มหาพรตยกลูกโลกวิญญาณล่วงลับที่ลอยอยู่เหนือฝ่ามือขึ้น พลางพิจารณาแสงประหลาดที่ส่องออกมาจากลูกโลกนั้น ดวงตาที่สั่นระริกอยู่ภายใต้หน้ากากเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของการสูญเสีย
เสียงของนางที่สะท้อนไปทั่วท้องฟ้านิ่งขึงกดต่ำ ทุกคนที่ได้ยินล้วนพากันตัวสั่นไปตามๆ กัน
เมื่อองครักษ์โลหิตที่ถูกลูกโลกวิญญาณล่วงลับซัดจนถอยไกลออกไปได้ยินคำยืนยันจากมหาพรต ม่านตาของเขาก็พลันหดแคบ เขาสูดลมเย็นเข้าปอด ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ว่าอย่างไรนะ ท่านมหาพรตกล่าวว่าอย่างไรนะ
ท่านปรมาจารย์อาวุโสสิ้นชีพแล้วเช่นนั้นหรือ
เป็นไปได้อย่างไรกัน ท่านปรมาจารย์อาวุโสมีพลังปราณแก่กล้ามาก เขาจะเสียชีวิตได้อย่างไร
“จงปกป้องหอคอยศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ให้ดี เราจะออกจากเมืองชายแดนในอีกไม่ช้าเพื่อทำให้ลัทธิอสุรากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อลัทธิของเรากลับมาผงาดได้ดังเดิม เราจะต้องแก้แค้นคนที่บังอาจสังหารท่านปรมาจารย์อาวุโสให้จงได้” เสียงแผ่วเบาของมหาพรตลอยมาเข้าหูองครักษ์โลหิต เท้าที่เหมือนหยกสวยของนางเหยียบไปบนอากาศ มือถือลูกแก้วสีเทาเอาไว้ นางทิ้งคลื่นกระจายเป็นวงกว้างขณะก้าวกลับไปยังหอคอยสีดำ
องครักษ์โลหิตจับจ้องหอคอยสีดำไม่วางตา จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก
….
ความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวและนานเหมือนสิ้นอสงไขยเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกใบนี้
ตอนนี้ไป๋จ่านกำลังรู้สึกเช่นนี้อยู่ ทั้งยังอับอายพอสมควร
ปู้ฟางยิ้มเล็กน้อยพลางมองไป๋จ่านที่ดูอับจนด้วยคำพูด โอวหยางเสี่ยวอี้เองก็เอียงคอมองไป๋จ่านเช่นกัน ส่วนจ่านคงนั้นเบนหน้าหนีไปมองทางอื่นเพื่อหลบสายตาของคนทั้งสอง ร้านตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ในอากาศเท่านั้น
ใบหน้าของไป๋จ่านค่อยๆ แดงขึ้นเพราะความหัวเสีย
‘ท่านล้มเจ้าดำได้หรือไม่’
หกพยางค์นี้ยังก้องอยู่ในใจของเขา ข้าล้มเจ้าดำได้หรือไม่น่ะหรือ
ได้ก็บ้าแล้ว…
นั่นมันอสูรเวทขั้นเซียนเทพที่สังหารผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชั้นกลางอีกคนตายคาที่ แม้ไป๋จ่านจะเป็นขั้นเซียนเทพเช่นกัน แต่เขาทำได้ดีที่สุดก็แค่ต่อสู้อย่างสูสีกับปรมาจารย์อาวุโสเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสังหารปรมาจารย์อาวุโสให้ตายได้
ในเมื่ออสูรเวทตัวนี้สังหารปรมาจารย์อาวุโสได้ ก็แปลว่ามันสามารถสังหารเขาได้เช่นกัน
แล้วเขาล้มเจ้าดำได้หรือไม่น่ะหรือ
แน่นอนว่า… เป็นไปไม่ได้อย่างไรเล่า
“แค่ก แค่ก... แม่หนู แต่ท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นเป็นอสูรเวท เขาสอนหรือแนะนำเจ้าไม่ได้ ข้ามาจากสำนักเมฆาขาว…”
“หากท่านล้มเจ้าดำไม่ได้ แล้วเหตุใดข้าต้องรับท่านเป็นอาจารย์ด้วย”
โอวหยางเสี่ยวอี้กลอกตาใส่ไป๋จ่านอีกครั้ง นางดูหัวเสียไม่เลิก
ไป๋จ่านรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะระเบิดร้องไห้ออกมาเร็วๆ นี้ เขาคิดว่าอีกไม่นานตนจะต้องกลายเป็นจินคุนสองแน่ๆ หลายต่อหลายคนในทวีปนี้อยากให้เขารับตนเป็นศิษย์แทบตาย แต่แม่หนูนี่กลับทำตัวตรงกันข้าม กลายเป็นเขาต้องมารอและพูดโน้มน้าวจิตใจให้อีกฝ่ายรับเขาเป็นอาจารย์ไปเสียได้
เหตุใดมันจึงต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้หนอ
