ตอนที่ 154 เจ้าปราชญ์บ่อหยก ราชาสวรรค์แซ่ซ่ง
กลางหินผาภูเขาแดง สายลมรุนแรง สององค์ชายยืนเคียงข้างกัน ชุดคลุมดำกับชุดคลุมขาวสะบัดไปพร้อมกัน มองทิวทัศน์นอกหินผาไกลๆ
สัตว์ปีศาจดำมืด นอกจากพวกนั้นที่กองรวมที่ตำหนักสุสานยักษ์แล้ว ที่เหลือหลั่งไหลไปภูเขาแดง ก่อนระเบิดนอกครึ่งลี้โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ สาดกระจายเป็นดอกไม้เลือด
“คนแซ่หนิงนั่น…โดดออกไปรึ”
หลี่ไป๋หลินมีสีหน้าไม่ดีนัก ใต้ดวงตามีเงามืดเสี้ยวหนึ่ง สัตว์ปีศาจข้างนอกเต็มไปหมด แต่ใบหน้าเขากลับไม่มีความลนลานเลย
บัลลังก์จักรพรรดิมังกรแท้ที่ถูกฟัน เศษหินแตก บ้างยังวนใต้เท้าสององค์ชาย บ้างถูกลมหวนพัด ตกหน้าผาขาดภูเขาแดง
ไข่มุกเชื่อมสวรรค์ข้างหลังสองคนถูกแรงกระเทือนจากภูเขาแดงไม่หยุดจนแตก ไม่ใช่แค่ไข่มุกเชื่อมสวรรค์ ทั้งเส้นทางภูเขาแดง รวมถึงค่ายกลมากมายล้วนถูกทำลายลง นี่หมายความว่าธุรกิจภูเขาแดงที่ต้าสุยลำบากทำมาตลอดร้อยปีพันปีนี้กลายเป็นฟองอากาศ…
หลี่ไป๋หลินใช้เวลาหลายลมหายใจบอกตนเองอย่างลำบากว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นความจริง เมื่อเขามาถึงรูแตกของภูเขาแดง ก็เห็นเด็กหนุ่มนั่นกอดนกลายทองของตนบินออกจากภูเขาแดง ขณะตกลงไปก็ยังกางร่มกระดาษมัน
ตัวอยู่ตรงกลางหินภูเขา การมองเห็นของหลี่ไป๋หลินถูกคลื่นสัตว์ปีศาจบดบัง ร่างเงาที่ดูเหมือนคู่รักเทพเซียนนั่น ไม่นานก็หายไปจากสายตา นี่หมายความว่าอย่างไร…หมายความว่าแผนการที่หลี่ไป๋หลินเหนื่อยยากมาอาจจะถูกคนแซ่หนิงทำลาย!
สวีชิงเยี่ยนคือตัวเชื่อมที่สำคัญที่สุดในแผนการของตน…หลังจบวันล่าเหยื่อ เขาจะส่งเข้าวังด้วยตัวเอง ส่งให้เสด็จพ่อ คนแซ่หนิงช่างกล้าหาญยิ่งนัก พาเนื้อต้องห้ามของตนโดดลงภูเขาแดง ดูท่าจะบินไปได้ไกลสักเพียงใด หลี่ไป๋หลินหน้าดำมืด มังกรมีเกล็ดย้อน ถ้าแตะโดนจะโกรธ หนิงอี้ยั่วโทสะเขามาหลายครั้งแล้ว มีเพียงครั้งนี้ที่เขาทนไม่ไหวจริงๆ
องค์ชายรองที่ยืนข้างหลี่ไป๋หลินมีสีหน้าไม่ดีเช่นกัน เพียงแต่ในสายตาหลี่ไป๋จิงมีความครุ่นคิดเพิ่มมาสามส่วน เขากำลังวางแผนการในใจช้าๆ…อาจารย์ของตนใช้พลังบำเพ็ญขอบเขตที่สิบลงมือ แต่หนิงอี้กลับหนีไปได้หรือ หลังเข้าภูเขาแดง องค์ชายรองก็ไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้อยู่ลึกๆ ว่าหากไม่เกิดเหตุไม่คาดคิด อาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานนามหนิงอี้คนนี้คงกลายเป็นไส้ตะเกียงในหลอดแก้วแดนบูรพาไปแล้ว
แรงโทสะไม่อาจซ่อนใต้ดวงตาได้ หลี่ไป๋หลินกำหมัด เขาสัมผัสได้ว่าแสงดาราในกายตนคืนชีพแล้ว เขายืนอยู่ตรงทางขาดหินผา เตรียมจะกระโดดลงไป ลงมือล่าสังหารหนิงอี้ที่ภูเขาแดงด้วยตนเอง
