ตอนที่ 324 การแข่งขันสิบมหาวิทยาลัยชื่อดัง (2)
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่กลับเป็นเรื่องจริง
คนพวกนั้นอยู่ขั้นสี่สูงสุดแล้ว ระยะห่างจากการแข่งขันแลกเปลี่ยนและศึกชิงสิบอันดับมหาวิทยาลัยดังน่าจะยังมีเวลาอยู่ช่วงหนึ่ง
แม้ตอนนี้จะไม่ใช่ขั้นห้า ถึงเวลานั้นทะลวงขั้นห้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน
ส่วนฟางผิงเกรงว่าจะยากแล้ว
เวลานั้นคงถึงขีดจำกัดแค่ขั้นสี่สูงสุด แม้จะทะลวงได้ก็พยายามอย่าทะลวงเลยดีกว่า เขาก้าวหน้าเร็วเกินไป รั้งอยู่แต่ละขั้นด้วยระยะเวลาสั้นเกินไป การควบคุมพลังก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ สุดท้ายจะสูญเสียการควบคุมได้ง่าย
“ผมรู้แล้ว ไม่ประมาทแน่นอน การแข่งขันแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปเริ่มเดือนหน้าสินะครับ?”
“อืม มหาวิทยาลัยแปดสิบเก้าแห่งคัดเจ็ดอันดับแรกออกมา อย่างต่ำคงใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน”
“งั้นหมายความว่าเดือนธันวาคม ศึกชิงสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังก็จะเริ่มขึ้นแล้ว?”
“น่าจะประมาณนั้น”
“เวลากระชั้นชิดจริงๆ”
ฟางผิงถอนหายใจอีกครั้ง ระยะห่างจากเดือนธันวาคม ตอนนี้มีเวลาแค่หนึ่งเดือนกว่าเท่านั้น
เขาเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายไม่นาน แต่พวกเหยาเฉิงจวินรั้งอยู่ในขั้นสี่สูงสุดเกือบครึ่งปีแล้ว โอกาสทะลวงขั้นห้าไม่ใช่น้อยๆ เลย
ขั้นสี่ตอนปลายสู้กับขั้นห้า ทั้งยังไม่ใช่ขั้นห้าอย่างพวกไก่อ่อน การต่อสู้ข้ามขั้นระหว่างอัจฉริยะ ความยากคงไม่ต้องพูดถึง
หวงจิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย “เรื่องของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์พักไว้ก่อน รวมถึงการแข่งขันขั้นหนึ่งด้วย เรื่องพวกนี้ทิ้งไปก่อนได้ ตอนนี้ยึดการทะลวงด่านเป็นหลัก เธอ เฉินเหวินหลง จางอวี่ พวกเธอสามคนต้องเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยน กำลังหลักสามคน เหลืออีกสองคน เลือกจากพวกฉินเฟิ่งชิง เซี่ยเหล่ยออกมา ส่วนขั้นสี่ที่เหลือให้เข้าสู่ทีมสำรองอีกที”
“ผมเข้าใจแล้ว ใช่สิ คณบดี จางอวี่ยังไม่กลับมาใช่ไหมครับ?”
“ยัง เขาไปถ้ำใต้ดินเป่ยเจียง ก่อนหน้านี้ได้ยินทางเป่ยเจียงบอกว่าเขาเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายแล้ว”
ฟางผิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่แปลกใจเช่นกัน จางอวี่มีพรสวรรค์ไม่น้อย ไม่งั้นปีสามคงทะลวงขั้นสี่ไม่ได้หรอก
ตอนนี้ผ่านมาปีกว่าถึงเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลาย ไม่นับว่าเร็วแล้ว
“ฉินเฟิ่งชิงหมอนั่นไปไหนเหรอครับ?”
“เขา?”
จู่ๆ หวงจิ่งก็อยากหัวเราะอยู่บ้าง กระแอมไอเบาๆ “เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เขาหาคะแนนก้อนโตได้ไม่ใช่หรือไง? เงินเต็มกระเป๋า วิ่งไปฝึกวิชาที่สระปราณ ผลปรากฏว่า…อยู่กว่าครึ่งเดือนไม่ออกมา ใช้คะแนนไปจนเกลี้ยง กลับยังติดหนี้เพิ่มอีกไม่น้อย ตอนนี้กำลังทำงานใช้หนี้ที่สระปราณอยู่ เธอไม่เจอเขาหรือไง?”
ฟางผิงอึ้งไปเล็กน้อย!
ล้อกันเล่นแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงได้กว่าหนึ่งหมื่นคะแนน หมดเกลี้ยงแล้ว?
หนึ่งหมื่นคะแนน นั่นเป็นเงินหลายร้อยล้าน เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนหนึ่ง ใช้เกลี้ยงไปแล้ว?