“ข้าฝึกปราณที่ร้านเถ้าแก่ปู้ได้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องรับคำแนะนำจากท่าน”
สุดท้ายโอวหยางเสี่ยวอี้ก็บอกไป๋จ่านไปว่านางตัดสินใจอย่างไร
ไป๋จ่านมองปู้ฟางก่อนจะหันกลับไปมองโอวหยางเสี่ยวอี้อีกครั้ง สีหน้าของเขาอ่านยากขึ้น คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะกลายเป็นเส้นตรงเส้นเดียว
“พอแค่นี้ก็แล้วกัน ในเมื่อเสี่ยวอี้ไม่อยากไปเป็นศิษย์เจ้า เจ้าก็ควรกลับไปเสีย”
ปู้ฟางที่เอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นยืนนี้ แล้วค่อยๆ เดินเข้ามาหาไป๋จ่าน พลางบอกให้อีกฝ่ายกลับไปด้วยน้ำเสียงสงบ
ไป๋จ่านกำลังจะพูดอะไรเพิ่ม แต่ปู้ฟางดูเหมือนจะไม่อยากฟังอีกต่อไปแล้ว เขาลูบศีรษะโอวหยางเสี่ยวอี้แล้วหันหลังกลับพลางมุ่งหน้าไปทางห้องครัว
ไป๋จ่านรับความจริงที่ว่าเขาถูกโอวหยางเสี่ยวอี้ปฏิเสธไม่ได้ เขายังไม่อยากออกจากร้านและละล้าละลังอยู่เป็นนาน แต่สุดท้ายเขาก็นึกวิธีการโน้มน้าวโอวหยางเสี่ยวอี้ไม่ออก เขารู้ว่าตนเองชิงตัวโอวหยางเสี่ยวอี้ไปโดยการใช้กำลังไม่ได้ เนื่องจากต้องถูกอสูรเวทหน้าร้านอัดเละแน่นอน
สุดท้ายแล้วไป๋จ่านก็ทำได้เพียงทิ้งผลึกค่าอาหารเอาไว้ ก่อนจะเดินนำจ่านคงออกจากร้านไป
แม้เขาจะไม่อยากยอมรับว่าตนเองถูกปฏิเสธ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
ทันทีที่ไป๋จ่านออกจากร้านไป เสียงของระบบก็ดังขึ้นในศีรษะของปู้ฟาง
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านด้วยที่ทำภารกิจระยะสั้นเสร็จสิ้น ระบบกำลังเพิ่มระดับความสามารถขึ้น และจะดำเนินการออกรางวัล…”
ปู้ฟางหยุดเดินทันที ริมฝีปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าอาหารสองสำรับเมื่อครู่นี้จะทำให้เขาได้รายรับพอให้ระบบเลื่อนระดับขึ้นพอดิบพอดี ระบบที่ดีขึ้นนั้นทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอันมาก เนื่องจากทุกครั้งที่ระบบพัฒนาขึ้น ขั้นปราณของเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ปู้ฟางเข้าไปในระบบเพื่อเริ่มอ่านหน้าสรุป
นายท่าน: ปู้ฟาง
ระดับพลังปราณเที่ยงแท้: ระดับเจ็ด (สามารถใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการกระตุ้นวัตถุได้ ในฐานะชายที่จะก้าวมาเป็นพ่อครัวเทพในโลกแห่งจินตนาการแห่งนี้ เส้นทางเบื้องหน้านายท่านจะยิ่งยากและต้องใช้ความสามารถมากขึ้นในการพิชิต ตั้งใจฝึกฝนเข้าละ พ่อหนุ่ม)
พรสวรรค์ในการทำอาหาร: สามดาว
ทักษะ: ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกระดับสอง (100/100) ทักษะการแกะสลักกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ระดับหนึ่ง (80/100)
อุปกรณ์: มีดทำครัวกระดูกมังกรทอง (อุปกรณ์พ่อครัวเทพ) กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ (อุปกรณ์พ่อครัวเทพ)
คะแนนรวมการเป็นพ่อครัวเทพ: พ่อครัวระดับกลาง (ทักษะในการทำอาหารของท่านพัฒนาขึ้นอีกขั้น จนสามารถเรียกตนเองว่าพ่อครัวมืออาชีพได้อย่างเต็มปากแล้ว ระดับการใช้มีดและการแกะสลักของท่านก็สูงขึ้นเช่นกัน เส้นทางการเป็นพ่อครัวเทพสำหรับท่านเปิดออกแล้ว)
ระดับของระบบ: เจ็ดดาว (รายรับทั้งหมดจะถูกแปลงหน่วยเป็นพลังปราณ)
รางวัลจากระบบ: สูตรการทำพระกระโดดกำแพงระดับปุถุชน เสี้ยวหนึ่งของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ (1/3)
