บทที่ 1069 พลังกองทหารจักรพรรดิสิบล้านนาย
“สหายเต๋าหาน เจ้าล่ะ” เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลมองไปที่หานเจวี๋ย
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็มองหานเจวี๋ยด้วย
หานเจวี๋ยไม่ทันตอบ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญก็เอ่ยขึ้นว่า “เขาก็ถูกสาปแช่งเช่นกัน ถูกสาปแช่งก่อนหน้าข้า เขาเคยมาหาข้าแล้ว ตอนนั้นข้ายังปลอบให้เขาสงบใจไว้ก่อนอยู่เลย ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะถูกสาปแช่งเช่นกัน เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเหิมเกริมเกินไปแล้ว คิดจะท้าทายผู้สร้างมรรคาหรือไร”
หานเจวี๋ยไม่ได้มองไปที่มหาเทวาพ้นนิวรณ์เลย แต่ระดับผู้สร้างมรรคาถึงจะไม่ใช้ตามองก็สามารถสังเกตดูปฏิกิริยาของทุกคนได้
คนผู้นี้เล่นสมจริงนัก
ทำราวกับถูกสาปแช่งด้วยจริงๆ
แต่ตอนนี้หากว่าไม่ถูกสาปแช่งกลับจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแทน
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยถาม “แล้วจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ล่ะ ไม่ลองถามเขาดูเล่า”
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “หากว่าเป็นเขาจริงๆ เขาจะยอมรับอย่างนั้นหรือ ไปหาเขาก็มีผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาไม่ใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เขาก็ถูกสาปแช่งด้วยเหมือนกัน”
“หากเขาตอบว่าไม่ได้ถูกสาปแช่งเล่า”
“เช่นนั้นเจ้ารับประกันได้หรือว่าเขาไม่ใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เขาจงใจเปิดเผยว่าตนไม่ได้ถูกสาปแช่งเพื่อล่อให้เขาคลางแคลงยิ่งขึ้นเล่า”
“ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ส่วนที่เป็นปัญหาที่สุดของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมิใช่การสาปแช่งของเขา แต่เป็นเรื่องที่ไม่มีเบาะแสของเขาเลยแม้แต่น้อย”
สี่ผู้สร้างมรรคาตกอยู่ในความเงียบ
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนผู้นี้สาปแช่งข้าและเหล่าอริยะมรรคาสวรรค์ตั้งแต่สมัยที่ข้าอยู่ในมรรคาสวรรค์แล้ว เขาจะเกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์หรือไม่”
หากเขาสงสัยผู้สร้างมรรคาจะดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดจนเกินไป ต้องเบนเป้าไปยังมรรคาสวรรค์ที่เขาปกป้องถึงจะดูสมจริง
“ภายในมรรคาสวรรค์ไม่มีตัวตนเช่นนี้อยู่ผานกู่และบรรพชนเต๋าล้วนมิใช่ผู้สร้างมรรคา เพียงใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ เท่านั้น”
เขามองไปที่หานเจวี๋ย ถามออกไป “เจ้าเคยติดต่อกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรือไม่”
หานเจวี๋ยส่ายหน้า ถามด้วยความแปลกใจ “พวกท่านเคยหรือ”
เจ้าอวิชชาฟ้าบุกพกาลตอบว่า “ใช่ ข้าเคย เจ้าแดนต้องห้ามอันธการบอกว่าเขาต้องการโค่นล้มกฎระเบียบที่ผู้สร้างมรรคาตั้งขึ้น”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว สบถในใจด้วยความโมโห แต่ละคนล้วนเจ้าเล่ห์นัก มีคนใส่สีเพิ่มอีกแล้ว
มหาเทวาพ้นนิวรณ์กล่าวว่า “ข้าก็เคยติดต่อกับเขามาก่อน เขาบอกว่าเขาต้องการก้าวข้ามผู้สร้างมรรคา ต้องการครอบครองพลังจากโลกมหามรรคของพวกเรา หากไม่ยอมสยบต่อเขาวันหน้าก็จะถูกสาปแช่งไปเช่นนี้”
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญแค่นเสียงเอ่ยไปว่า “เขากลับไม่เคยติดต่อมาหาข้าเลย เห็นได้ชัดว่าเขาอยากให้พวกเราแตกแยกกัน ในเมื่อเขาไม่กล้าโผล่หน้ามาก็แปลว่าเขาหวั่นเกรงพวกเรายิ่งนัก อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะโค่นล้มพวกเราที่ร่วมมือกันได้”