เขายังไม่ทันได้ทำอะไร ภูเขาแดงก็เกิดเสียงดังสนั่น สุสานยิ่งใหญ่นั้นพุ่งทะลวงพื้นดินขึ้นมาบนพื้นอย่างรวดเร็ว
การคืนชีพของสิงโตโบราณนั่นทำให้หลี่ไป๋หลินหน้าสั่น หยุดความบุ่มบ่ามที่จะกระโดดลงภูเขาแดง
แววตาองค์ชายสามแปลกไปเล็กน้อย
เขาพลันเข้าใจเหตุผลของภูเขาแดงสั่นสะเทือนและสัตว์ปีศาจคลุ้มคลั่ง ก่อนจะนึกไปถึงหนิงอี้โดดลงจากจุดแปลก ตกลงตรงหน้าตนด้วยสภาพอนาถ เรื่องพวกนี้…เกรงว่าคงเป็นฝีมือของคนแซ่หนิง
เขามองทอดไกล เมฆดำกดดันภูเขาแทบโค่น สองคนที่ดูเหมือนลอยอยู่บนเมฆพลันถูกเงาของสัตว์ปีศาจจมหายไป นี่ทำให้หลี่ไป๋หลินเป็นกังวลเล็กน้อย…หนิงอี้ตายไปจะดีที่สุด จะได้เสร็จสิ้น แต่หากสวีชิงเยี่ยนเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร
สององค์ชายยืนอยู่ตรงกลางภูเขาแดงอย่างโดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่ง เมฆดำข้างนอกกดลงมา สัตว์ปีศาจคำราม
ทันใดนั้นบนศีรษะก็เงียบสงบลง
มีเสียงบุรุษอ่อนโยนดังขึ้นเหนือศีรษะ
“องค์ชายทั้งสองไม่ต้องกังวล”
ความดุร้ายใต้ดวงตาหลี่ไป๋หลินพลันหายไป เขาก้มหน้าลง ไม่ได้แปลกหูกับเสียงนี้ ทุกปีผู้นำตามธรรมเนียมของฝ่ายพุทธและสำนักเต๋าจะอวยพรวันครบรอบของเสด็จพ่อตน และเจ้าของเสียงนี้ไม่ได้มาบ่อย คนใหญ่คนโตในเมืองหลวงล้วนหวังว่าแขกพิเศษทางโลกเขาวิญญาณท่านนี้จะอยู่อย่างสงบในดินบูรพา ออกเดินทางน้อยหน่อย…ยอดฝีมือขอบเขตนิพพานแทบจะนับนิ้วได้เลยในต้าสุย การเคลื่อนไหวของขอบเขตนิพพานทุกคนจะต้องเกิดเมฆลมขึ้นบ้าง และแขกพิเศษเขาวิญญาณท่านนี้ หลังจากสืบทอดเพลิงมรรคโพธิสัตว์พิสูจน์มรรคแล้ว ก็แทบจะไม่เคยออกมาเพียงลำพังเลย
เขามาแล้ว ก็เท่ากับนางมาด้วย
หลี่ไป๋จิงหรี่ตาลง หัวเราะเสียงเบา “ขอคารวะเจ้าปราชญ์บ่อหยกและราชาสวรรค์ซ่ง”
สองร่างเงาบนภูเขาแดง ได้ยินเช่นนั้นก็เม้มริมฝีปากนิดๆ ไม่พูดไม่จา
บ่อสวรรค์ตั้งอยู่เขาพิศุทธิ์นิรันดร์ เรียกอีกอย่างว่าบ่อหยก
ดังนั้นเจ้าปราชญ์บ่อสวรรค์กับเจ้าปราชญ์บ่อหยก สองคำเรียกนี้ ไม่ว่าอย่างใดก็ได้ นางมาจากอารามมารดาราชาประจิม ตามพิธีลัทธิในสำนักเต๋า ต่อให้เรียกมารดาก็ไม่ได้ไม่เหมาะสมอะไร ส่วนบุรุษข้างกายนาง เรียกราชาสวรรค์ เรียกว่าวิทยาราช ล้วนเป็นชื่อเรียกที่เฉพาะมาก แขกพิเศษของเขาวิญญาณมีน้อยมาก ล้วนมีวาสนากับเปลวเพลิงนิพพานตอนมีชีวิตของพระโพธิสัตว์ ด้วยฐานะขององค์ชายทั้งสอง เรียกแขกพิเศษซ่งก็ได้เหมือนกัน
หลี่ไป๋จิงชะงักไปก่อนจะเอ่ยถาม “ทั้งสองท่านตั้งใจมาที่นี่ หรือมารับคนที่กรมปราบปีศาจแล้วกลับกัน”
