เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 1189 จู่ ๆ ก็โดนเหม็นขี้หน้าโดยไม่รู้ตัว

บทที่ 1189 จู่ ๆ ก็โดนเหม็นขี้หน้าโดยไม่รู้ตัว

บทที่ 1189 จู่ ๆ ก็โดนเหม็นขี้หน้าโดยไม่รู้ตัว

บทที่ 1189 จู่ ๆ ก็โดนเหม็นขี้หน้าโดยไม่รู้ตัว

แต่ไม่ว่าจะประหลาดใจแค่ไหน ซูหม่านซิ่วก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือเด็กสองคนนั้นแล้ว

ซูเสี่ยวเถียนกับฉืออี้หย่วนพาพวกมันไปยังสำนักงานเทศบาลนคร

ทั้งสองไม่ทันได้ออกตัวก็เจอตำรวจทั้งสองนายเสียก่อน

พวกเขาดูกระวนกระวายใจมาก อากาศไม่ร้อนแต่เหงื่อท่วมร่าง

เม็ดเหงื่อบนหน้าผากต้องกับแสงไฟ

ซูเสี่ยวเถียนได้ยินเสียงลมหายใจหอบหนัก

ส่วนเจ้าพวกที่โดนมัดต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ทีแรกพวกเขาเอาแต่แหกปากลั่น แต่พอเห็นตำรวจก็ทำทีราวกับเห็นความหวัง

“คุณตำรวจ สองคนนี้ฝ่าฝืนกฎหมายมาจับกุมเราไว้ พวกคุณต้องช่วยพวกเรานะ!”

พอคนหนึ่งพูด คนอื่น ๆ ก็ว่าตามทันที

เด็กสาวหัวเราะเสียงเย็น คิดว่าเก่งพอจะเอาชนะเราได้หรือ?

นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับตำรวจต่างหาก

ฝ่ายตำรวจดูจะไม่ได้ยินเสียงพวกนั้น

หลังจากมองพวกอันธพาลแล้วพวกเขาจึงเอ่ยขึ้น

“มีคนแจ้งมาว่าเกิดการทะเลาะวิวาทที่นี่ พวกคุณเองใช่ไหมครับ? ปล่อยพวกนี้ไว้ให้เราจัดการได้เลย ไม่ต้องห่วงนะครับ เราไม่ปล่อยไว้แน่!”

“เฮ้ย! พูดจาแบบนี้มันหมายความว่ายังไง…” ชายที่ไว้ผมรองทรงพลันแย้งขึ้นมา

และในตอนที่กำลังจะอาละวาด ตำรวจนายหนึ่งก็หยุดเขาไว้

ซูเสี่ยวเถียนและฉืออี้หย่วนต่างประหลาดใจกับการกระทำนั้น

เมื่อได้ยินคำพูดแปลกประหลาดนั่น ทั้งสองก็รู้ทันทีว่าคนพวกนี้มีคนหนุนหลังจริง ๆ

งั้นตำรวจสองนายก็มาเพื่อช่วยเหลือหรือ?

แต่ตำรวจมาทั้งทีจะรั้งเอาไว้ก็ไม่ได้

เพราะเราจัดการโดยพลการไม่ได้ด้วยเนี่ยสิ

ซูหม่านซิ่วดูสับสน หรือจะเป็นคนที่แอบอ้างเพราะทำตัวแปลกมากเลย

“พวกคุณมาจากเขตไหนคะ? ประจำสถานีอะไร?” เธอถามด้วยความไม่ไว้ใจ

ตำรวจทั้งสองมองหน้ากัน

“สวัสดีครับ พวกเราเป็นตำรวจจริง ๆ ไม่ได้ปลอมตัวมาอย่างแน่นอนครับ เรามาจากเขต*** ของสถานี*** ครับ บริเวณนี้อยู่ในเขตอำนาจของพวกเราเองครับ ตอนที่กำลังลาดตระเวนได้ยินประชาชนพูดว่าฝั่งนี้เกิดเหตุวิวาทครับ ส่วนนี่เป็นบัตรประจำตัวของเราเองครับ”

หนึ่งในนั้นหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าแล้วแสดงให้ดู

ซูหม่านซิ่วไม่คุ้นเคยเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่เมื่อเห็นหน่วยงานไว้ชัดเจนเลยหมดข้อสงสัย

ฝ่ายเด็กทั้งสองเห็นก็ยอมส่งตัวเจ้าพวกนี้ไปให้

พวกเขาเอ่ยด้วยความสุภาพ ก่อนทิ้งท้ายว่าให้ดีที่สุดพรุ่งนี้มาจดบันทึกประจำวันไว้ด้วย

