ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi 222 กระแสไร้ต้าน

ตอนที่ 222 กระแสไร้ต้าน

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

อาณาจักรมอลต์ เบียโด

「กองทัพแวนโดเลียได้รับความเสียหายเยอะ ดังนั้นแรงกดดันที่ชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์รู้สึกได้ควรลดลง แต่โชคร้ายที่แผนการของเราก่อนหน้าใช้ไม่ได้อีกแล้ว」

จูโน่มาเบียโดเพื่อคุยกับผมขณะเรารักษาความเหนื่อยล้าหลังจากสู้ เขาดูร่าเริงเมื่อมองผิวเผินแต่มันรู้สึกว่าคำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำวิจารณ์

มันรู้สึกเหมือนหลักๆเขาพูดว่าทุกอย่างคือความผิดผม

ผมเอียงหัวไปด้านข้างและมองเขาจากมุม

「ได้โปรดอย่าทำเหมือนเด็ก」

ไมล่าทำให้หน้าผมกลับเป็นปรกติ

「พวกเขามาโจมตีมอลต์ เราไม่โง่พอที่จะคุยกับคู่ต่อสู้ที่ต่อยก่อน」

「ไม่ว่ายังไง คุณทำลับๆกว่านี้ได้…… จากข้อมูลของผม หน่วยหนึ่งในกองทัพหลักพวกเขาถูกทำลาย ซึ่งมันหมายถึงว่าแวนโดเลียจะป้องกันอัลแตร์ฝ่ายเดียวไปสักพัก」

ผมจะยั้งมือกับศัตรูที่กองกำลังมากกว่าผมสามเท่าได้อย่างไร?

มานี่ซีเลีย มันรู้สึกเหมือนพี่จะระเบิดโมโหใส่เขาถ้าพี่ไม่ได้ลูบหัวหนู

เมื่อเห็นได้ว่าอารมณ์ผมแย่ลงชัด จูโน่นำประเด็นใหม่ขึ้นมา

「เกี่ยวกับแวนโดเลีย พวกเขาแจ้งทางลิบาติสไว้แล้วว่าเขากังวลกับการรุกรานมอลต์ พวกเขาบอกให้ผมมั่นใจว่าจะไม่รุกรานต่อเพราะฮาร์ตเลตต์โดโนะแกร่งกว่าที่คิดไว้」

นายไม่จำเป็นต้องบอกหรอก

ตั้งแต่แรกแม้แต่ตัวฉันก็เข้าใจว่าพวกเขารุกต่อไม่ไหวหลังจากกองกำลังหลักถูกทำลาย

「ได้โปรดใจเย็นเอเกอร์ซามะ…… ฮึ้ง ฮื้ออ」

มันดูเหมือนผมบีบซีเลียแรงไป

ผมรู้สึกว่าใจผมเย็นลงช้าๆตอนผมลูบแก้มเธอ

「ถ้าอย่างนั้นลิบาติสก็จะปกป้องมอลต์ด้วย นั่นคือทั้งหมดที่นายอยากบอกตอนนี้」

「ไม่เลยครับ ผมหวังจะขอใหคุณร่วมมือกับแผนใหม่」

「โฮ่วว และมันคืออะไร?」

「ฮู้วววว」

ขอโทษซีเลียพี่แรงไปอีกแล้ว

「เราคาดหวังให้แวนโดเลียกดดันอัลแตร์ต่อไม่ได้แล้วหลังจากกองทัพพวกเขาได้รับความเสียหายหนัก อย่างไรก็ตามเราใช้การที่เขาอ่อนแอลงเป็นความได้เปรียบของเราได้」

จูโน่หัวเราะเบาๆก่อนพูดต่อ

「เราจะปล่อยข้อมูลสู่อัลแตร์ว่าแวนโดเรียบุกมอลต์แพ้และกองกำลังหลักส่วนหนึ่งเสียหาย เราจะพูดบางส่วนเกินจริงเรื่องนั้นแน่นอน」

