บทที่ 1214 รัฐมนตรีผู้คิดเยอะ
บทที่ 1214 รัฐมนตรีผู้คิดเยอะ
ตามข้อมูลของระบบคือผ้าเหล่านี้ล้วนผลิตขึ้นช่วงต้นปี 90
ตอนนี้เราอยู่กลางปี 80 ตามหลักแล้ว อุตสาหกรรมยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นนั้น
ถึงประเทศอื่นจะมีอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ดีกว่าประเทศจีน แต่ของพวกนี้ก็ดีพอสู้ประเทศเหล่านั้นได้
หลังจากอ่านคำอธิบายอย่างละเอียด เธอถึงจะสบายใจ
ถึงจะคว้าแชมป์ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นที่สนใจ และสะดุดตากว่าของเดิมแน่
เธอลูบพวกมันด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้ว ราวกับมีเรื่องหนักใจ
ทางฝั่งรัฐมนตรีต้วน จู่ ๆ เหวยจวิ้นอู๋ก็นึกอะไรขึ้นได้
“รัฐมนตรีต้วน ท่านว่าเสี่ยวเถียนแบกผ้ามาต่างประเทศทำไมหรือครับ?”
เขารู้สึกแปลก ๆ ถ้าเอาเสื้อผ้าสวย ๆ มาก็ว่าไปอย่างเพราะความรักสวยรักงาม
แต่ใครมันจะแบกผ้าไปต่างประเทศด้วยกัน?
ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
รัฐมนตรีต้วนก็คิดเช่นนั้น
แถมเจ้าตัวก็ไม่บอกด้วยว่าได้มายังไง เขาเองก็ไม่ได้ถาม
หลังจากเงียบไปพักเขาก็เอ่ยขึ้น
“บางทีที่เบื้องบนบอกให้ฉันปกป้องเธอ น่าจะไม่ได้มีแค่เป็นคนมีความสามารถหายาก แต่เพราะเรื่องนี้หรือเปล่า?”
เขาคิดว่าคงเพราะเบื้องบนรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลจะต้องรั่วไหล เพื่อไม่ให้ศัตรูรู้จึงใช้วิธีลอบตีเฉินซาง*[1]
ดูเผิน ๆ เหมือนผ้าที่เหวยจวิ้นอู๋นำมาใช้ในงานนิทรรศการนี้
แต่ความจริงของที่ต้องใช้จริง ๆ อยู่ที่เสี่ยวเถียนผู้เป็นล่ามหมดแล้ว
ถึงจะไม่สมเหตุสมผล แต่เขานึกความเป็นไปได้อื่นไม่ออกแล้ว
เพราะคงไม่มีใครที่ไหนจะขนม้วนผ้าพวกนี้เพื่อเดินทางมาหลายพันลี้หรอก แล้วก็ไม่ใช่คนของโรงงานทอผ้าแต่เป็นล่ามด้วย
เหวยจวิ้นอู๋ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกถึงความเป็นไปได้
และอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย!
“ที่ท่านพูดน่าจะจริงครับ”
“แล้วท่านว่าจะมีร่างรูปแบบเสื้อผ้าด้วยหรือเปล่า?”
การออกแบบจะต่างไปกับเนื้อผ้าที่ใช้
เรายังไม่เห็นเนื้อผ้าเลยไม่รู้ว่าต่างกันมากแค่ไหน แต่ก็ยังดูแปลก ๆ อยู่ดี
ผ้าต่าง แบบย่อมต่าง
ถ้าเบื้องบนคิดไว้ขนาดนี้
งั้นเฟิงอวี้ซูจะมาเพื่ออะไรล่ะ?
ไม่รู้เบื้องบนคิดอะไรอยู่
รัฐมนตรีต้วนนวดขมับ
ทำไมจัดคนมาแบบนี้ล่ะ?
ถ้าร่างต่างกัน แล้วทำไมต้องให้เฟิงอวี้ซูมาด้วย?
แล้วใครเป็นคนร่างชุดนั้น?
คนคนนั้นอยู่ในคณะผู้แทนด้วยไหม?
หากเกิดมีปัญหาขึ้นมาจะทำยังไง?
หรือไม่เฟิงอวี้ซูก็รู้เรื่องอยู่แล้ว ร่างพวกนั้นก็เป็นผลงานเขาด้วย
ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้วละ
เหวยจวิ้นอู๋ขบคิดได้รอบคอบมาก
รัฐมนตรีต้วนดื่มชาอีกครึ่งแก้ว “หรือเสี่ยวเถียนออกแบบเป็น?”