ต่อให้สระปราณแพงขนาดไหนก็คงเสียเงินไม่ถึงขั้นนี้หรอกมั้ง
“เขาได้ไปกว่าหมื่นคะแนนไม่ใช่เหรอครับ?”
“อ๋อ เริ่มแรกเขาก็ไปซื้อเสื้อเกราะหนังสัตว์ประหลาดขั้นหกหนึ่งตัว เสียไปกว่าครึ่งแล้ว…”
ฟางผิงยอมเลยจริงๆ!
เจ้าหมอนี่หน้าใหญ่ใจโตกว่าเขาซะอีก ฟุ่มเฟือยขนาดนี้เลย ซื้อเกราะหนังสัตว์ประหลาดขั้นหก?
ฟางผิงยังทำใจซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ ซื้อแค่เสื้อเกราะขั้นห้าตอนกลางตัวหนึ่งเท่านั้น
ไม่น่าล่ะคะแนนถึงไม่พอจ่าย!
ใช่สิ หมอนั่นยังมีคะแนนที่ค้างอยู่ นึกไม่ถึงว่าจะไม่มารับเงินเดือนที่สมาคม นี่ไม่เข้ากับนิสัยของเขาเอาซะเลย
“เขาเสียคะแนนไปเยอะขนาดนั้น ทะลวงตอนปลายแล้วเหรอครับ?”
“ยัง” หวงจิ่งส่ายหัว “เขาใช้คะแนนมั่วซั่ว ว่ากันตามหลักเขาอยู่สระปราณสี่ห้าวันก็ถึงขีดจำกัดแล้ว อยู่นานก็ไม่มีประโยชน์ แต่เขาดึงดันไม่ยอมออกมา บอกว่าไม่ถึงตอนปลายจะไม่ออกด่าน”
ระหว่างที่พูด หวงจิ่งก็หัวเราะ “อันที่จริงช่วงหลังปิดการส่งพลังงานให้เขา เขายังเหลือคะแนนที่นั่นอยู่ไม่น้อย ตั้งใจดัดนิสัยเขา มีคะแนนนิดหน่อยก็ไม่เห็นหัวใครแล้ว!”
ตอนที่พูดประโยคนี้หวงจิ่งมองฟางผิงเช่นกัน
คำพูดนี้ใช้กับเธอได้เหมือนกัน
ฟางผิงหมดคำจะพูด ผมไม่ได้โง่เหมือนฉินเฟิ่งชิงขนาดนั้นเถอะ
ฉินเฟิ่งชิงเสียสติไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าไม่อาจทะลวงด่าน ยังจะดึงดันอยู่ เสียคะแนนไปไม่รู้สึกผิดบ้างหรือไง?
“รออีกเดือนสองเดือน เขาทะลวงตอนปลายน่าจะไม่มีปัญหาแล้ว”
“ครับ ผมทราบแล้ว”
ฟางผิงพยักหน้า เสียนับพันคะแนนยังไม่อาจทะลวงตอนปลายได้ ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงน่าจะคิดอยากฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ ไม่สนใจเขาแล้ว
หวงจิ่งคาดการณ์ว่าเขาจะทะลวงขั้นสี่ตอนปลาย งั้นทีมกำลังหลักนับฉินเฟิ่งชิงรวมไปอีกคนก่อน
พูดเรื่องการแข่งขันแล้ว จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยว่า “คณบดี ช่วยผมขายของอะไรหน่อยได้ไหมครับ?”
หวงจิ่งใบหน้าดำคล้ำ
“แก่นหัวใจ คุณรู้จักปรมาจารย์หลายคน ห้าสิบล้าน…”
หวงจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “อันที่จริงปรมาจารย์ยอดฝีมือไม่ค่อยใช้แก่นหัวใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะแก่นหัวใจที่มีที่มาไม่ชัดเจน เธอคงไม่รู้ว่า…บางครั้งแก่นหัวใจของยอดฝีมือมนุษย์ก็ถูกกลั่นออกมาได้เช่นกัน!”
ฟางผิงม่านตาหดเกร็ง กลับไม่ได้ถามมากมาย เอ่ยต่อว่า “งั้นคงไม่ถึงกับไม่มีคนใช้หรอกมั้งครับ?”
“มีน่ะมี…” หวงจิ่งหัวเราะ “เอาแบบนี้ละกัน ฉันจะช่วยถามให้เธอ”
“ขอบคุณครับคณบดี”
พูดเรื่องนี้จบแล้ว ฟางผิงก็หยัดตัวขึ้นเตรียมจะออกไป เดินไปได้ช่วงหนึ่งก็หมุนตัวกลับมา “คณบดี ทางอาจารย์หลี่นั้นเรื่องราวเป็นมายังไงเหรอครับ?”
“ใครนะ?”
หวงจิ่งชำเลืองตามองเขา ฉันถามว่าใคร เธอจะพูดว่าคณบดีหลี่ไม่ได้หรือไง?
