บทที่ 402 ช่วยเหลือ
บทที่ 402 ช่วยเหลือ
“ไม่ได้ค่ะ!” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ได้ยินคำถามของอู๋ฝานก็ตอบกลับทันที “ต่อให้ไปถึงกลางบึงได้ แต่กว่าจะดึงตัวถังอวี่เฟยขึ้นมา …ถึงตอนนั้นจะกลับมายังไงกันล่ะคะ”
วิชานางแอ่นถลาลมสามารถช่วยทำให้ตัวเบา ก่อนหน้านี้เขาได้ทดสอบในป่าของหมู่บ้านเร้นลับมาเรียบร้อยแล้ว กระทั่งว่าสามารถเหยียบยอดหญ้าสูงสิบเซนติเมตร เดินทางโดยไม่ย่ำพื้นได้ซะด้วยซ้ำ ดังนั้นอู๋ฝานจึงเชื่อว่ามันสามารถใช้เหยียบผิวบึงได้เช่นเดียวกัน
แต่ขากลับจะไม่ได้มีแค่เขา เพราะภารกิจครั้งนี้คือการช่วยเหลือถังอวี่เฟยผู้ไม่รู้จักวิชานางแอ่นถลาลม ด้วยน้ำหนักของคนสองคน ถ้าคิดจะข้ามบึงกลับไปเหมือนตอนขามา ก็นับเป็นเรื่องยากชวนครุ่นคิด
“เพราะงั้นผมถึงบอกว่าไม่ค่อยมั่นใจไงล่ะครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่ตอนนี้มันน่าจะเป็นทางเดียวที่พวกเราพอจะทำได้แล้ว”
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ตอบอะไรกลับ ทางหนึ่งเพราะเธอไม่ต้องการเห็นถังอวี่เฟยต้องมาจบชีวิตที่นี่ อีกทางหนึ่งก็เพราะไม่ต้องการให้อู๋ฝานไปเสี่ยง สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกต้องเลือกทางใดทางหนึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
“ไม่มีเวลาแล้วครับ ถังอวี่เฟยน่าจะทนได้อีกไม่นาน” อู๋ฝานมองถังอวี่เฟยที่ยังคงจมลงอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเตรียมลงมือ
“เดี๋ยวค่ะ!” ตอนนี้เองที่ถังอวี่เฟยเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น เพราะเธอได้ยินเรื่องที่อู๋ฝานกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์คุยกัน ดังนั้นจึงตัดสินใจพูด “อู๋ฝาน คุณไม่มาดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากลากคุณไปด้วยค่ะ!”
แม้ถังอวี่เฟยจะต้องการความช่วยเหลือ แต่เหนืออื่นใดคือไม่ต้องการลากให้อู๋ฝานมาร่วมเดือดร้อนด้วย
“พูดอะไรแบบนั้นครับ ผมไม่ถูกคุณลากจมลงไปด้วยแน่” อู๋ฝานยิ้มตอบ “ไม่ต้องกังวลนะครับ พวกเราจะไม่เป็นไร ตอนนี้พยายามยกมือขวาขึ้นมา ผมจะไปทางนั้น”
ถังอวี่เฟยคิดอยากพูดอะไรออกมาต่อ แต่อู๋ฝานเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ทั้งร่างทะยานเหนือบึงน้ำ เนื่องจากประสิทธิภาพของวิชานางแอ่นถลาลม เขาจึงไม่ถูกบึงดูดลงไป ทั้งตัวคนกำลังวิ่งเหนือผิวน้ำประหนึ่งปุยเมฆ
เมื่อเห็นดังนั้น ถังอวี่เฟยจึงรีบยกมือขวาขึ้น ในขณะที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทำได้เพียงกังวลและภาวนา
ระยะห่างราวห้าถึงหกเมตรกับการใช้วิชานางแอ่นถลาลม ทำให้เพียงพริบตาอู๋ฝานก็สามารถเข้าถึงตัวถังอวี่เฟยได้ ก่อนจะคว้ามือเธอไว้เพื่อดึงตัวขึ้นมาสุดแรง
แน่นอนว่าถัดมาคือช่วงเวลาที่ร่างของอู๋ฝานเริ่มจมลงบึง วิชานางแอ่นถลาลมเพิ่งฝึกสำเร็จขั้นที่หนึ่ง มันยังไม่มากพอจะรองรับคนถึงสองคน