รัฐมนตรีต้วนเป็นคนที่มั่นคงและเยือกเย็นเสมอ ทั้งยังรอบคอบมาก
แค่เวลาอันสั้นก็คิดแตกแขนงออกไปได้เรื่อย ๆ จนเหวยจวิ้นอู๋ยังคล้อยตาม
ไม่รู้ทำไมถึงคิดแบบนั้น
ถึงฟังดูไร้สาระก็เถอะ แต่เขาคิดแบบนี้จริง ๆ
มีความเป็นไปได้ว่าร่างเสื้อผ้าพวกนั้นเฟิงอวี้ซูไม่ได้ร่างให้ใหม่!
เหวยจวิ้นอู๋มองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
ไม่น่าเป็นไปได้หรือเปล่า!
เสี่ยวเถียนเพิ่งอายุเท่าไร?
แล้วจะเก่งขนาดนั้นได้ยังไง?
รู้แค่ว่าเป็นล่ามที่เก่งหลายภาษา
ทั้งยังมีผลงานวิจัยด้านเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เอาแต่คิดอยู่ทุกวันว่าจะหลอกล่อเจ้าตัวให้ไปทำงานด้วยยังไงดี
แค่นี้ก็น่าชมมาพอแล้วนะ นี่ยังเป็นดีไซเนอร์อีกหรือ?
แรงของมนุษย์มีจำกัด ถึงเด็กคนนั้นจะเก่งกว่าคนอื่น ๆ แต่ไม่มีทางเรียนรู้ทุกอย่างได้พร้อม ๆ กันหรอกนะ!
ฝ่ายซูเสี่ยวเถียนในตอนนี้กำลังออกแบบเสื้อผ้าอยู่
ช่วยไม่ได้
ถึงจะไม่รู้ว่าเราจะนำเสนออะไร แต่คิดว่าคงเป็นกี่เพ้า
เพราะมันเป็นชุดที่รู้จักในฐานะชุดที่รวบรวมความอ่อนโยนและความงดงามของหญิงจีนได้ดีที่สุด
แล้วยังเป็นชุดที่ตัวแทนการแต่งกายของเราด้วย
ทว่าข้อกำหนดบอกว่าต้องทำสามชุด
จากบทสนทนาเธอคิดว่าแบบที่เราจะทำคงโดนลอกเลียนแบบไปแล้วละ
ไม่รู้มีกี่ชุดที่โดน หรือโดนทั้งหมดก็ไม่รู้
หลังจากใช้ความคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจออกแบบ ‘กระโปรงหม่าเมี่ยน’
กระโปรงหม่าเมี่ยนหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘กระโปรงจีบหม่าเมี่ยน’ เป็นหนึ่งในกระโปรงดั้งเดิมของจีน หน้าหลังจะมีตัวผ้าหลักที่ไม่มีจีบสี่ผืน โดยจะมีสองชั้นซ้อนกัน ผ้าหลักส่วนนอกจะปักลวดลาย ผ้าหลักส่วนในอาจปักหรือไม่ก็ได้ กระโปรงหม่าเมี่ยนจะมีจีบข้าง ตัวกระโปรงทำจากผ้าสีขาวซึ่งมีความหมายว่าแก่เฒ่าไปด้วยกัน และจากนั้นก็ผูกปมด้วยเชือก
แน่นอนว่าสำหรับยุคนี้ชุดนั้นแทบไม่มีอยู่แล้ว
เธอคิดว่ามีเหตุผลที่ทำให้กระโปรงหม่าเมี่ยนเฟื่องฟูในราชวงศ์หมิงและชิง
แต่ว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำเหมือนต้นฉบับหรอก แต่จะทำให้มันสามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้
หลังจากนั้นก็ลงมือแก้ทันที เปลี่ยนจากความยาวถึงพื้นสั้นขึ้นมาปานกลาง และเปลี่ยนตัวเสื้อด้วย
[1] วิธีลอบตีเฉินซาง หมายถึงยุทธศาสตร์ที่หลอกล่อศัตรูให้หลงงงงวยเบื้องหน้า แต่โจมตีอย่างฉับพลันในแนวข้างแทน คล้ายกับสำนวนของไทยว่า น้ำลอดใต้ทราย