เมื่อฉันได้พากย์บทตัวเอกครั้งแรก ฉันมั่นใจได้เลยว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี และอนาคตที่สดใส่ต้องกำลังรอฉันอยู่ข้างหน้าแน่นอน
“370 เยนค่ะ”
ฉันรับเงิน 1000 เยนจากพนักงานออฟฟิศที่ดูไร้เรี่ยวแรง
นิตยสารราคา 250 เยน และกาแฟราคา 120 เยน รวมทั้งหมดเป็น 370 เยน
บนปกนิตยสารมี ข้อความว่า “วีรบุรุษ โกวกะ ในที่สุดก็ถูกเป็นอนิเมะแล้ว!” มันถูกเขียนไว้เด่นมาก
สาวน้อยผู้ที่มาพร้อมกับผมทรงทวินเทลสุดน่ารักกำลังยิ้มมาที่ฉัน
ในที่สุดข้อมูลก็ถูกประกมาแล้วสินะ
ฉันเก็บแบงค์ 1000 เยน เข้าไปในแคชเชียร์
คุณจะคิดอย่างไรถ้าฉันบอกเขาว่า ‘ที่จริงแล้วฉันได้พากย์เสียงในอนิเมะเรื่องนี้ด้วยนะคะ’ พนักงานออฟฟิศที่ดูไร้เรี่ยวแรงคนนั้นจะทำหน้าตกใจไหม?
แต่ในความเป็นจริงเขามองฉันแปลกๆแล้วพูดกับฉันว่า ‘คุณพูดถึงเรื่องอะไรกัน’
หรือบางทีเขาอาจจะแสดงความยินดีด้วยกับฉัน แต่สุดท้ายบทที่ฉันได้พากย์เป็นก็เป็นแค่ตัวประกอบล่ะนะ
“เงินทอนทั้งหมด 670 เยน ค่ะ”
แม้แต่เสียงที่ฉันสุดแสนภาคภูมิใจของฉันมันไม่คารมาใช้ในงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อแบบนี้สิ มันมีที่ที่ควรแปร่งประกายแต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากนี่สิ
ถ้าฉันได้พากย์เป็นตัวเอกละก็ ฉันคงไม่ต้องมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อยันดึกดื่นแบบนี้หรอก
“ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ”
พนักงานออฟฟิศเดินออกไปจากร้านด้วยสีหน้าดูไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม
ฉันอยู่คนเดียวในร้านสะดวกซื้ออีกครั้ง นี่คืออาณาจักรของฉัน อาณาจักรโยชิโอกะยังไงล่ะ
แม้ว่าจะไม่มีไครเทิดทูนก็เถอะ
“ฉันอยากเป็นที่นิยมจังเลยน้าา~”
ฉันคร่ำครวญอยู่ในอาณาจักรที่ว่างเปล่า
ใช่สิ ฉัน โยชิโอกะ คานาเดะ คือนักพากย์ที่ล้มเหลวในสายงานนักพากย์
ฉันพึงกลับจากทำงานพาร์ทไทม์และตอนนี้มันก็ตี 1 แล้ว
การนอนดึกนั้นเป็นพิษต่อร่างกายและผิวหน้า นี่เป็นเรื่องที่ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เพื่อเงินและความอยู่รอดแล้วนั้นมันไม่มีวธีอื่นแล้ว อีกอย่างกะกลางคืนให้เงินดีกว่ากลางวัน
และเพราะด้วยมันเป็นงานพาร์ทไทม์ การเปลี่ยนกะก็เลยทำได้ง่าย
ปัจจุบันไม่บทพากย์ที่เด่นเลย
ฉันไม่สามารถเลี้ยงชีพด้วยงานพากย์ได้แน่นอนเพราะ ฉันมีแค่บทเล็กๆ น้อยๆ ในอนิเมะและเกมมือถือ โดยตอนนี้เหมือนฉันแกล้งเป็นนักพากย์ยังไงไม่รู้เลย
การใช่ชีวิตในโตเกียวนั้นยากในตัวของมัน ค่าเช่าในโตเกียวก็ค่อนข้างสูง ถ้าเป็นที่บ้านเกิดของฉันอย่าง อะโอะโมะริ ฉันคงมีชีวิตที่สบายกว่าด้วยเงินเดือนที่เท่าเดิมได้แน่นอน
แต่ที่ อะโอะโมะริ ไม่ต้องการนักพากย์น่ะสิ
ฉันวางถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้บนโต๊ะและเปิดทีวี
ได้เวลาของ มูจาคิ อนิเมะแนวดราม่าย้อนยุคที่หาดูยากในทุกวันนี้
เรื่องราวโรนินช่วยเหลือผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีแต่คนทุจริตและขัดแย้งกับรัฐบาลโชกุน ดาบก็ดูดี เนื้อเรื่องก็ลุ้นจนหน้าติดตาม และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีได้เริ่มขึ้นแล้ว
ฉันรีบใส่แว่นตาและเริ่มกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่วางบนโต๊ะไว้ 3 นาทีแล้ว
“การเคลื่อนไหวดูดีมาก”
ในระหว่างการพากย์ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจเพราะฟุตเทจนั้นจะถูกตัดและวางจากสตอรี่บอร์ดที่ดูเหมือนพวกกราฟฟิตี้ แต่ฉันรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นว่ามันพัฒนาไปไกลมากขนาดไหน
