกั้นหนทางกันแน่นขนัด เขาจึงหันไปบอกคนในรถว่า “มีใครหลายคนมุงอยู่ที่หน้าบ้านของพวกเรา ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”
เดิมทีไป๋จื่ออยากจะเคลิ้มหลับเพราะรถโยกเยกไปมา ทว่าเมื่อได้ยินเสี่ยวเฟิงพูดเช่นนั้น นางก็ตื่นเต็มตาในทันที ก่อนจะให้เสี่ยวเฟิงรีบหยุดรถ ส่วนตัวนางลอดออกจากตัวรถไปมองดู เห็นคนกลุ่มใหญ่จริงดังว่า ทั้งยังเป็นคนกลุ่มใหญ่มากๆ เสียด้วย
บ้างเป็นชาวบ้านที่หน้าตาคุ้นเคย บ้างสวมชุดสีดำ ดูท่าทางมีฝีมือในการต่อสู้ และนางไม่รู้จักพวกเขาเหล่านี้
จากนั้นก็พลันมีเงาร่างที่นางคุ้นตาโผล่ออกมาให้เห็น เป็นจินเสี่ยวอัน เขาโบกมือให้นาง พลางวิ่งฝ่าฝูงชนออกมา ปรี่มาถึงหน้ารถม้าอย่างรวดเร็ว “แม่นางไป๋ เจ้ากลับมาแล้ว”
ไป๋จื่อกระโดดลงจากด้านหน้ารถม้า “ท่านมาได้อย่างไร”
จินเสี่ยวอันมีสีหน้าตื่นเต้น “ข้าไม่ได้มาเพียงลำพังนะ คุณชายของข้าก็มาด้วย”
“มาเพราะเสียนเอ๋อร์หรือเจ้าคะ” ไป๋จื่อคล้ายจะเข้าใจแล้ว
“ทั้งใช่และไม่ใช่” จินเสี่ยวอันหัวเราะอย่างมีเลศนัย
ไป๋จื่อไม่ถามมากอีก นางหันไปบอกคนในรถว่า “ลงมาเถอะ รถม้าเดินหน้าต่อไม่ได้ พวกเราต้องเดินเข้าไปแล้วละ”
จ้าวซู่เอ๋อจูงหรูเอ๋อร์ออกมา หลังลงจากรถม้าแล้ว จ้าวหลานถึงจะจูงเสียนเอ๋อร์ออกมาบ้าง หูจ่างหลินเดินมาเป็นคนสุดท้าย ครั้นเขาเห็นขบวนคนขนาดใหญ่ ก็พลันตกตะลึงตาค้างไปในทันที
ไป๋จื่อกล่าวกับจ้าวหลานว่า “ท่านแม่ พวกเขามารับเสียนเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
จ้าวหลานจับมือของเสียนเอ๋อร์ไว้แน่น พยายามข่มความรู้สึกตื้นตันเอาไว้ รักษาความสงบนิ่งบนใบหน้าไว้ให้มากที่สุด ทว่าในดวงตาของนางกลับปรากฏระลอกคลื่นขึ้นมา
เคอซีเฉิงปรี่เจ้ามา เห็นเสียนเอ๋อร์สบายดีและยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ก็ตาแดงขึ้นอย่างอดไม่อยู่ “เสียนเอ๋อร์…” เขายื่นมือไปหาเสียนเอ๋อร์ หมายจะอุ้มนางขึ้นมา
แต่เสียนเอ๋อร์กลับอาลัยอาวรณ์ ไม่ยอมห่างกายจ้าวหลาน คนตรงหน้าคือพี่ชายของนาง ทว่านางกลับชอบน้าหลานและพี่ไป๋ที่อยู่ข้างกายนางมากกว่า
“เสียนเอ๋อร์ เจ้ารู้จักเขาหรือไม่” ไป๋จื่อถาม
เสียนเอ๋อร์พยักหน้า “เขาคือพี่ใหญ่ของข้า”
ไป๋จื่อถอนใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะยิ้มพลางลูบศีรษะของเด็กหญิง “เสียนเอ๋อร์ พี่ใหญ่มารับเจ้ากลับบ้านแล้ว เจ้าคลายใจแล้วใช่หรือไม่”
ทว่าเสียนเอ๋อร์กลับส่ายหน้า “ข้าไม่อยากกลับบ้าน ข้าชอบที่นี่”
เด็กๆ โกหกไม่เก่งเป็นที่สุด แต่ละคำพูดล้วนจริงใจไม่เสแสร้ง ทว่าคำพูดที่ง่ายดายเช่นนี้กลับกระแทกเข้าที่หัวใจของทุกคน
ไป๋จื่อขอบตาแดง จ้าวหลานก็แอบเช็ดน้ำตาเช่นกัน