อีกทางหนึ่ง ร่างของถังอวี่เฟยก็กำลังถูกแรงของอู๋ฝานดึงขึ้นจากบึงเช่นกัน
เขาไม่กล้าหยุดเพราะตอนนี้ยังยกร่างถังอวี่เฟยขึ้นมาไม่พ้น ทำให้ต้องใช้วิชานางแอ่นถลาลมเพื่อประคองรอบตัวหญิงสาวไว้
“อู๋ฝาน ปล่อยฉันค่ะ ไม่งั้นคุณจะจมลงไปด้วย” เมื่อเห็นอู๋ฝานกำลังจมลง ถังอวี่เฟยก็ร้อนใจจนต้องพูดออกมา
“หยุดพูดก่อนครับ” อู๋ฝานเผยสีหน้าจริงจัง วิชานางแอ่นถลาลมถูกใช้งานสุดกำลัง เรี่ยวแรงที่แขนของเขากำลังเพิ่มมากขึ้น กระทั่งตะโกนเสียงดัง “ฮ่า!” ออกมาจากปาก
อู๋ฝานดึงร่างถังอวี่เฟยขึ้นมาจากบึงสุดแรง และแค่สะบัดแขนขวา ร่างของถังอวี่เฟยที่ถูกดึงตัวขึ้นก็ถูกเหวี่ยงออกไป
“รับไว้!” ทันทีที่อู๋ฝานเหวี่ยงร่างถังอวี่เฟยเข้าฝั่งก็ตะโกนเสียงดัง
ทิศทางที่ถังอวี่เฟยถูกเหวี่ยงมานั้นเป็นบริเวณที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์อยู่ เธอที่เตรียมรออยู่ก่อนแล้วจึงพร้อมเข้าคว้าตัวอีกฝ่ายที่ถูกแรงเหวี่ยงผ่านอากาศส่งตัวมา
ในขณะเดียวกัน อู๋ฝานก็จมลมในบึงไปครึ่งตัวแล้ว แต่เพราะถังอวี่เฟยถึงฝั่งบึงสำเร็จเรียบร้อยดี ชายหนุ่มจึงใช้งานวิชานางแอ่นถลาลมอีกครั้งเพื่อหยุดไม่ให้ร่างกายจมลง
“อู๋ฝาน คุณจะกลับมายังไงคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยผู้อยู่บริเวณริมบึงกำลังมองมาด้วยความกังวล
“ไม่ต้องห่วงครับ” อู๋ฝานตอบกลับ ก่อนจะพยายามขยับเท้าเล็กน้อยเพื่อใช้วิชานางแอ่นถลาลมอย่างสุดกำลัง แม้มีแรงดึงจากโคลนในบึง ร่างของเขาก็ยังสามารถทะยานขึ้นมาได้!
‘เบายิ่งกว่าขนนก!’ อู๋ฝานนึกยินดีอยู่ในใจ แต่ก็ยังไม่กล้าคลายความระมัดระวัง ตอนนี้ชายหนุ่มรีบใช้วิชานางแอ่นถลาลมต่อเนื่องเพื่อกลับไปนอกบึง
อู๋ฝานนึกโล่งใจ โชคดีที่เขาไม่ได้จมลงไปลึก ไม่เช่นนั้นก็ยากจะรู้ว่าวิชานางแอ่นถลาลมจะช่วยตนเองพ้นจากบึงได้หรือไม่ เพราะแรงดูดจากบึงโคลนแห่งนี้น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย
“อู๋ฝาน ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” หลังเห็นอู๋ฝานกลับมาเรียบร้อย คนทั้งสองจึงรีบเข้ามาสอบถาม
“ไม่เป็นไรครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบ
“อู๋ฝาน เมื่อกี้ฉันกลัวแทบตาย ฮือ!” ถังอวี่เฟยที่หยุดร้องไปแล้วรอบหนึ่ง ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาเพราะความโล่งอก ก่อนหน้านี้เธอกลัวว่าตัวเองจะต้องตายอยู่ในบึงแห่งนี้ ทั้งยังกังวลถึงความปลอดภัยของอู๋ฝาน เพราะสถานการณ์บีบเค้นผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะต้องหลั่งน้ำตาออกมา
“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไร ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว” อู๋ฝานพยายามปลอบ
ต้องรอพักหนึ่งกว่าถังอวี่เฟยจะหยุดร้องไห้
“ทางนั้นมีลำธารอยู่ ไปล้างตัวก่อนแล้วกันค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยขึ้น