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ
สามผู้สร้างมรรคาหารือกันต่อไป หานเจวี๋ยมีฐานะเป็นผู้น้อยอ่อนอาวุโส ส่วนใหญ่ล้วนจะคอยรับฟัง
ผ่านไปหลายชั่วยาม พวกเขาถึงได้แยกย้ายกันไป
หารือกันอยู่นานสองนานแต่ก็ไม่รู้อะไรมากขึ้นเลย สุดท้ายก็จบลงด้วยการไว้ใจซึ่งกันและกันและจะแลกเปลี่ยนข่าวสารกันให้มากขึ้น
เมื่อกับถึงอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม หานเจวี๋ยก็รู้สึกสะท้อนใจอย่างยิ่ง
ผู้สร้างมรรคาไม่เพียงแต่มีตบะเลิศล้ำเท่านั้น ด้านการแสดงก็เลิศล้ำกว่าเขามากเช่นกัน
หากว่าเขามิใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการตัวจริงคงหลงเชื่อไปแล้วจริงๆ
ตาเฒ่าเหล่านี้ล้วนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ถึงแม้จะถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งกลับยังใช้ประโยชน์จากเรื่องของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอแค่ให้พวกเขาวุ่นวายกันไปไม่มายุ่งกับหานเจวี๋ยก็พอแล้ว
หานเจวี๋ยไม่มีทางไปสืบหาตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจริงๆ เขาต้องการฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจ
ซั่นเอ้อร์มองไปที่หานเจวี๋ย อึกอักละล้าละลัง
หานเจวี๋ยจึงเข้าฝันเขาเพื่อไปสนทนากันในความฝัน
เรื่องที่ซั่นเอ้อร์ต้องการกล่าวเกี่ยวข้องกับการสาปแช่งจริงๆ เขายังคงฉลาดยิ่งนัก รู้จักระวังเก้าเทวดารา
เก้าเทวดาราจะต้องออกไปไม่ช้าก็เร็ว ขอเพียงออกไปก็อาจจะแพร่งพรายเรื่องการสาปแช่งของเขาได้
“ท่านปฐมบรรพชน ก่อนหน้านี้ข้ารับรู้ได้ถึงพลังคำสาปแช่งที่แกร่งกล้าทรงพลังสายหนึ่ง มีโอกาสสูงที่จะเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการขอรับ!” ซั่นเอ้อร์เอ่ยเสียงขรึม
หานเจวี๋ยแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะเดินไปในวิถีทางแห่งการสาปแช่งแล้วจริงๆ
หานเจวี๋ยถาม “เจ้ามองเห็นสิ่งใด”
ซั่นเอ้อร์ส่ายหน้า “มองเห็นไม่ชัดเจนขอรับ เห็นเพียงหนังสือเล่มหนึ่ง”
นี่เป็นฉากเหตุการณ์ที่มีเพียงผู้ถูกสาปเท่านั้นถึงจะสามารถนิมิตสอดส่องได้
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่ง ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น ตัวตนเหนือชั้นรายอื่นๆ ก็เช่นกัน ดังนั้นข้าถึงได้แยกตัวออกไป เจ้าแดนต้องห้ามอันธการลงมือแล้ว ยามปกติเจ้าต้องระวังตัวไว้อย่าไปปะทะกับเขา”
ซั่นเอ้อร์พยักหน้ารับ “ข้าทราบขอรับ ข้ายังห่างชั้นเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้จริงๆ พลังคำสาปแช่งสายนั้นน่ากลัวเหลือเกิน ข้าไม่เคยเห็นพลังที่แกร่งกล้าถึงเพียงนี้มาก่อนเลย ต่อให้…
“ท่านปฐมบรรพชน ตัวตนเหนือชั้นที่ท่านกล่าวถึงเหล่านั้นคือผู้ใดหรือขอรับ”
เขาอยากจะบอกว่าต่อให้เป็นท่านก็ยังไม่แกร่งกล้าขนาดนั้น แต่พอคำพูดมาจ่ออยู่ที่ปากก็รู้สึกไม่เข้าท่าจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เป็นตัวตนระดับเดียวกับข้า พวกเขาเป็นตัวตนที่ไม่อาจกล่าวนามได้ หากว่าเจ้าทราบเข้าจะแบกรับผลกรรมมหันต์ เจ้าทนรับไม่ไหวหรอก”
แม้ซั่นเอ้อร์จะไม่เข้าใจแต่ก็ทราบถึงความร้ายแรงดี เขาส่ายหน้าไปตามสัญชาตญาณ ไม่กล้าซักถามอีก
หลังจากสิ้นสุดแดนความฝัน ซั่นเอ้อร์ฝึกบำเพ็ญต่อ
เก้าเทวดารายังคงฝึกบำเพ็ญอยู่ ไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ของพวกเขาเลย
หานเจวี๋ยก็เตรียมจะฝึกบำเพ็ญเช่นกัน แต่ทันใดนั้นเขาพลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแข็งแกร่งสายหนึ่ง
เก้าเทวดาราพากันลืมตาขึ้นมา ทอดสายตามองไปในทิศทางเดียวกัน
บริเวณจุดเชื่อมต่อของฟ้าบุพกาลและพ้นนิวรณ์!