「ไม่ใช่นั่นทำให้อัลแตร์ได้ใจสบายขึ้นเหรอ?」

มันจะสร้างสถานการณ์ที่แม้แต่อัลแตร์ก็จะบุกมอลต์ด้วย

จูโน่ยิ้มตอบ

มันรู้สึกเหมือนเขาล้อผมอยู่แต่ผมไม่สนใจมาก

เพราะลีโอโพลต์ถอนหายใจหนักแล้วผมเลยไม่ต้องทำ

「ถ้าแวนโดเลียอ่อนแอลง อัลแตร์จะคิดบุกชาติอื่นได้ แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขายิ่งอ่อนแอลงอีก? อัลแตร์จะมายุ่งกับลิบาติสหรือมอลต์ไหม? แทนคิดเรื่องนั้น ไม่ใช่นี่จะเป็นโอกาสให้พวกเขาปิดฉากอริใหญ่อย่างในแวนโดเลียเหรอ?」

เข้าใจแล้ว แทนที่จะให้สองกลุ่มนั้นคอยจ้องกันไว้ มันดีกว่ากับทั้งสองเราถ้าพวกเขาสู้กันดุเดือด

แต่มันมีปัญหา

「แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอัลแตร์ล้มแวนโดเลีย? ถ้าเกิดนั่นขึ้นชาติทรงพลังที่ใหญ่โตจะเกิดขึ้น ภัยที่มาจากเขาจะเยอะเทียบไม่ได้กับตอนนี้เลย」

「ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ แวนโดเลียยังมีกองทัพมือฉมังอีกสองเหล่า นอกจากนี้พวกเขายังมีทรัพย์พอให้รวมทหารมาเพิ่ม…… พวกเขาจะไม่ถูกทำลายง่ายดายขนาดนั้น แล้วกำลังของชาติอัลแตร์ก็ควรได้รับความเสียหายหนักจากศึกที่ดุดันด้วย」

ผมเข้าใจเหตุผล แต่ผมรู้สึกเหมือนจูโน่กำลังใช้ผม

「ถ้าอย่างนั้นอยากให้ฉันทำอะไร」

「ครับ คุณจะทำเหมือนเดิมและขู่แวนโดเลีย…… แต่ไม่เพียงแค่นั้นผมจะซาบซึ้งถ้าคุณสู้ศึกเล็กบนพรมแดนเมื่อคุณเห็นโอกาส แวนโดเลียจะไม่มีทางเลือกนอกจากส่งทหารตอบและนั่นจะทำให้อัลแตร์บุกเต็มกำลัง」

ทำไมผมต้องสู้ให้ลิบาติส

แค่เมื่อผมกำลังจะปฏิเสธ ลีโอโพลต์กระซิบเข้าหูผม

「รับข้อเสนอ ผมมีแผน」

แน่ใจหรือ?

ถ้ามันเป็นบางอย่างน่ารำคาญ ฉันจะแย่งนีน่า

「ได้ นั่นทำได้ ฉันจะให้นายตัดสินเวลาและขนาดแต่พรมแดน-」 「มันดูไม่ค่อยยุติธรรมไม่ใช่เหรอ?」

เมื่อผมตอบได้เท่านั้น ลีโอโพลต์แทรกมาไม่ล่าช้า

เจ้าคนนี้……

「หมายความว่ายังไงครับ?」

จูโน่มองลีโอโพลต์แบบระวัง

หน้าเขาต่างจากเมื่อเขาคุยกับผม ทำไมเขาระวังคนนี้?

「คนเดียวเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากแผนนี้เป็นลิบาติสหลักๆ」

「แวนโดเลียจะทุ่มเทกับการป้องกันด้วย ดังนั้นไม่ใช่ว่าฮาร์ตเลตต์โดโนะและมอลต์จะได้เวลาแห่งสันติและความสบายใจเหรอ?」

「แวนโดเลียจะไม่ขยับอยู่แล้วเพราะพวกเขาได้รับความเสียหายหนัก คุณพูดว่าเราได้ผลประโยชน์เท่ากันไม่ได้」

จูโน่ยิ้มอย่างขมขื่นและตอบโต้ไม่ได้

「เพิ่มเติมจากที่ว่า เมื่อเปิดศึกเราจะสูญเสียทหารและเสบียงลดลง ผมจะไม่เรียกข้อมูลของลิบาติสว่าไร้ค้า แต่มันไม่ยุติธรรมที่มีแค่เราเท่านั้นได้รับภาระเสียเลือดเสียเนื้อ」

「คุณกำลังขอให้ลิบาติสส่งทหารเหรอ?」

「ไม่ กฎหมายของคุณคงจะไม่อนุญาตดังนั้นเองผมอยากได้เงินจำนวนที่เหมาะสมเตรียมมาเพื่อไว้เตรียมทหาร」