สภาพตอนนี้ ครึ่งตัวของถังอวี่เฟยมีแต่โคลนเปรอะเปื้อน เรียกได้ว่าทั้งสกปรกและมีกลิ่นเหม็น เป็นสภาพที่จำเป็นต้องล้างตัวอย่างเร่งด่วน
คนทั้งสามเดินมาอีกราวสามร้อยเมตรก็ได้เห็นธารน้ำขนาดเล็ก ถังอวี่เฟยที่เห็นจึงอดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าใส่ เพราะเธอไม่อาจรอเวลาที่จะได้ล้างโคลนเหม็นตามตัวออกไป
“ระวังด้วยครับ” ทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์รีบตามติด
ถังอวี่เฟยมาถึงลำธารและเริ่มทำความสะอาดโคลนตามร่างกาย ทันใดนั้นเองที่งูพิษโผล่พรวดจากพุ่มไม้ใกล้ ๆ ร่างของมันเลื้อยเข้าหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
ถังอวี่เฟยที่เห็นก็แตกตื่น นับเป็นโชคดีที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ฝีเท้ารวดเร็ว งูพิษที่เกือบจะเข้ากัดถังอวี่เฟย เธอสามารถเหยียบสกัดเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะขยี้มันกับพื้นจนตายคาที่
“ที่นี่เป็นป่าหวงห้าม อันตรายมีอยู่รอบด้าน อย่าประมาทนะครับ” อู๋ฝานบอกกับถังอวี่เฟย
ถังอวี่เฟยพยักหน้ารับแม้ยังคงแตกตื่น ก่อนจะเริ่มหย่อนตัวลงธารน้ำด้วยความระมัดระวังและเริ่มล้างคราบโคลนตามตัว
อู๋ฝานนั่งยอง ๆ ลงข้างถังอวี่เฟยและเริ่มล้างคราบโคลนตามขาและเท้าด้วยเช่นกัน
ระหว่างล้าง อู๋ฝานเป็นฝ่ายถามขึ้น “ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
ทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เข้ามายังพื้นที่หวงห้าม ทั้งสองตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่พาใครมาด้วย แน่นอนว่ารวมถึงถังอวี่เฟย อย่างไรที่นี่ก็มีแต่อันตรายรอบด้าน ทั้งยังเป็นไปได้ว่าอาจจะพบเจอผู้ฝึกตนคนอื่น มันนับเป็นสถานที่อันตรายมากสำหรับคนธรรมดาเช่นถังอวี่เฟย
“เพราะก่อนหน้านี้รู้สึกว่าทั้งสองคนดูมีอะไรปิดบังฉัน …เพราะแบบนั้นฉันเลยคอยเฝ้าจับตามอง และบังเอิญเห็นตอนทั้งสองคนหลบสายตาคนอื่นมาที่นี่พอดี ฉันก็เลย …แอบตามหลังมาค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
“ฉลาดซุกซนดีจริง ๆ เลยนะครับ” อู๋ฝานตอบรับอย่างจนใจ “ที่นี่คือพื้นที่หวงห้าม ไม่รู้เหรอครับว่ามันอันตราย?”
ถังอวี่เฟยรู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตาอู๋ฝาน
“ตอนนี้เอายังไงดีครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม “ผมคิดว่าคุณกลับไปก่อนน่าจะดีกว่านะครับ”
“ไม่นะคะ!” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “ให้ฉันตามไปด้วยเถอะค่ะ”
“แต่ที่นี่อันตรายนะครับ” อู๋ฝานทักท้วง “เมื่อกี้คุณก็โดนกับตัวเองแล้ว ที่นี่มีอันตรายอยู่ทุกที่เลยนะครับ”
“ฉันจะเชื่อฟังค่ะ ถ้าบอกให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะทำค่ะ!” ถังอวี่เฟยตอบรับด้วยท่าทีชวนเวทนา “อย่าส่งฉันกลับออกไปเลยนะคะ”