นางนั่งยองลงเบื้องหน้าเสียนเอ๋อร์ กอดเด็กหญิงไว้ในอกอย่างแผ่วเบา “เสียนเอ๋อร์เด็กดี แม้พวกข้าจะอยากให้เจ้าอยู่ที่นี่ และชอบให้เจ้าอยู่ที่นี่มากเช่นกัน แต่เสียนเอ๋อร์ ท่านแม่และท่านพ่อของเจ้ากำลังรอเจ้ากลับบ้าน พวกเขาคิดถึงเจ้ามาก คิดถึงเจ้าจนนอนไม่หลับทุกคืนเชียวละ”
……….
ตอนที่ 562 บุตรีสกุลเคอ
จู่ๆ เสียนเอ๋อร์ก็ร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย “แล้วเหตุใดพวกเขาถึงไม่มาตามหาเสียนเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้เสียนเอ๋อร์อยากให้พวกเขามารับกลับบ้านทุกวันเลย แต่พวกเขาก็ไม่มา ข้าคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการเสียนเอ๋อร์แล้วเสียอีก”
ไป๋จื่อหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง เสียนเอ๋อร์ในตอนนี้คล้ายกับเปลี่ยนเป็นคนละคนกับตอนที่พบกันครั้งแรก ดวงหน้าเล็กจ้อยมีเลือดฝาด ทั้งขาวทั้งน่ารัก ยามร้องไห้ขึ้นมายิ่งทำให้คนอดสงสารไม่ได้ “เสียนเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องการเจ้า พวกเขาตามหาเจ้าอยู่ตลอด แต่พวกเขาตามหาเจ้าไม่พบเท่านั้นเอง เจ้าดูสิ พี่ชายของเจ้าก็มารับเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ”
เสียนเอ๋อร์โชคดีกว่าตนมาก ครอบครัวของเสียนเอ๋อร์ไม่ได้ทอดทิ้งนาง เพียงแค่คลาดกับนางไปชั่วคราวเท่านั้น บัดนี้พวกเขาใกล้จะได้กลับไปอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งแล้ว
เด็กหญิงซุกร่างเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋จื่อ ร้องไห้โฮ “ข้าไม่สน ข้าไม่อยากกลับบ้าน ข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าชอบพวกท่าน ข้าชอบที่นี่” ทุกคนที่นี่ดีต่อนางมาก เล่นกับนาง สนุกกับนาง ไม่มีใครบังคับให้นางเรียนรู้กฎเกณฑ์ และไม่ได้ถูกห้ามให้ออกไปข้างนอก หรือถูกขังอยู่ในเรือนทั้งวัน
ไป๋จื่อลูบหลังเสียนเอ๋อร์เบาๆ “พี่สาวรับปากเจ้า ว่าวันหลังจะต้องไปหาเจ้าที่เมืองหลวงแน่นอน ดีหรือไม่”
เสียนเอ๋อร์ร้องไห้นานมาก ร้องไห้จนตาบวมปูด จนสุดท้ายนางก็กล่าวพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น “ท่านอย่าหลอกข้านะ”
ไป๋จื่อลูบเรือนผมของเจ้าตัวเล็ก “พี่สาวไม่เคยหลอกใคร สิ่งที่พี่สาวพูดไปแล้ว ก็ย่อมต้องทำให้ได้อย่างแน่นอน”
“ข้าค่อยไปพรุ่งนี้ได้หรือไม่” เสียนเอ๋อร์เสนอความต้องการสุดท้ายของตนเอง แล้วใครเล่าจะปฏิเสธความต้องการนี้ได้
“คุณชายเคอ คืนนี้พวกท่านพักที่โรงเตี๊ยมในเมืองก่อนดีหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะไปส่งเสียนเอ๋อร์ด้วยตนเองเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อกล่าวกับเคอซีเฉิง