เจ้าหน้าที่กิจการต่างประเทศที่มาด้วยเริ่มส่งเสียง

ตัวจูโน่เองจ้องลีโอโพลต์เขม็ง

แข่งจ้องที่พาคนอึดดันนานแค่ 30 วินาที

ในช่วงนั้น ผมมองไมล่า

ฟุ่ฟุ่ฟุ่ เธอแดงขึ้นดังนั้นผมชนะ

「……ครับ ผมจะมาอีกครั้งเพื่อปรึกษาจำนวนที่จะถูกกำหนดหลังรายงานรัฐมนตรี แต่ถึงอย่างไรถ้าผมให้มากกว่าที่ชาติใช้จ่ายแม้มันจะทำลับๆทั้งสองฝ่ายจะต้องเซ็นเอกสารเป็นเอกสารสัญญาตัวจริง」

「คุณจะให้เงิน และเราจะสร้างความวุ่นวายบนพรมแดน สัญญาถูกยืนยัน คุณพอใจมั้ยลอร์ดฮาร์ดเลตต์」

นายแค่มาขออนุญาตตอนนี้เนี่ยหรือ?

อะไรก็ช่าง ทำตามใจเลย

「ผมจะติดต่อคุณอีกครั้งเมื่อผมพร้อมด้วยผู้หญิงที่ผมฝากไว้ในดินแดนคุณ……」

ด้วยคำสุดท้ายเป็นนั่น การประชุมจูโน่และผมจบลง

 

 

 

「เฮ้ลีโอโพลต์ ทำไมเราต้องสู้ศึกเล็กกับลิบาติสด้วย? ฉันรู้ว่าเราได้เงินแต่ไม่มีเหตุผลที่ต้องเสียทหารเพื่อเงินนี่ถูกมั้ย?」

ผมไม่ค่อยเต็มใจเชื่อใจคนนี้แต่ผมไม่ค่อยเข้าจะว่าครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น

「ตอนนี้เราไม่ได้สัญญาว่าจะสู้ศึกเล็กกับพวกเขา เราพูดว่าเราจะสร้างความวุ่นวายในพรมแดน」

มันก็อย่างเดียวกันไม่ใช่หรือ?

「โปรดดูแผนที่ ทิศตะวันออกของที่ราบมีสหพันธรัฐคนแวนโดเลีย, มอลต์, และดินแดนเรา คุณเห็นได้ว่าเส้นพรมแดนมันซับซ้อน และมอลต์ไม่ได้แค่ยื่นแหลมไปทางใต้เท่านั้นแต่ก็มีเส้นพรมแดนไปทางตะวันออกด้วย ระหว่างดินแดนเราพัฒนาไปเยอะและบริเวณผลิตข้าวมีค่าอยู่ใกล้พรมแดนในเขตใต้」

ลีโอโพลต์พูดว่ามันแน่นอนที่พวกเขาจะกล้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพลังชาติฟื้น

「เราต้องปะทะกับแวนโดเลียที่พรมแดน ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้พวกเขาเริ่มก่อน…… ถ้าอย่างนั้นเราจะเตรียมกองกำลังหลักและมุ่งหน้าลงใต้ทันที อย่างน้อยเดินทางไปยังเส้นพรมแดนทางใต้ของมอลต์และไกลเท่าที่ไปได้」

「เข้าใจแล้ว…… นี่ความวุ่นวายแน่นอน」

รอศัตรูโจมตีจากนั้นโจมตีเต็มกำลังเพื่อยึดดินแดน

เราสัญญากับจูโนว่าเราจะสร้างความวุ่นวายเราเลยไม่ผิดกฎ

「ถ้าเขาได้ทั้งเขตมา ภัยทางตะวันออกของมอลต์จะหายไปและเราจะได้พื้นที่กันภัยสำหรับกันดินแดนที่สำคัญ」

ดี แค่เมื่อผมคิดว่าผมถูกใช้ลากเดินซ้ายขวา

「ถ้าแวนโดเลียอ่อนแอลงและอัลแตร์เน้นบุกเต็มกำลัง พวกเขาไม่ควรมีกำลังเหลือในตะวันออก」