ฉันอยากจะขอบคุณ พนักงานทุกคนสำหรับการทำงานหนักของพวกเขาจริงๆ
พอถึงช่วงตัดเข้าโฆษณา ฉันก็ลุกไปเปิดตู้เย็นและหยับกระป๋องเบียร์ออกมา
“ฮ่า~ อร่อยจัง~”
นี่คือจุดที่เรียกว่าจุดสิ้นสุดของวันหลังจากที่ผ่านมรสุมมาทั้งวัน แอลกอฮอล์ได้เข้าสู่ร่างกายที่เหนื่อยล้าของตัวฉันได้ดีมาก
“มาแล้ว มาแล้ว”
ก่อนที่โฆษณาขั้นเวลาจะจบลง ฉันรีบไปนั่งบนเบาะนั่งแล้วสายตาของฉันก็กลับไปจดจ่อที่ทีวีอีกครั้ง
“เป็นวันที่มีเรื่องราวที่ดีจริงๆ”
ในที่สุดตัวเอกก็ได้เข้าไปในปราสาทและจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? การออกออกอากาศของอนิเมะได้จบลงณตรงนี้ ตัวเอกสามารถโชกุนผู้ชั่วร้ายสำเร็จได้หรือ?
มันน่าตื่นเต้นมากเลยนะ ที่แบบว่าอยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นแบบนี้น่ะพวกคุณรู้ไหม
แต่น่าเสียดายที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าตอนต่อไปจะเกิดขึ้น เพราะฉันได้พากย์ในเรื่องนี้ด้วยยังไงละ ถึงแม้จะเป็นตัวประกอบก็เถอะ
เครดิตก็ได้ขึ้นมา เมื่อเพลง ED เริ่มขึ้น
“ซาคุมะ คิริ”
ชื่อที่อยู่ตรงตัวละครที่สองถ้ามองจากด้านล่ะนะ
เธอคือนักพากย์หน้าใหม่ที่เพิ่งเป็นที่นิยมเมื่อปีที่แล้ว แถมเธอยังเป็นนักเรียนสาว ม.ปลาย อายุ 17 ปี
ได้มีประกาศยืนยันแล้วว่าเธอจะได้พากย์บทตัวเอก 2 บทในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และ อีก 1 บทในช่วงฤดูร้อน ที่กำลังจะมาถึงเร็วนี้อีกด้วย
และมีแนวโน้มว่าเธอจะได้พากย์บทตัวเอกมาเพิ่มอีกในอนาคตแน่นอน
ทุกคนชอบเด็กกันขนาดนั้นเลยเหรอ?
จากผู้แปล : ผมก็ชอบนะเด็กนักเรียนน่ะเซนเซคนนี้พร้อมที่จะสั่งสอนเด็กนักเรียนมานานแล้ว
ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้อยู่แล้วว่าเด็กสาวที่ดููสดใสและไร้เดียงสายังไงก็ต้องเป็นที่นิยมากว่านักพากย์สาววัย 27 คนนี้อยู่แล้วล่ะ
เห้อความเยาว์วัยและความน่ารักคืออาวุธชั้นยอดที่อันตรายจริงๆ
อะชื่อของฉันมาแล้ว
‘ชาวบ้าน: โยชิโอกะ คานาเอะ’
ชาวบ้าน บทที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่มีแถมยังเป็นบทที่ใครๆก็สามารถพากย์ได้อีกด้วย
ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้พากย์บทที่มีชื่อนอกเหนือจากบทในเกมมือถือคือครั้งล่าสุดคือ 6 เดือน หรือ 1ปีที่แล้ว? ต่อให้ฉันจำได้มันก็คงเป็นแค่บทเล็กๆอยู่ดี
ถ้าฉันอายุย้อนไป 20 อีกครั้งฉันจะมีโอกาศแบบเธอไหมนะ…ถึงแม้ฉันจะได้แค่คิดก็เถอะ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่รอยากสวมชุดสูทเป็นพนักงานบริษัทอยู่นะ ถึงอย่างนั้น
ฉันก็รู้ว่าฉันจะทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อไปจนถึงอายุ 30 ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความที่ดีเท่าไหร่หรอก
อย่างไรก็ตาม ในหัวฉันมันก็ได้มีเสียงเล็กๆที่คอยบอกฉันว่าให้หยุดความคิดเหล่านั้นว่า
‘นี่เธอจะยอมแพ้กันง่ายๆงี้เลยเหรอ’
ตอนนี้ฉันได้เป็นนักพากย์ได้ตามความฝันของฉันขณะเดียวกันพวกเพื่อนๆของฉันส่วนใหญ่ที่โรงเรียนสอนพากย์ก็ได้ลาออกกันไปก่อนจะมีโอกาศได้พากย์อีก
แต่ฉันได้รับเลือกโอกาศนั้น
ในตอนนั้นฉันได้บทนางเอกอย่างไม่สงสัยเลย แต่ฉันแค่โชคร้ายที่บังเอิญเจอเรื่องที่ไม่ดี
…เป็นเวลาสามปีแล้วที่ฉันได้แต่เอาเรื่องพวกนั้นมาเป็นข้ออ้าง
การยึดติดกับความรุ่งโรจน์ในอดีตมีก็ต้องมีขีดจำกัดเหมือนกัน มันไม่ใช่แค่เรื่องโชคร้ายเท่านั้น แต่มันมีบางอย่างที่หายไป ฉันไม่มีความสามารถงั้นเหรอ?