แถมยังบอกอีกว่าเรื่องบันทึกเสียงต้องทำเย็นนี้เลย แต่เพราะดึกแล้วไม่อยากให้ทุกคนเสียเวลาพักผ่อนและอีกหลายอย่าง

ทั้งสามพึงพอใจกับท่าทางตำรวจมาก

ฝึกมาดีเลยสินะ ดูท่าทางพวกเขาสิ

“พรุ่งนี้ผมจะไปแน่นอนครับ ลำบากพวกคุณแล้วนะครับ” ฉืออี้หย่วนแค่ขอบคุณแล้วเฝ้ามองพวกเขาจากไป

คล้อยหลังไป พวกเราหมดอารมณ์จะกินต่อ

เสร็จเรื่องแล้วเรากลับบ้านให้ไวหน่อยแล้วกัน

ซูหม่านซิ่วเห็นด้วย

เพราะรู้ว่าที่นี่ชอบมีเรื่องเกิดขึ้น เลยไม่ค่อยมาเที่ยวยังไงละ

ดูสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้สิ!

“ไปกันเถอะเสี่ยวเถียน ดึกแล้วด้วย” ซูหม่านซิ่วคว้ามือลูกชายเตรียมกลับบ้าน

“หนูกลับโรงแรมเลยดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าด้วย”

เด็กสาวดูนาฬิกา

ถ้าไปบ้านอาใหญ่กว่าจะกลับโรงแรมอีกคงเที่ยงคืน

“อาอยากให้มาค้างด้วยน่ะ อุตส่าห์ได้มาทั้งที”

ซูหม่านซิ่วไม่อยากให้หลานกลับโรงแรมเท่าไร

อุตส่าห์ได้เจอกันแท้ ๆ

“ไว้หนูมีเวลาเดี๋ยวมาหาอีกก็ได้ค่ะ หนูต้องกลับโรงแรมจริง ๆ ค่ะ พรุ่งนี้มีหลายอย่างให้ทำด้วย แล้วต้องไปโรงงานอีกค่ะ”

ซูเสี่ยวเถียนวางแผนไว้แล้ว เพราะจะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด

แล้ววันนี้ก็อุตส่าห์มีทั้งที อยากจะคุยกับอาใหญ่และพี่อี้หย่วน แต่พังไม่เป็นท่า

“งั้นให้พี่เขาไปส่งนะ”

ซูหม่านซิ่วคิดอยู่พักหนึ่ง เธอมีลูกด้วย จะให้หลานกลับเองก็ไม่ได้อีก

ฉืออี้หย่วนจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดแล้ว

“อาไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไปส่งน้องถึงที่เลย”

เขาเองก็อยากใช้เวลากับเสี่ยวเถียนเหมือนกัน

ทีแรกซูเสี่ยวเถียนจะปฏิเสธเพราะตัวเองแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ช่างเถอะ มีคนดูแลก็ดี

ระหว่างแยกย้ายซูหม่านซิ่วไม่รีบเตือนว่าให้ระวังตัวไว้ด้วยเวลาไปไหนมาไหนคนเดียว

ถึงเฉินจื่ออันจะจองโรงแรมให้ด้วยตัวเอง จึงไม่ต้องห่วงเรื่องด้านความปลอดภัย แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่จึงอดเป็นห่วงไม่ได้

แถมบ้านเราทะนุถนอมหลานมาก เลยยิ่งห่วงมากกว่าเดิม

“อาใหญ่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะเป็นเด็กดี ไม่ออกไปไหนมาไหนถ้าไม่จำเป็นค่ะ” เธอกอดแขนผู้เป็นอาอย่างออดอ้อน

ส่วนฉืออี้หย่วนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ คนทั้งสอง

หลังจากเกิดเรื่องขึ้นเขาคอยมองรอบข้างอยู่ตลอด กลัวว่ายังมีคนหลบซ่อนหมายจะเข้ามาหาเรื่องอีก

ระหว่างเดินออกมาถึงปากทางเข้า เขาก็เห็นสาวงามคนหนึ่งเดินเข้ามาหา

เธอสวยมาก แม้ไฟถนนจะไม่สว่าง แต่ไม่ได้ส่งผลต่อความงามของเธอเลย

คนรอบข้างหันมองเธอคนนั้น

กระทั่งเดินเข้ามาใกล้ ความเย่อหยิ่งบนใบหน้าถึงได้หายไป

ซูเสี่ยวเถียนหน้าตาดีมาก บวกกับออร่าคนมีการศึกษายิ่งทำให้อีกฝ่ายดูดีอย่างยิ่ง

เมื่อทั้งสองยืนเคียงกันทำให้คนธรรมดา ๆ สู้ไม่ได้เลย

แม้จะยืนอยู่ท่ามกลางตลาดอันวุ่นวาย แต่ความงามไม่ได้หายไปเลยสักนิด

แววตาคู่นั้นมีความประหลาดใจ

เธอว่าตัวเองก็สวยอยู่แล้วนะ แต่ไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะสวยกว่าด้วยซ้ำ

คงเป็นเหตุผลที่ฉืออี้หย่วนไม่เห็นใครในสายตาสินะ?

