ตอนพิเศษ 29-2 ท่านแม่มาแล้ว จับแขวนเฆี่ยนตี
สุดท้ายหลิงจือจึงเลือกเจดีย์วิเศษ
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ค้นเจอหน้าไม้อันหนึ่งจากถุงเฉียนคุนของผู้ฝึกตนมาร จากนั้นนางก็เงยหน้ามองไปด้านบน “นี่ คนนั้นน่ะ พวกเขาสลบกันหมดแล้ว เจ้าก็เลือกอาวุธวิเศษไปด้วยสิ”
“เจ้าพูดกับใครนะ” หลิงจือมองนางด้วยความงุนงง
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ “ศิษย์ของสำนักว่านเซี่ยง เขาถูกปีศาจตนนั้นจับตัวไป ข้าช่วยเขากลับมาได้”
หลิงจือชี้ไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สิ้นสมประดีอยู่ในมุมหนึ่งของหลุมลึก “ศิษย์สำนักว่านเซี่ยง…ไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรือ”
สีหน้าเด็กสาวรากปราณสวรรค์พลันเปลี่ยน!
หลิงจือนึกบางอย่างได้ทันที สายตานางแข็งกร้าว “เวยเวย!”
พอสิ้นเสียงนาง ทางด้านบนก็มีเสียงโอหังของสตรีหัวเราะราวกับมารร้าย “อ๊าฮ่าๆๆๆๆ…. ฮ่าๆๆๆๆ…”
เสียงหัวเราะนั่นทั้งแหลมสูงทั้งบาดหู ทั้งโอหังและร้ายกาจ เต็มไปด้วยแววเสียดสีและเยาะหยัน เล่นเอาคนฟังขนลุกไปทั้งตัว!
หลิงจือรีบกระโดดขึ้นไป แต่นางยังไม่ทันกลับไปถึงข้างบน บนฟ้าก็มีตาข่ายเงินส่องประกายอันใหญ่ตกลงมา
ในตาข่ายที่พลังสายฟ้าฟาดแฝงอยู่ หลิงจือพอถูกเข้า ก็ถูกกระแสสายฟ้าเล่นงานทันทีจนตัวชาไปครึ่งซีก!
หลิงจือตกกลับลงไป!
เด็กสาวรากปราณสวรรค์สองมือประสานอินเข้าโจมตีตาข่ายอันนั้น แต่ตาข่ายที่ดูเหมือน “เต็มไปด้วยรูรั่ว” กลับไม่ปล่อยให้น้ำสักหยดกระเด็นออกไป!
นี่ยังไม่เลวร้ายที่สุด ที่เลวร้ายที่สุดคือผู้ฝึกตนที่สลบอยู่ในหลุมฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนกลับไปอยู่ในอาการไร้สติสัมปชัญญะ เข้ามาโจมตีหลิงจือกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์ด้วยหน้าตาท่าทางดุดัน
หลุมใหญ่นี้มีขนาดเท่ากับลานเล็กๆ หากโยนยาเม็ดปราณสายฟ้าไป พวกนางสองคนคงถูกระเบิดจนตัวไหม้ไปด้วย
แล้วหากไม่โยนยาเม็ดปราณสายฟ้าจะทำอย่างไร
พวกนางสู้ผู้ฝึกตนมากเพียงนี้ไม่ไหว!
“กริชที่ศิษย์พี่อวี๋ให้เจ้าไว้เล่า” เด็กสาวรากปราณสวรรค์ถาม
“เจ้าคิดจะทำอะไร” หลิงจือมองอีกฝ่ายด้วยความระแวง
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ “กริชเล่มนั้นไม่ใช่ว่ารุนแรงจนทำระฆังทองแตกได้หรือ”
หลิงจือขมวดคิ้ว “เจ้าคิดจะฆ่าพวกเขา? เจ้าบ้าไปแล้วหรือ พวกเขาแค่ถูกคนควบคุมอยู่เท่านั้นนะ!”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าก็อยากอยู่หรอก แต่เจ้ากล้าลงมือหรือ”
หลิงจือย่อมไม่กล้า อย่าว่าแต่กฎของการประลองไม่อนุญาตให้ทำร้ายกันถึงชีวิตเลย ต่อให้ไม่มีกฎข้อนั้น นางก็ไม่มีทางทำให้คนอื่นสมประสงค์เด็ดขาด… ปีศาจตนนั้นคิดจะยั่วยุให้เกิดการต่อสู้ระหว่างสำนัก หากนางฆ่าพวกเขาจะไม่เท่ากับเป็นไปตามแผนมารตนนั้นหรือ!