เจ้าปราชญ์บ่อหยกเอ่ยเสียงเบา “ทั้งสองอย่าง”
หลี่ไป๋จิงรับรู้และเข้าใจ เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเตรียมของขวัญให้แม่นางจูซาไว้แล้ว กลับเมืองหลวงแล้วจะให้คนไปส่ง แค่น้ำใจเล็กน้อย ไม่ถือว่าเสียมารยาทอะไร”
ซ่งอีเหรินที่นั่งยองบนยอดเขาทำปากเว้าลงไป ไม่สนใจลูกไม้นี้เลย สององค์ชายต้าสุยแก่งแย่งชิงกัน หลายปีมานี้ส่งคนมาประจบตนไม่น้อย ผลประโยชน์ของสำนักเต๋ากับฝ่ายพุทธพัวพันซับซ้อน อยู่คนละที่ แต่ถ้าดึงตนได้ก็เท่ากับมีที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดของอย่าง ทหารม้าหลายดินแดน พายุฝนมากมาย ไปๆ มาๆ
ซ่งอีเหรินไม่ชอบการต่อสู้มีลับลมคมในซับซ้อน เขาไม่ชอบอาศัยฐานะตัวเองเป็นคนวางหมาก และยิ่งไม่ชอบเป็นตัวหมากบนกระดาน เขาชอบขี่ม้าวิ่งบนที่ราบสูงเทพสวรรค์ ชอบชักดาบทำศึกต่อสู้อย่างห้าวหาญ
ดังนั้นสำหรับสององค์ชายนี้ คนก่อนคนหลัง เขาล้วนเรียกว่า ‘คนแซ่หลี่’ ด้วยฐานะของเขา เรียกไปก็ไม่มีปัญหา สององค์ชายยิ้มรับ ส่วนการเชิญพวกนั้น ไม่ว่าจะสำคัญหรือไม่สำคัญ จำเป็นต้องเข้าร่วมหรือไม่ ซ่งอีเหรินปฏิบัติอย่างเย็นชา มีใจแค่กอดเด็กจูซาหลับนอนในผ้าห่มเท่านั้น
ซ่งอีเหรินที่นั่งยองบนยอดภูเขาแดงหรี่ตาลง พิจารณามองหนิงอี้…เด็กหนุ่มที่หมดสติบนหินภูเขาดูมีสภาพน่าอนาถมาก มองแค่ใบหน้า อ่อนแรงสามส่วน หล่อเหลาเจ็ดส่วน ไม่เหมือนคนโหดเหี้ยม ได้ยินว่าเขาต่อสู้กับคุณชายครามที่จวนขานฟ้าเมืองหลวง มีนิสัยหัวดื้อ ล่วงเกินไม่ได้
แม้เขาจะอยู่กรมปราบปีศาจ แต่ซ่งเหรินอีก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของสี่สำนักศึกษาไม่ดีมานานแล้ว คุณชายครามก็ดี คุณชายใหญ่คนอื่นก็ดี เบื้องหลังอาบกลิ่นอายของราชวงศ์ นอกจากสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวที่อยู่สันโดษแล้ว อีกสามคุณชายใหญ่เคยส่งจดหมายมาแดนอุดร อาจจะเล็งเห็นว่าตนต้องกลับจากแดนอุดรแน่นอน ไม่ว่าจากนี้จะฝึกบำเพ็ญที่เขาเจดีย์พุทธหรือเขาพิศุทธิ์นิรันดร์ ก็จะอ้อมธรณีประตูของเมืองหลวงไปไม่ได้…
คนพวกนี้วางแผนการไว้ไม่ผิด ยันต์หยกหลายแผ่นในมือซ่งอีเหริน นอกจากจะมียันต์ของเขาพิศุทธิ์นิรันดร์กับเขาเจดีย์พุทธแล้ว แผ่นอื่นล้วนไปทางเมืองหลวง แต่หลายปีมานี้เขานั่งกดติดพื้นจริงๆ ฝังราก ไม่เคยขยับออกจากแดนอุดรเลย
ไม่นานนักจดหมายที่ส่งไกลมาจากเมืองหลวงก็น้อยลงเรื่อยๆ จนไม่มีเลย การส่งจดหมายพวกนี้ เดิมทีซ่งอีเหรินยัง ‘ปลง’ เล็กน้อย ถึงอย่างไรตนก็เป็นผู้ถือคำสั่งของทหารม้าเหล็กอักษรทมิฬกรมปราบปีศาจตัวเล็กๆ จะไปได้รับความสนใจและคำเชิญจากคนใหญ่คนโตในอนาคตมากขนาดนี้ได้อย่างไร จดหมายพวกนี้มีคุณภาพสูงมาก เลือกกระดาษดีที่สุดในเมืองหลวง กระทั่งใช้ให้อาหารม้าได้ ที่มากกว่านั้นคือถูกซ่งอีเหรินเอาไปไว้ในรางหญ้าม้าอักษรทมิฬ…