เคอซีเฉิงก็ทนเห็นน้องสาวปวดใจไม่ไหว จึงรับคำขอของนาง ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว จำต้องหาที่พักก่อน
เขาประสานมือคารวะไป๋จื่อ “แม่นางไป๋ เจ้ามีบุญคุณกับพวกข้ามาก จนข้าไม่กล้าเอ่ยคำว่าขอบคุณ วันหน้าหากมีเรื่องต้องไหว้วานสกุลเคอของพวกข้า เจ้าสามารถร้องขอได้ตามใจเลย”
ไป๋จื่อโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันถึงเพียงนั้นหรอกเจ้าค่ะ ข้ากับเสียนเอ๋อร์มีวาสนาต่อกัน และข้าเพียงทำเรื่องที่ควรทำเท่านั้น ครอบครัวของข้าล้วนชอบเสียนเอ๋อร์ เห็นนางเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
หากคนอื่นพูดเช่นนี้ เคอซีเฉิงย่อมต้องรู้สึกไม่สบายใจ พวกเขาสกุลเคอไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาสามัญ เด็กสาวบ้านป่าคนหนึ่งมีสิทธิ์อะไรมาเห็นคุณหนูสกุลสูงศักดิ์เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
ทว่าไป๋จื่อที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ยามที่เขาอยู่ต่อหน้านาง เขากลับไม่เกิดความรู้สึกดูแคลนเลยแม้สักนิด แม้นางจะเป็นเพียงเด็กสาวอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปี แต่กลับมีกลิ่นอายที่ดูสง่างามชวนมอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ใช่คุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วๆ ไปจะเทียบเคียงได้
เคอซีเฉิงพาข้ารับใช้จากไป เมิ่งหนานให้คนติดตามเขาไปเช่นกัน ส่วนตนกับจินเสี่ยวอันกลับไม่ยอมไปไหน
“ท่านไม่ไปหรือ” ไป๋จื่อเลิกคิ้ว
เมิ่งหนานจ้องหน้านาง ลมหนาวในยามนี้ราวกับใบมีดก็ไม่ปาน เพราะมันทำให้ดวงหน้าของนางเกิดสีแดงเป็นริ้ว ตอนนี้นางดูอิ่มเอิบขึ้นบ้าง เห็นแล้วชวนให้อยากบีบแก้มเล็กๆ น่ารักนั่นเสียจริง
เขาลูบท้อง “ข้ายังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย เดินทางมาตั้งไกล จะไม่เชิญข้ากินข้าวที่นี่หน่อยหรือ ข้าไม่ยอมไปง่ายๆ หรอก!”
ไป๋จื่อยิ้มพลางส่ายหน้า “ข้าหมดหนทางกับท่านจริงๆ เข้ามาเถอะ วันนี้ข้าจะห่อเกี๊ยวให้กิน”
เมื่อจินเสี่ยวอันได้ยินว่าจะมีเกี๊ยวกิน เขาก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบ “แม่นางไป วันนี้เจ้าสอนข้าห่อเกี๊ยวทีเถอะ ข้าอยากเรียนไว้ กลับไปจะได้ห่อให้คุณชายกิน ไม่ต้องทนอยากกินเกี๊ยวของเจ้าทุกวันเช่นนี้”
เมิ่งหนานแค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะยื่นมือไปดันคนสนิทออก “ข้าว่าเจ้าอยากกินเองมากกว่า แต่ทำเป็นก็ดี จะได้กินข้าวที่สกุลเมิ่งของพวกข้าให้น้อยหน่อย”