ตอนพิเศษ 29-3 ท่านแม่มาแล้ว จับแขวนเฆี่ยนตี
แสงจันทร์ฉายอ่อน
สตรีนางนั้นอุ้มเฉียวเวยเวยกลับไปยังถ้ำของตน
ถ้ำของนางใหญ่มาก ตรงปากถ้ำใช้พลังปราณของปีศาจจิ้งจอกตั้งเป็นค่ายกลเอาไว้
ภายในถ้ำตรงจุดที่อ่อนนุ่มที่สุดมีกลุ่มจิ้งจอกเงินตัวน้อยกำลังร้องครวญด้วยความหิวโหย
จิ้งจอกเงินตัวน้อยรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวตรงปากประตู จึงพากันส่งเสียงเรียกขึ้นมา
สตรีนางนั้นลูบลูกตัวน้อยของตนเบาๆ “ชู่ว์ๆๆ ไม่ต้องร้อง ข้ารู้ว่าพวกเจ้าหิวแล้ว วันนี้ได้กินเนื้อมังกรนะ”
เหล่าจิ้งจอกเงินตัวน้อยเริ่มรู้เรื่องแล้ว พอฟังเข้าใจว่าสิ่งที่สตรีนางนี้นำกลับมาเป็นของดี จึงพากันหันไปมองเฉียวเวยเวยด้วยสายตาหิวโหย
สตรีนางนั้นวางเฉียวเวยเวยลงบนเตียงหิน เพื่อป้องกันไม่ให้เฉียวเวยเวยรู้สึกตัว นางยังร่ายวิชาหลับไหลเพิ่มเข้าไปด้วย อันที่จริงที่นางทำนั้นหาได้จำเป็นไม่ เฉียวเวยเวยหากได้นอนหลับแล้ว นอกจากนางอยากทำธุระเบาแล้ว ต่อให้ฟ้าผ่าลงมานางก็ไม่ตื่น
สตรีนางนั้นโน้มตัวลงไปสูดดมกลิ่นเนื้อหอมหวานจากตัวเฉียวเวยเวย สมแล้วที่เป็นมังกรน้อย นางแค่สูดดมเท่านั้นน้ำลายก็สอไปหมดแล้ว
มังกรน้อยนับเป็นของบำรุงชั้นดี หากได้กินเนื้อเม็ดเน่ยตันของนางลงไป นางก็สามารถลอยขึ้นไปเป็นเซียนจิ้งจอกได้แล้ว
สตรีนางนั้นนึกยินดี แต่กลับไม่ยินดีจนเลินเล่อไปเพราะเหตุนี้ ที่นางสามารถหลบซ่อนตัวอยู่ใต้สายตาของสหพันธ์มาได้นานปีเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะมีจิตใจที่กล้าแกร่งคงเป็นไปไม่ได้
นางรีบเก็บไอปีศาจอันน้อยนิดที่แผ่ออกไปโดยไม่ทันระวังกลับมา ยิ้มกริ่มมองเด็กหญิงตัวน้อยบนเตียงหิน เม็ดเน่ยตันจะต้องควักออกมาตอนมีชีวิตถึงจะดี มิเช่นนั้นจะสูญเสียประสิทธิภาพไป
สตรีนางนั้นยื่นมือออกไป พอนิ้วทั้งห้ากางออก ปลายเล็บคมกริบก็งอกออกมา
ในขณะที่นางกำลังจะลงมือ ตรงขอบฟ้าก็ปรากฏเสียงตะคอกที่สะท้อนก้องราวกับเสียงสายฟ้า… “บังอาจนักนะเจ้าปีศาจ! ยังไม่รีบส่งตัวลูกศิษย์สำนักเชียนหลันมาอีกหรือ!”
เป็นเสียงของเจ้าสำนักสวี่!
หลังจากเฉียวเวยเวยถูกปีศาจสาวจับตัวไป หลิงจือก็ไม่สนใจอาวุธวิเศษอีก รีบกำไข่มุกกลับไปยังแท่นครึ่งวงเดือนและแจ้งให้กับผู้อาวุโสของสำนักเชียนหลันทราบ
พวกเจ้าสำนักสวี่รีบกำไข่มุกเข้ามาทันที
คนที่มาพร้อมกับเขายังมีคนอื่นๆ ของสำนักว่านเซี่ยงอย่างชิวอีซาน รวมถึงผู้ฝึกตนที่เป็นยอดฝีมือของสำนักต่างๆ อีกสิบกว่าคน
เจ้าสำนักสวี่ยังไม่อยากเผาบ้านเพื่อไล่หนู ไม่กล้าใช้วิชารุนแรงแต่ส่งพลังครึ่งเซียนออกไปข่มขู่ก่อน
สตรีนางนั้นส่งเสียงหึเย็นๆ “ข้ายังคิดว่าใครเสียอีก ก็แค่ครึ่งเซียนที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเท่านั้น กล้ามาโอ้อวดวิชาต่อหน้าปีศาจอย่างข้าด้วยหรือ!”