เขารู้ดี เห็นใครดีก็ประจบ เห็นใครตกต่ำก็ตีตัวออกห่าง ชื่นชมจากใจจริงหรือจอมปลอม อาจจะมองในตัวหนังสือไม่ออก แต่เวลาจะอธิบายทุกอย่าง สุดท้ายในรางหญ้าม้าอักษรทมิฬก็ไม่มีกระดาษอีก ผู้ใต้บัญชาถึงขั้นด่าทอผู้มีอำนาจในเมืองหลวงพวกนั้นว่าดีแต่ตามกระแสคนอื่น
ตอนซ่งอีเหรินออกจากภูเขาพิศุทธิ์นิรันดร์ ไม่ได้นำสมบัติ อาวุธเทพ อาวุธคมอะไรไปเลย ดาบสั้นยาวสามเล่มของเขาก็ใช้ผลการรบแลกมาหลังจากเข้ากรมปราบปีศาจ เขาพามาเพียงจูซา เดินทางไกลไปแดนอุดร เป็นคนตัวเล็กที่อยู่เงียบที่สุด…ใต้ฟ้าต้าสุยรู้ว่ายอดฝีมือนิพพานสองคนนี้แห่งสำนักเต๋ากับเขาวิญญาณ มีบุตรแค่เขาคนเดียว แต่ไม่นึกเลยว่าคนใหญ่คนโตสองคนนี้จะปล่อยอิสระบุตรชาย มาที่ราบสูงแดนอุดรด้วยสภาพต่ำต้อยเช่นนี้
ชนชั้นสูงกรมปราบปีศาจออกมือด้วยตนเอง ลบร่องรอยของซ่งเหรินอี ดังนั้นนอกจากทหารม้าเหล็กอักษรทมิฬพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายที่ติดตามราวกับเงากลุ่มนี้แล้ว คนอื่นไม่รู้เลย สิ่งที่มักจะเห็นบ่อยในที่ราบแห่งนี้ คือบุรุษหนุ่มที่ดูมีความเป็นคุณชายสามส่วน แต่ไม่มีความเป็นลูกผู้ดีเลย เบื้องหลังยังมีท่าทีที่แข็งกร้าวเช่นนี้อีก
ซ่งอีเหรินไหว้วานบิดาและมารดาของตน ในบางทีที่มาเมืองหลวง ได้เอ่ยประโยคหนึ่งไปอย่างไม่ตั้งใจ ดังนั้นจดหมายพวกนั้นจึงน้อยลงเรื่อยๆ มากสุดก็นานครึ่งปี สุดท้ายก็เงียบหายไป
คำพูดนั้นไม่ใช่การเตือน และไม่ใช่การแสดงความไม่พอใจอะไร
สามีภรรยาที่เป็นสัญลักษณ์ของจุดสูงสุดของสำนักเต๋าและฝ่ายพุทธสองคนนี้ ประโยคนั้นที่พูดมีความหมายคร่าวๆ ว่าสำนักเต๋ากับเขาวิญญาณ จะไม่ให้ทรัพยากรใดๆ กับบุตรชายคนเดียวของตนเลย
ใต้ฟ้าต้าสุยกว้างใหญ่มาก คนที่ควรค่าแก่การคบค้าด้วยมีมากมาย ใครบ้างไม่รู้ว่าซ่งอีเหรินอยู่แดนอุดรนานเท่าไร ต้นขาของสำนักเต๋ากับฝ่ายพุทธใหญ่มากจริงๆ แต่การจะกอดไว้ ซ่งอีเหรินตอบกลับจดหมายทุกฉบับ แต่จดหมายทุกฉบับจะให้เด็กสาวจูซาเขียนแทน เขียนว่าขอบคุณง่ายๆ ไม่พูดอะไรมาก ดังนั้นคนมากมายจึงไม่ยอมพยายาม ส่งจดหมายให้ทหารม้าอักษรทมิฬน้อยลงเรื่อยๆ…
เดิมทีเป็นจดหมายที่คุณชายใหญ่เขียนด้วยตนเอง อาจจะเพราะยุ่งกับอะไรมากมาย สุดท้ายจึงเปลี่ยนเป็นใครไม่รู้เขียนแทน สุดท้ายคุณภาพของกระดาษ แม้แต่สุนัขยังรังเกียจ ถูกจูซากอดไปเผาไฟ
ซ่งอีเหรินมองหนิงอี้ พลันรู้สึกขำนิดๆ
เจ้านี่ถูกองค์ชายต้าสุยกดดันจนหมดหนทาง ถึงได้กระโดดลงมารึ
……………………..