ถ้าอย่างนั้นเราใช้เงินจากลิบาติสเพื่อหาดินแดนให้เราเอง น่าสนใจนี่

「เอาอย่างนี้แหละ ทริสตันกำลังสร้างแคมป์ในพรมแดน เราใช้ที่นั่นได้มั้ย」

「ผมคิดไว้แล้ว」

ดูเหมือนเราจะมีฤดูหนาวสนุกสนาน

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

เมืองหลวงสหพันธรัฐคนแวนโดเลีย: แวนโดล่า หอรวมพล

「สหายเบเซก มีอะไรจะพูดมั้ย?」

「……ไม่ ความพ่ายแพ้นี้มาจากฉันที่ไร้ความสามารถ ฉันทำได้แคต่ขอโทษผู้คนและตัวแทนทั้งหลาย」

เบเซกยืนกลางการประชุม ไม่ได้ใส่เครื่องแบบทหารแต่เป็นเสื้อผ้าพลเมืองแทน

ภาพชายที่เห็นได้ว่าเป็นผู้มีบาปเท่านั้น หัวเขาก้มตอนเขาถูกคน 10 คนรอบเขาจ้องเขม็ง

「นี่เป็นที่ที่นายพูดความเสียใจ ไม่ใช่ที่ขอโทษ」

คนดูพูดแบบนั้นแต่เบเซกทำอะไรนอกจากสั่นและมองพื้นไม่ได้

มันดูเหมือนเรื่องฝั่งเขาจะต้องฟังกันแบบนี้แต่คนดูไม่ได้ใส่ใจ

คนทั้งหมดของที่ที่ชื่อหอรวมพลเป็นแบบนั้น

「สุภาพบุรุษ มีความจำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านี้เหรอ? เขาพ่ายแพ้ศัตรูที่อ่อนแอกว่า ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายอมแพ้และทำให้ศักดิ์ศรีชาติเราเสียหายมันแน่นอนได้อย่างเดียวว่าสหายเบเซกยังภักดีไม่พอ เขาควรได้รับโทษอย่างถูกต้อง」

「เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่พอไปอธิบายกับผู้คน เพราะเราจะเกณฑ์เยอะเร็วๆนี้ด้วย」

ทุกคนเห็นด้วยกับความเห็นสองคน

「ตัวแทนผู้คนก็น่าหงุดหงิดที่ทำไม่พอด้วย……」

「ถ้าอย่างนั้นรวมครอบครัวเขาด้วยมั้ย?」

「ไม่ ให้ผู้คนทำมันดีกว่า……」

มันอาจเป็นผลลัพธ์ที่คิดไว้แล้ว แแต่เบเซกอดไม่ได้ที่จะห่อไหล่ผิดหวัง

ยกเว้นว่าผู้อาวุโสหนึ่งคนยกมือช้าๆ

「น่าน่า อย่าเพิ่งรีบ」

「สหายเบลเลส ไม่พอใจกับบทสรุปเหรอ?」

ผู้อาวุโสยิ้มมุมปากขึ้นมา…… แต่ตาเขาจ้องเบเซกอย่างเย็นชาเมื่อเขาพูด

「ศัตรูเอาชนะแม้แต่กองทัพหน่วยสามของบัลซาร์กได้ ดังนั้น พวกคุณพูดไม่ได้หรอกว่าปัญหามีแค่ความภักดีของชายคนนี้ แน่นอนว่าการยอมแพ้มันไม่น่าดูแต่เพราะการยอมแพ้นั้น ทหารของเราครึ่งหนึ่งกลับชาติได้」

「ทหารไร้ค่าที่ยอมแพ้!」 「ประกาศกับทุกคนว่าเขายอมแพ้จะทำให้คนสงสัยค่าของกองทัพเรา……」

ชายแก่กระแอมและทำให้คนแทรกเงียบก่อนพูดต่อ

「กองทัพหน่วยที่สามประมาทไปจนเกิดการพ่ายแพ้โดยการบุกตอนกลางคืน…… อย่างไรก็ตามนายท้าทายศัตรูตรงๆและแพ้ถูกต้องมั้ย?」

「……ผมอับอายแต่ยอมรับแบบนั้น」

ผู้อาวุโสปรบมือ

「สหายเบเซก ฉันจะให้โอกาส」

ทุกคนข้างๆเริ่มส่งเสียงพูดระหว่างความหวังกลับสู่หน้าเบเซก

ถึงอย่างไร มันไม่ได้อยู่นาน

「นายจะจัดเตรียมกองทัพบุกของเหล่าทหารผู้กล้าที่วิ่งกลับบ้าน พร้อมกับเติมพวกเด็กมือฉมังที่หน้าด้านต่อต้านรัฐบาล และนำพวกเขามาอยู่ใต้บัญชาการของนาย จากนั้นนายจะเดินทัพไปดินแดนเขาและยึดดินแดนเขา ให้คนรู้พลังของแวนโดเลีย」