สตรีนางนั้นกางสองมือออกเพื่อตั้งข่ายอาคมคลอบยอดเขาทั้งหมดเอาไว้
พลังกดดันของเจ้าสำนักสวี่ถูกข่ายอาคมสะท้อนกลับมา
ชิวอีซานก็รีบแผ่พลังกดดันของครึ่งเซียนออกไป แต่ก็ถูกข่ายอาคมสะท้อนกลับมาเช่นกัน
สตรีนางนั้นเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง “เมื่อครั้งข้าข้ามผ่านอุปสรรค พวกเจ้าอยู่กันที่ไหนยังไม่รู้เลย หากรู้ตัวก็รีบหนีไปเสีย คืนนี้ข้าอารมณ์ดี ไม่อยากถือสาหาความกับพวกเจ้า!”
ประมุขเหลยเอ่ยด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “นางก็เป็นครึ่งเซียนเช่นกัน แต่นางเผชิญอัสนีวิบากมามากกว่าพวกเจ้าหนึ่งครั้ง เป็นครึ่งเซียนที่ข้ามผ่านอุปสรรคมาสองครั้ง พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”
มีคนที่ลอยขึ้นแดนบนไม่สำเร็จครั้งหนึ่ง จะลองดูอีกครั้งหนึ่ง มหาอัสนีวิบากครั้งที่สองจะรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก น้อยนักที่จะมีคนอดทนจนผ่านไปได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นเผ่าปีศาจหรือเผ่ามาร มหาอัสนีวิบากครั้งแรกก็แทบจะเอาชีวิตพวกเขาไปอยู่แล้ว ครั้งที่สองยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ปีศาจจิ้งจอกตนนี้สามารถทนมหาอัสนีวิบากได้ถึงสองครั้ง ความสามารถของนางไม่เป็นรองผู้เป็นเซียนโดยแท้จริงแล้ว
เจ้าสำนักสวี่กำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงเนื้อ “หากเจ้าปล่อยเด็กคนนั้นมา เจ้าจะมีเงื่อนไขเช่นไรก็คุยกันง่ายทั้งสิ้น!”
“เด็ก?” สตรีนางนั้นอึ้งไปก่อน แล้วถึงพอเข้าใจบางอย่าง จึงหงายหน้าหัวเราะเสียงก้อง เจ้าพวกมนุษย์ที่โง่เขลาเอ๋ย ดูไม่ออกเชียวหรือว่านี่เป็นมังกรตัวหนึ่งน่ะ
สตรีนางนั้นคร้านจะเสียเวลาคุยกับพวกเขา หากนางได้กินเม็ดเน่ยตันของมังกรน้อยเข้าไป คืนนี้นางก็ลอยขึ้นแดนบนได้แล้ว ผู้ฝึกตนเหล่านี้หากยังไม่ไป ก็คงถูกมหาอัสนีวิบากของนางฟาดตายเท่านั้น!
สตรีนางนั้นไม่สนใจกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นอีก
เจ้าสำนักสวี่โจมตีใส่ข่ายอาคมของปีศาจจิ้งจอกอย่างไม่กลัวตาย ผู้ฝึกตนทุกคนก็ใช้ความสามารถตนเองอย่างเต็มที่ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใด ข่ายอาคมของปีศาจจิ้งจอกก็ไม่สะทกสะท้านสักนิด
“จะสู้กับข้า พวกเจ้ายังอ่อนหัดนัก!” สตรีนางนั้นเลิกคิ้วอย่างถือดีแล้วเริ่มสนุกสนานกับเหยื่อของตน
เล็บของนางกรีดลงเบาๆ ที่ถุงเฉียนคุนตรงเอวของเฉียวเวยเวยจนขาด ถุงเฉียนคุนหล่นลงกับพื้น ภาพวาดที่อยู่ด้านในกลิ้งออกมา
สตรีนางนั้นไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง แหวกชุดนอนของเฉียวเวยเวยออก เล็งตรงไปที่หน้าท้องอวบอ้วนของเฉียวเวยเวยแล้วค่อยๆ ควักลงไป
ในขณะที่นางกำลังจะควักเอาเม็ดเน่ยตันของเฉียวเวยเวยออกมานั้น ไม่ทันสังเกตว่าสตรีในภาพค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากกระดาษคล้ายกับเศษฝุ่น เศษฝุ่นชิ้นละเอียดเหล่านี้ค่อยๆ ลอยขึ้นจากซอกผาหิน
ด้านนอกถ้ำเกิดลมหอบใหญ่พัดพาให้เศษไม้ใบหญ้าปลิวว่อน
เมฆดำเคลื่อนตัวมาจากทั่วสารทิศ ปกคลุมยอดเขาทั้งหมดเอาไว้
แสงจันทร์ที่เดิมทีสะท้อนอยู่บนพื้นดินหายวับไป ภายในถ้ำมีเพียงความมืดมิด
ในใจสตรีนางนั้นพลันกระตุก ปลายนิ้วขยับร่ายวิชาประกายไฟขึ้นมา แต่ประกายไฟยังไม่ทันได้ก่อตัวถูกลมพัดดับไปอย่างรวดเร็ว!