“เรื่องของเหล่าหลี่…”
“คุณลองเล่ามาเถอะครับ เขาบอกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าคุณ กระบี่เดียวสังหารขั้นแปดได้!”
“อย่ามาไม้นี้กับฉัน”
หวงจิ่งตำหนิ ไอ้หนูนี้คิดว่าฉันปัญญาอ่อนหรือไง? นึกไม่ถึงว่าจะยั่วโมโหตัวเอง
เงียบไปพักหนึ่ง หวงจิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย “เขามีแผลเก่าติดตัว ยากจะทะลวงขั้นเจ็ด อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว เธออย่าไปรบกวนเขาให้มาก”
“แผลเก่า…”
ฟางผิงเห็นหวงจิ่งไม่พูดอีก ครุ่นคิดพักหนึ่งก็ไม่ถามต่อแล้ว
—
ออกมาจากห้องทำงานคณบดี
ฟางผิงยังคงครุ่นคิดเรื่องการอัปเกรดระบบ ห้าสิบล้าน
แก่นหัวใจอาจขายไม่ได้เสมอไป
ยังมีวิธีไหนจะหาเงินได้ห้าสิบล้านอีก?
ขายดาบกวนอูระดับ B ก่อนหน้านี้เพิ่มค่าทรัพย์สินให้ตัวเองห้าสิบล้าน หรือยังสามารถขายออกไปหนึ่งร้อยล้าน?
ทางบริษัทก็หาเงินได้พอสมควรแล้ว ตอนนี้อย่าเพิ่งคาดหวังจะได้เงินอีก
“ใช่สิ หลิวต้าลี่!”
ฟางผิงนึกถึงคนๆ หนึ่ง หมอนั่นไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หรือเปล่า ถ้าอยู่แล้วจับเขาได้ คงจะทำเงินได้เล็กน้อยเช่นกัน
—
“ฮัดชิ้ว!”
สนามกีฬามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
หลิวต้าลี่จามออกมา ฟางหยวนที่อยู่ด้านข้างถามอย่างแปลกใจ “พี่หลิว นายเป็นหวัดเหรอ?”
“เปล่า ฉันเป็นยอดฝีมือขั้นสามจะเป็นหวัดได้ยังไง ต้องเป็นเพราะไอ้เวรคนไหนกำลังพูดถึงฉันแน่ ฉันมีศัตรูอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คนหนึ่ง เจ้าหมอนั่นไร้ยางอาย ต่ำช้า หน้าด้าน…ยังไงก็เลวอย่างถึงที่สุด”
หลิวต้าลี่ด่าออกมาเป็นชุด ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย เธอใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ไม่เลวเลย ทีมลาดตระเวนของสมาคมไม่ตรวจสอบเธอด้วยซ้ำ พ่อเธอเป็นอาจารย์ของที่นี่งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ พี่ชายฉันอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้”
“อ่อ แสดงว่าพี่ชายเธอใช้ชีวิตได้อย่างดีเลย เดี๋ยวฉันจะสัมภาษณ์พี่ชายเธอเป็นพิเศษ พี่ชายเธอก็ดังได้แล้ว คนที่ฉันสัมภาษณ์ดังเป็นพลุแตกกันทั้งนั้น”
“พี่หลิว อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย นายช่วยฉันถ่ายรูปพวกเขาก่อน เดี๋ยวฉันจะไปขอลายเซ็น” ฟางหยวนไม่สนใจเรื่องสัมภาษณ์ของเขาเท่าไหร่
ถึงไม่สัมภาษณ์ฟางผิง ตอนนี้ฟางผิงก็ดังอยู่แล้ว
ถ่ายรูปผู้เข้าแข่งขันยังจะสำคัญกว่า เธอจะได้เอาไปขอลายเซ็น ขายได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่อง อันที่จริงลายเซ็นของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งไม่ค่อยมีราคาเท่าไหร่ ประเด็นอยู่ที่เธอสามารถเอาไปแขวนไว้ที่ประตูห้องทำงานได้
สาวน้อยคิดดีแล้ว ครั้งนี้ต้องขอลายเซ็นให้มากหน่อย ไม่รู้ว่าจะสามารถถ่ายรูปด้วยกันได้หรือเปล่า เอากลับไปที่สมาคมหยวนผิงให้ทุกคนดูว่าประธานมีเส้นสายกว้างขวาง
หลิวต้าลี่หัวเราะพลางพยักหน้า เรื่องเล็กน้อย
ถ่ายไม่กี่รูปเท่านั้น คนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่มาทางนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบอยู่ตลอด
ใช้หางตาเหลือบมองสาวน้อยด้านข้าง พี่ชายเธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ดูเหมือนคนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จะเกรงอกเกรงใจเธอ…
ไม่รู้ว่าจะสามารถตีสนิทได้หรือเปล่า หากเป็นศัตรูของฟางผิง นั่นย่อมดีที่สุดแล้ว
———————–