ระบบพัฒนาขึ้นเหมือนที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด พลังปราณของเขาเองก็บรรลุเป็นระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการแล้วเช่นกัน หลังจากที่ติดอยู่ที่ระดับหกมานานแสนนาน ในที่สุดปู้ฟางก็บรรลุขั้นปราณกับเขาบ้างเสียที
พรสวรรค์ในการทำอาหารของเขาขึ้นไปอยู่ที่ระดับสามดาว ทำให้เขามองเห็นอะไรได้อย่างชัดเจนทะลุปรุโปร่งยิ่งขึ้น ปู้ฟางสามารถแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่ขบคิดมานานได้ทันที
คำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำอาหารที่เขามีนั้น ตอนนี้ตอบได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากก็ไม่ปาน
“พ่อครัวระดับกลาง…” ปู้ฟางหยีตา รู้สึกสนใจชื่อนี้ขึ้นมา
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมากที่สุดคือระดับของระบบที่พัฒนาขึ้น ตอนนี้ระบบของเขาอยู่ที่ระดับเจ็ดดาวแล้ว และการแปลงหน่วยจากรายรับมาเป็นพลังปราณก็อยู่ที่ร้อยละร้อย
ร้อยละร้อย… ดวงตาของปู้ฟางเป็นประกายขึ้นทันทีเมื่อเห็นอัตราการแปลงหน่วย นี่แปลว่ารายรับทั้งหมดของเขาจะถูกแปลงมาเป็นขั้นพลังปราณ
ถือเป็นข่าวที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องดีใจจนเนื้อเต้น
“เถ้าแก่ปู้…”
เซียวเสี่ยวหลงมองปู้ฟางที่ยืนเหม่อตรงหน้าประตูห้องครัวอยู่นานสองนาน ดวงตาของเขาว่างเปล่าจนไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าของเขาไร้อารมณ์แต่กลับมีรอยยิ้มประหลาดอยู่บนใบหน้า
รอยยิ้มน่าขนลุกนั้นทำให้เซียวเสี่ยวหลงตัวสั่นเทิ้ม เขาคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าในตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน
ทันทีที่ปู้ฟางเรียกสติตนเองกลับมาได้ เขาก็หันไปมองเซียวเสี่ยวหลง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงสงบ
“วันนี้ร้านปิดแล้ว รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถิด”
เมื่อเซียวเสี่ยวหลงได้ยินสิ่งที่ปู้ฟางพูดก็อึ้งไป วันนี้เถ้าแก่ปู้ไม่อยากให้เขาฝึกซ้อมวิชาการใช้มีดกับการแกะสลักหรือนี่
แต่ในเมื่อปู้ฟางบอกให้กลับบ้านไปพักผ่อน ชายหนุ่มก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เนื่องจากเขาเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของบิดาเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงบอกลาปู้ฟางโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วออกจากร้านไปพร้อมโอวหยางเสี่ยวอี้
เมื่อทั้งสองจากไปเรียบร้อย ปู้ฟางก็รอให้ถึงเวลาร้านปิดแล้วปิดประตูทันทีที่หมดเวลาทำการ เนื่องจากอยากรีบทดสอบระบบที่เพิ่งได้รับการเลื่อนขั้น
หลังจากที่บรรลุปราณขั้นนักพรตยุทธการ ปู้ฟางก็รู้สึกราวกับร่างกายของเขามีกระแสพลังที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นกระแสพลังเดียวกับที่ก่อนหน้านี้เขาเคยรู้สึกได้จากตัวของเซียวเหมิงและคนอื่นๆ
แม้ปู้ฟางจะไม่ได้ฝึกวิชาการต่อสู้ใดๆ ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองแข็งแกร่งขึ้น เมื่อระบบเพิ่มขั้นปราณให้เขา ทั้งระดับพลังปราณเที่ยงแท้และความแข็งแกร่งด้านร่างกายของชายหนุ่มก็พัฒนาไปสู่ขั้นนักพรตยุทธการด้วยเช่นกัน
พัฒนาการนี้มีประโยชน์มากสำหรับเขา เนื่องจากหากร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ชายหนุ่มจะสามารถใช้ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกได้อย่างเชี่ยวชาญและง่ายดายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นปู้ฟางยังรู้สึกได้ว่าทักษะการใช้มีดของเขากำลังจะได้รับการยกระดับในอีกไม่ช้านี้