จ้าวซวงเฉวียนเปิดศึกกับหานเย่!
ปัจจุบันนี้จ้าวซวงเฉวียนได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอำนาจลึกลับสร้างชื่อเกรียงไกร ยึดครองอาณาเขตได้หลายสิบแห่งภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่สิบล้านปี หากว่ากันในแง่ของอำนาจนับเป็นอันดับหนึ่งในฟ้าบุพกาลแล้ว เพื่อเสริมอำนาจตนให้มั่นคง เขาตัดสินใจจะยกทัพเข้าสู่พ้นนิวรณ์ ประกาศอำนาจแห่งฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยมองเห็นว่าดวงจิตนพชาติก็อยู่ฝั่งจ้าวซวงเฉวียนเช่นกัน
จุ๊ๆ
นี่คือการสนับสนุนจากผู้ปกครองฟ้าบุพกาล!
มีดวงจิตนพชาติคอยให้การสนับสนุนอย่างลับๆ อยู่ ไม่มีทางที่จ้าวซวงเฉวียนจะไม่สามารถรวมฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่งได้
หานเย่อายุน้อยกว่าจ้าวซวงเฉวียน แต่ด้วยการสังหารเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเรื่อยมา ต่อสู้กับจ้าวซวงเฉวียนแบบตัวต่อตัวก็ไม่ตกเป็นรองเลย
เก้าเทวาดาราล้วนเป็นอริยะมหามรรคแล้ว สามารถสอดส่องการต่อสู้ได้ง่ายดายนัก พวกเขารับชมอย่างได้อรรรถรส ถึงขั้นที่มีการถกเถียงวิจารณ์ด้วย
ซั่นเอ้อร์เป็นผู้แนะนำให้พวกเขาทราบว่าหานเย่ก็คือบรรพชนของพวกเขาเช่นกัน ทำให้พวกเขาตื่นเต้นประหลาดใจ พากันคาดหวังว่าหานเย่จะเอาชนะได้
หานเย่ครอบครองธนูปฐมเทพทลายโลกา ทรงอานุภาพอย่างยิ่ง หนึ่งศรดั่งดาราโปรยปราย โจมตีห้วงมิติฟ้าบุพกาลจนเกิดรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วน
จ้าวซวงเฉวียนถือศาสตราวุธเทพที่จำแลงมาจากกฎเกณฑ์สูงสุดสองสายที่ทรงพลังเช่นกันเอาไว้ นั่นคือพลังเลิศล้ำเหนือโลกาที่ทำให้เหล่าสรรพสิ่งนึกถึงหานฮวงในครั้งอดีตกาลเมื่อนานมาแล้ว
ยามที่หานฮวงสยบสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลก็ทรงพลังเช่นนี้เหมือนกัน!
หานเจวี๋ยมองอยู่พักหนึ่งก็หมดความสนใจ
ต่อให้หานเย่พ่ายแพ้ก็ยังมีหานฮวงอยู่
ผ่านไปหลายสิบปี หานเย่พ่ายแพ้ ขณะที่เก้าเทวดาราหดหู่เสียดายอยู่นั้นก็มีผู้แข็งแกร่งจากวังจักรพรรดิมหาโชคปรากฏตัวขึ้นอีก ทำให้พวกเขาตกใจและทำให้หานเจวี๋ยต้องลืมตาขึ้นมา
มิใช่หานฮวง
แต่เป็นจักรพรรดิแห่งวังจักรพรรดิมหาโชคออกโรงเอง!
หานหลิงระดมกองทหารจักรพรรดิสิบล้านนายเข้าถล่มจ้าวซวงเฉวียน สั่นสะเทือนโลกมหามรรคแต่ละแห่ง!
กองทหารจักรพรรดิระดับยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์สิบล้านนายแม้ว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงหลากหลาย ทว่าสามารถข่มจ้าวซวงเฉวียนได้ในด้านจำนวน
กฎเกณฑ์สูงสุดของจ้าวซวงเฉวียนถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ดวงจิตนพชาติเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าร่วมศึกด้วยทันที ให้ความช่วยเหลือจ้าวซวงเฉวียน ทว่าพวกเขาร่วมมือกันแล้วก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของหานหลิงอยู่ดี
เหล่าผู้ทรงพลังของสำนักเลิศนพวิถีตกตะลึงอย่างยิ่ง แม้จะตกตะลึงแต่ก็พากันเข้าร่วมศึกแล้ว
รัศมีของหานหลิงดั่งแสงรุ้ง บัญชากองทหารจักรพรรดินับสิบล้านเข้ากวาดล้างสำนักเลิศนพวิถีโดยที่กองกำลังของวังจักรพรรดิมหาโชคไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือเลย
นางต่อสู้กับสำนักเลิศนพวิถีที่มีชื่อเสียงก้องฟ้าบุพกาลเพียงลำพัง!
………………………………………………………………