พวกเราวิ่งหนี วิ่งกันไม่หยุดเลย
อยู่ในป่า อาณาเขตของ ‘แม่ทัพแห่งพงไพร’ แถมยังต้องมาเจอกับหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารอีก
ไม่รู้จะวิ่งหนีได้อีกนานแค่ไหน… นั่นแหละคือที่ฉันกับโยมิคิด
แน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้ต่อไป?
ศัตรูแข็งแกร่งจริง ขนาดคืนจันทร์เพ็ญ ฉันก็เทียบไม่ได้แม้แต่คุณเทียน่าคนเดียว
โยมิเก่งกว่าคุณเทียน่าในด้านสเตตัสก็จริง แต่เธอก็ยังด้อยกว่าซากุระคุงอยู่เยอะ
แต่ยังไง ฉันว่าเราจะต้องไม่ยอมแพ้
พวกเรายังอ่อนแอ ไม่สิ ก็เก่งแล้วล่ะในมุมมองของคนทั่วๆ ไป แต่เราไม่มีทางเติมเต็มเป้าหมายในการทำลายล้างมนุษยชาติได้ถ้าเรายังเป็นอยู่แบบนี้
“…โยมิ ลุยกันเถอะ โทษทีนะ ตอนนั้นฉันพูดผิดไป พวกเราต้องแข็งแกร่งกว่านี้”
“อึม เราก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน …ถ้าเราลองต้าน 2 คนนี้ไว้ พวกเราก็น่าจะพัฒนาขึ้นกว่าตอนนี้ได้”
ใช่ ตอนนี้คงได้เวลาก้าวข้ามแผลในใจที่เคยมีกับคุณเทียน่าแล้วล่ะ
“…โอ๊ะ ออกมากันแล้วเหรอคะ? นั่นแหละสปิริต! ถ้างั้น เข้ามาได้ทุกเมื่อเลยค่ะ!”
“พวกผมจะเป็นคู่มือให้เอง!”
“ไปกันเลยมั้ย โยมิ!”
“เข้าใจแล้ว ลีน…ย่าาา!!”
… ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ห้องของตัวเอง
คงมีใครซักคนอุ้มฉันมาที่นี่ล่ะมั้ง
ขยับแขนขาไม่ได้เลย และก็แพ้มาด้วยสินะ
นั่นสินะ ไม่มีทางเลยสินะ
ฉันถูกซัดกระเด็นด้วยเวทมนตร์ ในระดับที่เข้าใกล้ตัวยังไม่ได้เลยสินะ
ส่วนโยมิ เธอยังสลบอยู่ข้างๆ ฉันเลย และก็ยังใช้เวทมนตร์ไม่ได้เหมือนเดิม
นั่นอะไรน่ะ? นั่นมันอะไรกันน่ะ?
ถ้ามีแค่คุณเทียน่าคนเดียวล่ะก็ พวกเราอาจจะพอทำอะไรได้บ้างก็ได้ ถึงมันอาจจะเป็นศึกที่ตึงมือมากก็ตาม
แต่ซากุระคุงน่ะ ขี้โกงเกินไปแล้ว
ไม่ว่าฉันจะยิงเวทมนตร์ไปมากแค่ไหน ไม่ว่าโยมิจะฟันดาบใส่ไปกี่ครั้ง พวกมันทั้งหมดถูกป้องกันด้วยเวทบาเรีย ในทางกลับกัน พวกเขากลับยิงเวทมนตร์ถล่มใส่เราอยู่ฝ่ายเดียวเลย
ฉันถูกอัดจนหมดสภาพใน 5 นาทีเอง บ้าที่สุด
…ตัวฉันยังอ่อนแอ อ่อนแอเหลือเกิน
ฉันหยุดโยมิเอาไว้ได้ ก็แค่เพราะเพิ่มพลังเข้าไปด้วยพลังที่ใช้ได้เดือนละครั้งแล้วชนะมาได้ ที่ฉันหยุดเด็กคนนี้ที่อยู่ข้างฉันในตอนนี้เอาไว้ได้ในที่สุดก็แค่เพราะฉันใช้การเพิ่มพลังทับการเพิ่มพลังทับการเพิ่มพลังอีกทีเท่านั้นเอง
ที่ฉันแข็งแกร่งมาได้ ก็แค่เพราะได้เกิดมาในเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง
ตัวฉันเอง ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย
“อือ…ที่นี่?”
“…อะ โยมิ ตื่นแล้วเหรอ?”
“…อื้ม”
หลังจากที่พวกเราเงียบกันอยู่ซักพักใหญ่… โยมิก็เป็นคนเริ่มบทสนทนา
“…พวกเราแพ้ สินะ?”
“…ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ พวกเราน่ะ ยังเอาชนะ 2 คนนั้นไม่ได้ โยมิที่อ่อนแอลง หรือฉันในตอนกลางวันยังเทียบผู้บริหารไม่ติดเลยซักนิด”
“…อื้ม”
“…นี่ โยมิ”
“อะไรเหรอ?”