ด้วยความที่ตอนนี้พลังปราณของเขาอยู่ในระดับที่สูงขึ้น อีกทั้งพรสวรรค์ด้านการทำอาหารยังเพิ่มพูนขึ้นด้วย ชายหนุ่มจึงรู้สึกเหมือนทักษะการใช้มีดฝนดาวตกระดับสองของเขาในตอนนี้ไม่เพียงพอต่อการใช้งานอีกต่อไป
“แถมระบบยังมอบอุปกรณ์พ่อครัวเทพอีกเสี้ยวหนึ่งให้เป็นรางวัลด้วย เหมือนที่ข้าคิดเอาไว้ไม่มีผิด อุปกรณ์พ่อครัวเทพนี้ไม่ได้มีแค่มีดทำครัวกระดูกมังกรทองและกระทะกลุ่มดาวเต่าดำจริงๆ”
หลังจากคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดเสร็จ เขาก็หันไปสนใจอาหารจานใหม่ที่เพิ่งได้รับมา
ปู้ฟางคุ้นเคยกับอาหารจานนี้ดีเนื่องจากมันเป็นอาหารที่โด่งดังพอตัว พระกระโดดกำแพงเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงในโลกที่เขาเคยอยู่
“ระบบ ทำไมพระกระโดดกำแพงนี่ถึงเป็นระดับปุถุชนล่ะ” ปู้ฟางเอ่ยถามระบบ
“พระกระโดดกำแพงมีทั้งหมดสองระดับด้วยกัน ระดับปุถุชนและระดับอรหันต์ อาหารจานนี้ต้องใช้วัตถุดิบที่คัดมาอย่างเข้มงวด ความแตกต่างระหว่างระดับปุถุชนและระดับอรหันต์นั้นอยู่ที่ระดับของวัตถุดิบที่เลือกใช้ รายละเอียดการทำพระกระโดดกำแพงระดับปุถุชนและระดับอรหันต์เองก็แตกต่างกันมากเช่นกัน” ระบบชี้แจง
ปู้ฟางคิดอยู่สักพักก่อนจะเข้าใจ ดูเหมือนว่าพระกระโดดกำแพงระดับปุถุชนนี้จะเป็นอาหารระดับต่ำของรายการนี้ ด้วยความที่ระดับต่ำกว่า วัตถุดิบในการทำจึงมีระดับที่ต่ำกว่าด้วยเช่นกัน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทักษะที่เขามีในตอนนี้ไม่เพียงพอต่อการทำพระกระโดดกำแพงระดับอรหันต์ เรื่องนี้น่าสนใจแท้ ดูเหมือนว่าอาหารที่ระบบให้จะมีหลายระดับแม้จะเป็นรายการเดียวกัน
ปู้ฟางรู้สึกสนใจเรื่องนี้พอตัวเลยทีเดียว
หลังจากคิดทบทวนเรื่องนี้เสร็จปู้ฟางก็เดินเข้าครัวไป เนื่องจากพรสวรรค์การทำอาหารของเขาได้รับการเลื่อนระดับขึ้น ชายหนุ่มจึงตั้งใจจะทำอาหารบางจานออกมาเพื่อดูว่ามีสิ่งใดพัฒนาขึ้นบ้าง ผลคือทั้งรสชาติและกลิ่นของอาหารที่เขาทำนั้นดีขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ปู้ฟางไม่ได้คาดคิดแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ปู้ฟางยังสามารถใช้ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย เหมือนกับว่าทักษะนี้ได้กลายเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับเขาไปแล้ว ไม่ต่างอะไรจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำแม้แต่น้อย
พรสวรรค์การทำอาหารที่เลื่อนระดับขึ้นทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจมากที่สุด
หลังจากที่ฝึกซ้อมอยู่สักพักปู้ฟางก็เดินกลับห้องไป เขาแช่น้ำอุ่นจากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำมาทั้งที่ผมยังเปียก ทันใดนั้นเสียงระบบก็ดังขึ้นในหัว
“ภารกิจฉุกเฉิน: ‘นำเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์มาครอบครองให้จงได้’ จะเริ่มขึ้นในอีกสามวัน พิกัดที่เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์อุบัติขึ้นจะปรากฏขึ้นในแผนที่อาหารต่างโลก ขอให้นายท่านจงเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมเพื่อไปเก็บเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด”
“เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์ปรากฏขึ้นแล้วที่ดินแดนแสนภูผา”