เด็กสาวรากปราณสวรรค์มองผู้ฝึกตนที่ดูจะอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ นางกำมือแน่น “ข้าจะขวางพวกเขาไว้ เจ้าใช้กริชเล่มนั้นของเจ้าลองกับตาข่ายนั่นที”
หลิงจือพยักหน้า ชักกริชที่เอวออกมา ทะยานตัวพุ่งเข้าใส่ตาข่ายทางด้านบน
ตาข่ายด้านบนไม่รู้ทำขึ้นจากอะไรถึงได้เต็มไปด้วยพลังปราณสายฟ้าจำนวนมหาศาล อาวุธวิเศษทั่วไปเวลาเจอกับพลังปราณสายฟ้าจะสูญเสียฤทธิ์ของตัวมันไปชั่วคราว กริชเล่มนี้ถึงแม้จะร้ายกาจนักแต่หลิงจือกลับไม่มั่นใจเอาเสียเลย
หลิงจือเตรียมพร้อมจะถูกสายฟ้าดูดอีกครั้ง ไหนเลยจะคิดว่าจะได้ยินเสียงดังแขว่ก ตาข่ายใหญ่ฉีกขาดจริงๆ!
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ซัดผู้ฝึกตนคนหนึ่งจนกระเด็กไป นางกัดฟันคิดในใจว่าอวี๋เจี๋ยให้อาวุธอะไรกับยัยเด็กนี่กันแน่ ถึงได้ร้ายกาจเพียงนี้!
หลังจากตาข่ายถูกตัดขาดไปแล้ว ทั้งสองก็เดินพลังปราณทะยานขึ้นสู้พื้นดิน
หลิงจือหันไปมองทางเฉียวเวยเวยทันที แล้วก็ได้เห็นร่างสีขาวเงินของสตรีกระโดดขึ้นกิ่งไม้ไปอย่างรวดเร็ว
หลิงจือตกใจจนหน้าถอดสี “แย่แล้ว นางจับตัวน้องสาวข้าไป! ยาเม็ดปราณสายฟ้าของเจ้าเล่า รีบระเบิดใส่นางเร็ว!”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ตะลึงค้าง “น้องสาวเจ้ามาด้วยหรือ”
หลิงจือ “อย่าพูดมากน่ะ! ยาเม็ดปราณสายฟ้าเล่า”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ไม่อยากเสียยาเม็ดปราณสายฟ้าที่นี่จริงๆ แต่หากนางไม่ทำ หลิงจือคงได้แตกหักกับนางแน่ เวลานี้นางกับหลิงจือเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน พวกนางแยกจากกันไม่ได้
นางกัดฟันกรอด โยนยาเม็ดปราณสายฟ้าเม็ดสุดท้ายออกไป
สตรีในชุดขาวเงินอ้าปากกลืนยาเม็ดปราณสายฟ้าลงท้องไป นางกลืนลงไปโดยไม่ลังเลสักนิด หลับตาพริ้มอย่างดื่มด่ำ
ทั้งสองพากันตะลึงค้าง ยาเม็ดปราณสายฟ้าไม่ใช่ใครก็สามารถรับมือได้ ต่อให้เป็นผู้ประเสริฐในชั้นบรรลุญาณก็ยังไม่กล้าหลับหูหลับตากลืนลงไปเช่นนี้ ปีศาจนางนี้เป็นเซียนวิเศษมาจากไหนกันแน่!