เบเซกไม่ได้เป็นคนเดียวที่กลืนน้ำลาย รอบๆเขาก็ทำด้วย

「กองทัพทหารที่แพ้และนักโทษ……」

「เขาใจล่ะ มันลดปัญหาที่ต้องรับมือกับพวกเขาด้วยทีเดียวเลย」

「นั่น-……」

ขณะเบเซกจะพูดบางอย่าง ผู้อาวุโสเสียงดุให้เขาหยุด

「ฉันเชื่อว่าที่เป็นทางเลือกที่ดีกว่าประหารทั้งนายและครอบบครัว ไปทำหน่วยให้พร้อมไป」

เบเซกลาในความตะลึงเงียบๆ…… ผู้อาวุโสมองเขาลาด้วยความพอใจ

「แน่ใจแล้วเหรอสหายเบลเลส」

คนในที่ประชุมถามชายแก่ด้วยความสับสน

「ฉันก็ได้รับการตกลงจากตัวแทนผู้คนมาแบบไม่เป็นทางการแแล้ว ถ้าเราแค่ให้ทหารที่แพ้กลับบ้าน มันจะมีผลกับศักดิ์ศรีชาติ」

กำลังกองทัพเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ค้ำยันความภักดีที่ผู้คนมีให้รัฐบาลแวนโดเลีย

ถ้าผู้คนเริ่มพูดว่ากองทัพแพ้ชาติทางใต้ที่ไม่โด่งดังเหมือนมอลต์ มันจะสร้างปัญหา

「เราออกไปยืนยันว่ากองทัพหน่วยที่สามแพ้เพราะกลยุทธ์ขี้ขลาดเหมือนซุ่มโจมตีตอนดึกที่มองไม่เห็นได้ แต่กองทัพเบเซกแพ้ชัดๆเห็นง่ายๆ ทหารควรเข้าใจสถานการณ์สงความดี มันจะมีปัญหาถ้าปากคนห้าพันคนที่กลับมาเปิดออกมา」

「แต่นี่เป็นเวลาที่ทหารทุกคนมีค่า คุณจะส่งทหารที่มีง่ายๆ…… นอกจากนี้ การสู้โกลโดเนียจะทำให้เรามีศัตรูรอบทิศ」

「อย่ากังวลไป ถ้าพวกเขาไปสู่สนามรบ เราทำเหมือนพวกเขาเป็นพวกหนีทหารแล้วบอกโกลโดเนียแบบนั้นได้」

มันจะง่ายปานนั้นหรือ?

ความไม่สบายใจแฝงตัวในหัวใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเป็นคนอิทธิพลเยอะที่ใกล้ชิดกับตัวแทนผู้คน เถียงเขามากกว่านี้จะเสียจุดยืน

「มันไม่เป็นไรหรอกน่าเพราะฉันพูดด้วยประสบการณ์ กองทัพเราก็จะฟื้นหลังเกณฑ์ตอนฤดูใบไม้ผลิด้วย อัลแตร์จะไม่โจมตีเราในเวลาแบบนี้อีก แม้ว่ามันดูเหมือนว่าฮาร์ดเลตต์ส่งทหารอาสา…… แต่เรามีกองทัพคนหนีทหาร ช่างน่าขบขัน」

คนดูอื่นทำได้แค่ฝืนยิ้มและเออออไปกับเสียงหัวเราะคนแก่

 

 

เรื่องราวข้างเคียง: ภรรยาหลวงและภรรยาน้อย

「คุณหญิง เตรียมชาเสร็จแล้วค่ะ」

「คุณหญิง บาร์โตโลมซามะร้องไห้หาพ่อค่ะ」

นนน่านั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นระหว่างคุยกับผู้ช่วยคนเดิมทั้งสองคน

「เฮ้นนน่า」

คาร์ล่าเรียกเธอ

「มีอะไรคาร์ล่า?」

「ไม่มีเพื่อนใช่มั้ย」

มีเสียงจานชามกระทบกันเมื่อนนน่าชนโต๊ะ

「ค-คุณหญิง!」 「ระวังค่ะ!」

「พ-พูดอะไรกันคาร์ล่าบื้อ!」

นนน่ายืนแล้วเข้าหาคาร์ล่า แต่เธอทำโดยไม่สนใจอะไรเลย

「เออ เธอไม่มีเพราะเธอไม่พูดกับสาวๆคนอื่นเลยนอกจากผู้ช่วยเธอสองคน เธอไม่กัดกันด้วยนี่ถูกมั้ย?」