“เข้มแข็งไว้นะ อย่าใจเสียแค่เพราะความอ่อนแอแค่นี้ล่ะ พวกเรายังอ่อนแอ พวกเรารู้ดี… แต่ทั้งฉัน ทั้งเธอ พวกเรามีพรสวรรค์ในตัว ถึงสิ่งที่พวกเราเจอมาจะไม่เหมือนกัน แต่พวกเราทั้งคู่ต้องการสิ่งเดียวกัน ทำลายล้างพวกมนุษย์ให้สิ้น พวกเราจะทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อเรื่องนั้น… มาฝึกกันให้มากกว่านี้ มากกว่าที่เคย เรียนรู้เพื่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ แข็งแกร่งขึ้น แล้วพวกเรามากวาดล้างพวกมนุษย์กัน”
“…แน่อยู่แล้ว ถึงลีนไม่ได้บอก เราก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ เราไม่ยอมมาแพ้อยู่แค่นี้หรอก เราเองก็หัวรั้นเหมือนกันนะ… ถึงยังไง เราเป็น ‘อดีตผู้กล้า’ ที่เคยถูกเรียกว่าเป็นผู้ครองสิทธิที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ตาม แต่มาแพ้ติดๆ กันแบบนี้…… พวกมนุษย์ไม่ได้หวานหมูขนาดจะถูกทำลายได้ด้วยตัวตนที่อ่อนแอแบบนี้หรอก เพราะงั้น เราจะต้องแข็งแกร่งที่สุดให้ได้ เป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดแบบที่พวกมันอยากให้เราเป็น และเราจะได้กวาดล้างพวกมันซะให้หมดเลย”
ถ้ามองจากมุมมองภายนอก คำพูดของเราคงฟังดูบ้า
แต่สำหรับพวกเราที่หลงใหลในความปรารถนาในการแก้แค้นของกันและกันแล้ว คำพูดของพวกเรา… มุมมองของพวกเรากลับเข้ากันได้อย่างน่าประหลาดจริงๆ
“…อะ จริงสิ นี่ ลีน เราน่ะยังติดสถานะไม่ได้เลือกอาชีพอยู่ ตั้งแต่เสียอาชีพ [ผู้กล้า] ไปใช่มั้ย?”
“ก็ ใช่นะ… เธอยังไม่ได้เลือกอันใหม่เลยงั้นเหรอ? ทำไมไม่เลือก [ผู้ชำระแค้น] ดูล่ะ? มันเป็นอาชีพที่สะดวกใช้ได้เลยนะ”
“เราก็คิดจะทำแบบนั้นเหมือนกัน… แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ เราเลยตัดสินใจเลือกทางนี้แทน”
โยมิเปิดสเตตัสของตัวเองให้ฉันดู
อาชีพที่เขียนอยู่ในช่องคลาส (อาชีพ) คือ [นักดาบ]
ไม่ได้ดั้งเดิม และก็ไม่ได้หายาก เป็นอาชีพธรรมดาด้วยซ้ำ
“…ทำไมล่ะ?”
“เราจะให้คุณเกรย์ช่วยสอน ‘เวทเสริมแกร่งทางกายภาพ’ ให้อยู่แล้วล่ะ แต่เราคิดว่าเราเหมาะกับอาชีพนี้มากกว่า… เราไม่ได้อยากเป็นผู้ชำระแค้นที่แข็งแกร่งที่สุดหรอก เราอยากเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดมากกว่า เราจะได้ฆ่าพวกมันด้วยพลังที่พวกมันพบในตัวเรา… คิดว่ายังไงบ้าง? คิดว่าแบบนี้ดูเหมาะกว่า [ผู้ชำระแค้น] มั้ย?”
…ก็จริง แน่นอนอยู่แล้ว
พรสวรรค์ด้านเพลงดาบของโยมิน่ะแข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ถ้าเธอเชี่ยวชาญด้านดาบจนถึงขั้นล่ะก็… มีความเป็นไปได้ที่เธอจะไปถึงอาชีพใน ‘ซีรีส์เทพ’ ได้เลย อาชีพในระดับตำนานที่อยู่เหนือยิ่งกว่า ‘ซีรีส์ราชัน’ และอยู่เหนือสามัญสำนักของพวกมนุษย์แน่
“…แบบนั้นก็ได้เลยนี่ ฉันสู้มือเปล่ากับใช้เวทมนตร์ได้ ส่วนโยมิใช้ดาบได้ บาลานซ์ไม่เลวเลยล่ะ ว่ามั้ย?”
“ใช่เลย!”
โว้― จู่ๆ อย่าเอาหน้าตาสวยๆ นั่นมาใกล้ฉันสิ ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาให้เป็นแบบนั้นหรอก แต่ฉันจะเผลอชอบเธอเข้าเอานะถ้าเธอทำแบบนั้นน่ะ
…แล้ววันเวลาในการฝึกหนักของฉันกับโยมิก็เริ่มขึ้น
บางครั้งพวกเราก็ไปฝึกกันเอง บางครั้งก็ได้พวกผู้บริหารมาช่วยฝึกให้ และบางครั้งพวกเราก็ฝึกกันจนลืมหลับลืมนอนก็มี
หลายครั้งเลยที่เรา 2 คนสลบเหมือดกัน บางครั้งก็คงเกือบตายด้วยซ้ำมั้ง
แต่พวกเราไม่เคยยอมแพ้
ความปรารถนาในการล้างแค้นของทั้งฉันทั้งโยมิน่ะมากเกินพอเลยล่ะ
…ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่ฉันเริ่มโต้กลับพวกผู้บริหารที่พวกเรา 2 คนเคยต้องช่วยกัน ได้ด้วยคนเดียวแล้ว
ฉันสามารถสู้กับคุณเกรย์กับคุณเรนที่ฉันเคยทำอะไรพวกเขาไม่ได้เลย แต่พวกเรา 2 คนช่วยกันก็พอสู้กลับได้แล้ว
แต่แค่นี้น่ะยังไม่พอหรอก
ฉันตั้งเป้าที่จะแข็งแกร่งที่สุด โยมิเองก็ตั้งเป้าที่จะแข็งแกร่งที่สุด พวกเราเลยฝึกกันต่อ ทั้งฝึกเอง และฝึกให้กันด้วย
และแล้ว ――― เวลาก็ผ่านมา 5 ปี