ฉันหยิบบทที่ตกอยู่บนพื้นแล้วเปิดมัน
“ฮาชิโระ-ซัง ได้โปรดหนีไปนะคะ! ฉันไม่เป็นหรอกค่ะ ฉันแค่อยากให้คุณปลอดภัย ฉันทำมันได้ถ้าไม่มีคุณ อย่างน้อยคุณ…”
ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันขาดอะไรไป? ฉันไม่รู้เลยว่า ซาคุมะ คิริ กับฉันต่างกันยังไง ฉันมีอะไรที่ผิดปกติเหรอ?
ฉันเองก็ทำได้ การเป็นนางเอกน่ะ
ฉันอยากเป็นนางเอก…ฉันอยากจะให้เสียงของฉันส่งไปถึงผู้คนมากมาย
โลลิโลลิโลลิโลลิ
ดูเหมือนว่าจะมีไครบางคนโทรมาหาฉัน จากผู้จัดการคาตายามะ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ
“สวัดดีค่ะ โยชิโอกะ ค่ะ”
“โอ้ สวัดดีครับ โยชิโอกะซัง ขอด้วยนะครับที่โทรมาดึกดื่นขนาดนี้”
น้ำเสียงที่สดใสดังมาจากมือถือของฉัน คาตายามะเป็นผู้จัดการของฉันมาได้ประมาณครึ่งปีแล้ว เขาเป็นชายหนุ่มวัย 23 ที่มีโลแกนว่า
‘ฉันจะยิ่งใหญ่ในอนาคตให้ได้’
เขามีผมสีเกาลัดสีสดใส และ มักปล่อยกระดุมสี่เม็ดบนสุดของเสื้อให้เปิดออก ตอนที่ฉันเป็นนักพากย์ช่วงแรกๆ เขาดูเป็นมือชีพมาก แต่งกายด้วยชุดที่ดูเรียบร้อย
ซึ่งต่างกับตอนนี้มาก
ฉันรู้ว่าเอเจนซี่มีความคาดหวังกับฉันต่ำมากแน่นอน
“ไม่เป็นไรฉันยังตื่นอยู่พอดีตอนที่คุณโทรมา…เออเกี่ยวกับผลออดิชั่นริป่าวคะ?”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ แต่…”
“แล้วมีเรื่องอะไรที่คุณจะต้องบอกฉันเหรอคะ?”
“ขอโทษที่ต้องบอกคุณกระทันหันนะครับ พรุ่งนี้คุณช่วยมาที่สำนักงานตอนเที่ยงได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ ว่าแต่คุณไปรับงานแบบไหนมาเหรอคะ?”
“รายการวิทยุครับ”
“เอ๊ะ รายการวิทยุ?”
คำตอบที่ไม่คุ้นของเขาทำให้ฉันต้องถามอีกครั้ง
วิทยุ,รายการวิทยุ?
“โยชิโอกะซัง คุณเกลียดวิทยุเหรอครับ?”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้เกลียดค่ะจริงๆฉันรักมากกว่าเกลียดด้วยซ้ำ”
ฉันเคยทำงานเป็นผู้ช่วยรายการวิทยุหลังที่เป็นนักพากย์แล้ว การกระจายนั้นมันสนุกและแนก็ชอบมันมากด้ย
“นี่เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ ผมจะส่งรายละเอียดงานไปให้ทางอีเมลภายหลังนะครับ”
การสนมนาได้จบลงตรงที่การพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติม
ด้วยงานที่กระทันหันทำให้ฉันไม่ค่อยเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับงานใหม่ของฉัน แต่ความปรารถนาที่ฉันขอไว้เป็นจริงแล้ว
ครั้งหน้าฉันน่าจะลองใส่แบงค์ 1,000 เยนลงในกล่องถวายสักการะดูดีกว่า
จากผู้แปล : ฝากติดตามเพจแปลแต่เรื่องหว๊านหวาน甘い甘い เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้นะครับ