「แต่เธอก็เหมือน-……」

นนน่าหยุกกลางคัน

เธอจำได้ว่าคาร์ล่าออกไปซื้อของและเล่นกับมิเรลบ่อย

มีผู้หญิงอื่นที่เป็นมิตรกับเธอในแบบพวกเธอเองด้วย

「กุ…… ฉันมีแซลลี่แและโทริ!」

「โอ้แหมดิฉันยินดีรับใช้ค่ะคุณหญิง」 「โอ้หนูรักมากเลยค่ะ」

นนน่ามองคาร์ล่าเหมือนเธอคาดว่าคาร์ล่าจะประทับใจ

อย่างไรก็ตามคาร์ล่ากอดอกและหัวเราะเบาๆ

「เพื่อนหรือเจ้านาย?」

「อืม…… เรียกว่าหนูเป็นเพื่อนมันน่าเสียดายไปค่ะ」 「คุณหญิงเป็นบางคนที่หนูรักและเคารพ……」

「นั่นแหละแกดูเอา โอ้ยหยุดนะ! หัวเธอโคตรแข็ง!」

นนน่าน้ำตาซึมหัวโขกคาร์ล่ารัวๆ

「ที่ฉันจะพูดคือเมื่อเธออยู่กับเหล่าคนในครอบครัวเธอไม่ต้องเป็นเมียหลวงทางการหนักหนาและคุยเล่นกันกับเราให้เหมือนคนธรรมดา! เธอจะสนุกกว่าแบบนั้น โอ้ยฉันบอกว่ามันเจ็บ!」

คาร์ล่าจับคอนนน่าที่หัวโขกเรื่อยๆและพวกเธอตกจากโซฟาลงพื้น

มีเสียงตึงสองเสียงตอนร่างพวกเธอตกพื้น

「กล้าทำให้ฉันอายหน้าแซลลี่และโทริได้ไง!」

「ก็ฉันบอกอยู่ไงว่าแบบนั้นมันแข็งเกินไป แบละ! อย่ามาฉีดนมเหม็นๆใส่ฉันนะยะ!! กินนี่ซะ!」

「ฟุ่เกี๊ยะ!」

ผู้ช่วยพูดกันเบาๆระหว่างมองทั้งสองปล้ำกัน

「เฮ้แซลลี่ เคยเห็นเมียหลวงและเมียน้อยสนิทกันขนาดนี้มาก่อนป่าว?」

「ไม่เลย แต่พวกท่านน่าจะโกรธมากถ้าเราบอกพวกท่าน」

เมื่อเด็กน้อยร้องดังเพราะเสียงเอะอะ นนน่ากับคาร์ล่าเลิกปล้ำไวๆและเริ่มโอ๋ทารกน้อย

「「หนูคิดว่าพวกท่านทั้งสองเรียกว่าเพื่อนดีได้แน่นอนค่ะ」」

คฤหาสน์สงบเหมือนเคยในวันนี้เช่นแบบเดิมๆที่ผ่านมา

「พูดถึง ฉันได้ยินนะ」

「ค-คุณหญิง หูเทพไปแล้วค่ะ……」

「หูเทพจัง…… ฮ่า!」

นนน่ายิ้มไปพองแก้มไประหว่างหัวโขกผู้ช่วยเบาๆ

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย เจ้าศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 163,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4500

กองทัพ: 11,300 คน (รอพร้อมภายในดินแดน: 2000 คน)

ทหารราบ:5500 คน, ทหารม้า 850 คน, พลธนู: 1000 คน, ทหารม้าธนู: 1900 คน (ทหารที่ได้รับบาดเจ็บกลับมาแล้ว)

ปืนใหญ่: 30 กระบอก, ปืนใหญ่มาก: 10 กระบอก

ทรัพย์สิน: 6070 ทอง (เงินจากความร่วมมือกับลิบาติส +5000), ของเก็บจากสงคราม/หักรางวัลทหารแล้ว

คู่นอน: 229, ลูกเกิดแล้ว: 48 + ปลา 555 ตัว

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi

ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi

Score 10
Status: Completed
ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

Options

not work with dark mode
Reset