สตรีนางนั้นเปลี่ยนเป็นหยิบไข่มุกราตรีออกมา แต่ไข่มุกราตรีก็ส่งเสียงดังเปรี๊ยะพร้อมระเบิดแตก!
หัวใจสตรีนางนั้นเต็นระรัว
อีกด้านหนึ่งของถ้ำ จิ้งจอกน้อยร่ำร้องด้วยความทรมาน
สตรีนางนั้นเดินออกจาถ้ำไปด้วยสายตาดุดัน “มันผู้ใดกัน ถึงขั้นอาจหาญเข้ามาในถิ่นของ…”
คำว่า “ข้า” ยังไม่ทันหลุดออกจากปาก ลำคอนางก็ถูกบีบไว้เสียแล้ว
เห็นเพียงเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่บนยอดเขาไม่รู้หายกันไปหมดเมื่อไร ที่เข้ามาแทนที่คือมารมังกรสีดำตลอดตัวตัวหนึ่ง
มารมังกรตัวใหญ่จนน่าอัศจรรย์ มันแทบจะพันตัวรอบภูเขาได้ทั้งลูก ตัวของมันคดเคี้ยวจนดูคล้ายจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ยังไม่พอให้มันได้ทอดตัวอย่างสบายด้วยซ้ำ
มันเกียจคร้านกระทั่งจะลืมตา แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น พลังมังกรอันยิ่งใหญ่ก็ยังทำให้ทั้งผสุธาต้องสั่นสะเทือน
สัตว์อสูรในทิวเขาพากันร้องคำรามด้วยความขวัญผวา
เหล่านกกากระพือปีกโผบินด้วยความตกใจ แต่บินไปได้ไม่เท่าไรตัวมันแข็งกลายเป็นหิน!
ข่ายอาคมที่ปีศาจจิ้งจอกภูมิใจนักภูมิใจหนาก็คล้ายก้อนน้ำแข็งแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิ ปริแตกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าต่อตาปีศาจจิ้งจอก
สตรีนางนั้นตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง หากถึงขนาดนี้แล้วยังมองฐานะของอีกฝ่ายไม่ออกก็คงจะเกินไปหน่อยแล้ว ที่แท้ตำนานที่เล่าลือกันก็เป็นเรื่องจริง จอมมารปรากฏตัวขึ้นบนโลกแล้ว!
สองขานางอ่อนยวบ ตัวฟุบลงกับพื้นแล้วคืนร่างที่แท้จริงกลับมา “น้อมกายต้อนรับ น้อมกายต้อนรับใต้เท้าจอมมาร! ข้าไม่รู้ว่าจอมมารเสด็จมา จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับ ข้าน้อยฝึกตนมานับพันปี หนทางไม่ง่ายเลย หากมีตรงใดที่บกพร่อง ขอท่านจอมมารได้โปรดปราณีด้วย ข้าน้อยเพิ่งได้มังกรละอ่อนตัวหนึ่งมา ยินดีมอบนางให้กับท่านจอมมาร…”
มารมังกรเผยอเปลือกตาขึ้น แค่เพียงปรายตามองนางเล็กน้อย นางก็ถูกสายตาของมารมังกรแทงทะลุหัวใจไปทันที!
นางเป็นครึ่งเซียน แค่เพียงสายตาของจอมมารก็ถูกสังหารตายได้แล้วหรือ!
แต่เหตุใดจอมมารต้องฆ่านาง
สตรีนางนั้นตกใจมาก ที่ตกใจยิ่งกว่าคือนางไม่ได้ตายในทันที แต่ยังเหลือลมหายใจอยู่เฮือกหนึ่ง
ลมหายใจที่เหลืออยู่นี้ทำให้นางได้เห็นกับตาว่ามารมังกรใช้กรงเล็บกรีดตัวนางออกแล้วเอาเม็ดเน่ยตันของนางไป
จังหวะนั้นนางพลันเข้าใจทุกอย่าง
มังกรน้อยในถ้ำนั่นเป็นมารมังกรตัวหนึ่ง!
ทั้งยังเป็นบุตรของจอมมารด้วย!
จอมมารโกรธแค้นที่ตนหมายใจในเม็ดเน่ยตันของมังกรน้อย จึงเอาคืนด้วยวิธีการเดียวกัน มารมังกรต้องการเอาเม็ดเน่ยตันของนางไปป้อนให้มังกรน้อย!
“เชอะ เศษสวะ ควรค่าให้บุตรสาวข้ากินหรือ”
เศษ เศษสวะ?
เม็ดเน่ยตันของครึ่งเซียนที่ผ่านวิบากมาสองครั้ง ถึงกับถูกเรียกว่า…เศษสวะ?!
ปีศาจจิ้งจอกยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่จริงๆ แต่นางถูกมารมังกรทำให้โมโหตายเสียแล้ว