แต่ทั้งสองไม่มีเวลาคิดมากนัก สตรีนางนั้นกางกรงเล็บมารใส่เฉียวเวยเวยที่หลับสนิทแล้ว
หลิงจือกำกริชแน่น ทะยานขึ้นไปทันที!
สตรีนางนั้นกางข่ายอาคมออกมาชั้นหนึ่ง
กริชของหลิงจือกลับฟันข่ายอาคมนั้นจนขาด
สตรีนางนั้นอึ้งไปเล็กน้อย สายตามองไปยังกริชในมือหลิงจือ “เกล็ดมังกรหรือ มิน่าเล่า”
หลิงจือฟังไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดอะไร วาดกริชใส่แขนนางอย่างดุดัน!
สตรีนางนั้นคว้าข้อมือหลิงจือไว้ได้อย่างสบายๆ บนใบหน้าที่งดงามเย้ายวนวิญญาณมีรอยยิ้มมารเสน่ห์ปรากฏขึ้น “แม่หนูน้อย หากคิดจะลอบทำร้ายข้า ไปฝึกมาก่อนจะแปดร้อยปีพันปีแล้วค่อยว่ากัน”
แปด แปดร้อยปี พันปี… สตรีนางนี้…
หลิงจือตะลึงค้าง
ไม่รอให้ตั้งสติได้ รูปร่างเพรียวบางของสตรีนางนั้นก็พลันสั่น หางจิ้งจอกสีขาวหิมะฟาดเข้าใส่หลิงจือ
หลิงจือถูกหางฟาดใส่จนกระเด็นไป
สตรีนางนั้นยิ้มเย้ายวน อุ้มเฉียวเวยเวยที่หลับสนิทขึ้นมา จากนั้นร่างกายก็แวบหายไปจากขอบฟ้ายามราตรี
บนเนินเขาฝั่งตรงข้าม บุรุษหนุ่มในเสื้อคลุมมีหมวกกับผู้ฝึกตนหนุ่มที่มีผมสีแดงเพลิงยืนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง คอยมองสตรีนางนั้นที่หายไปจากที่ไกลๆ
ผู้ฝึกตนหนุ่มเอ่ยว่า “นายน้อย เหตุใดปีศาจจิ้งจอกต้องจับตัวเด็กผู้นั้นไปด้วย”
บุรุษผู้นั้นยิ้มบางๆ “เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ นางต่างหากที่เป็นมังกรละอ่อนน้อยตัวจริง”
ผู้ฝึกตนหนุ่มตกใจ “ฉือเฟิงไม่ได้บอกว่า…เป็นเจ้าเด็กคนนั้นหรือ”
บุรุษผู้นั้นเอ่ยอย่างไม่ใสใจ “ฉือเฟิง ฉือเฟิง หากเขามีความสามารถที่แท้จริงสักนิด คงไม่ตายอยู่ข้างนอกโดยไม่บอกกล่าวอะไรข้าสักคำแล้ว!”
ผู้ฝึกตนหนุ่มดูจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับฉือเฟิง เขาแก้ตัวแทนให้ฉือเฟิงว่า “วันนั้นยอดฝีมือของสำนักเชียนหลันล้วนไปที่เขาหมิงหวังกันหมด ฉือเฟิงต้องสู้เพียงลำพัง”
บุรุษผู้นั้นไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
ผู้ฝึกตนหนุ่มพูดต่อว่า “นายน้อย ในเมื่อนางที่เป็นมังกรน้อย พวกเราจะไปชิงตัวนางกลับมาหรือไม่”
บุรุษผู้นั้นเอ่ยว่า “เหตุใดต้องชิงกลับมา”
ผู้ฝึกตนหนุ่ม “นายน้อยไม่ได้ตามหานางมาตลอดหรือ”
บุรุษผู้นั้นหัวเราะหึหึ “ที่ข้าตามหานางก็เพื่อจะกำจัดนางทิ้ง เวลานี้เรื่องนี้มีปีศาจจิ้งจอกจัดการให้แทนแล้ว นายน้อยอย่างข้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับเรื่องนี้แล้ว”
…