เด็กทั้งสองไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่ซูหม่านซิ่วรู้

‘ลูกสาวตระกูลถังไม่ใช่หรือ?’ เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันจำไม่ได้ก็คงแปลก

เธอชอบเด็กคนนี้นะ

แม้จะเรียนไม่เก่ง และเริ่มทำงานหลังจบมัธยมปลาย แต่ยังร้องรำทำเพลงได้

ด้วยภูมิหลังทางบ้านกับหน้าตา ทำให้มีคนมาสู่ขออยู่เนือง ๆ ทว่าเด็กคนนี้กลับไม่ชอบใครเลย

ในลี่เฉิงมีคนหาเงินเก่ง ๆ เยอะ หน้าตาดีก็มี แต่คงยากถ้าอยากได้ทั้งหน้าตาดีและหาเงินเก่ง

“สวัสดีค่ะคุณฉือ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันที่นี่” คุณหนูถังมองเห็นแต่ฉืออี้หย่วน

เธอแย้มยิ้มด้วยความสุภาพ ทำให้คนอื่นรู้เลยว่าสาวเจ้าพยายามสร้างความประทับใจที่ดี

อันที่จริงหัวใจเธอเต้นแรงมาก

เมื่อได้พบกับคนที่ชอบ สาวเจ้าทั้งกังวลทั้งกระวนกระวาย แต่ตอนนี้ยังคงแสดงความมั่นใจออกมาให้เห็น

เธอรู้ว่าฉืออี้หย่วนไม่ชอบผู้หญิงที่กระตือรือร้นแบบนั้น เลยแสร้งว่าเราบังเอิญได้เจอกัน

ฉืออี้หย่วนเป็นพวกไม่สนใจไยดีใคร และจุดนี้เองที่ทำให้เธอชอบมาก ชอบจนรู้สึกว่าเกิดมาเพื่อเธอจริง ๆ

นอกจากหน้าตา ยังมีเรื่องความสามารถอีก เธอเชื่อว่าเขาจะสร้างสิ่งที่แตกต่างให้ได้แน่

หากแต่งงานกับเขาได้ ปัญหาทุกอย่างคงคลี่คลายเป็นแน่

คุณหนูถังขบคิดอยู่ จึงไม่เห็นสามคนที่เหลือ

ซูหม่านซิ่วยิ้มให้ซูเสี่ยวเถียน

จากนั้นจึงกระแอมไอ

ฉืออี้หย่วนกล่าว “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”

ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความมั่นคง สีหน้าดูไม่คุ้นเคยกับอีกฝ่าย ราวกับจำคนตรงหน้าไม่ได้เลย!

แถมยังดูเหมือนปฏิเสธกลาย ๆ ด้วยไม่รู้สมองคุณหนูถังมีปัญหาอะไรหรือเปล่า

ทว่าเจ้าตัวกลับเห็นว่าชายหนุ่มหล่อมาก

ซูเสี่ยวเถียวมองเห็นฉากนั้นชัดเจน แม้กระทั่งความคิดยังล่วงรู้

จู่ ๆ ก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้า

ใบหน้าของซูหม่านซิ่วขรึมขึ้นเล็กน้อย ในบรรดาพวกเรามีเธอที่รู้จักอีกฝ่ายมากที่สุดแล้ว

ถึงเราจะไม่ได้ไปมาหาสู่บ่อยเท่าไร แต่เพราะอยู่ในละแวกครัวเรือนเดียวกัน กอปรกับสามีเป็นข้าราชการทั้งคู่

คุณหนูถังผู้ไม่มีคนในใจมองฉืออี้หย่วน

เป็นความทะเยอทะยานที่ใครเห็นก็รู้ทั้งนั้น

คุณหนูถังเพิ่งได้ยินเสียงไอของซูหม่านซิ่วเลยหันไปมอง

“สวัสดีค่ะคุณน้าซู วันนี้แวะมาเที่ยวตลาดกลางคืนหรือคะ?” ถังหว่านหรูเข้าไปทักทาย

ต่อให้หงุดหงิดก็ตาม แต่จะข้ามหน้าข้ามตาซูหม่านซิ่วไม่ได้

พ่อแม่บอกว่าอย่าได้แหย่เสือตอนหลับเชียว

แม้กระทั่งก่อนออกมา แม่ยังเตือนมาเลย

ถังหว่านหรูได้แต่นึกเสียใจที่เมื่อครู่มัวแต่มองฉืออี้หย่วนจนลืมสิ่งรอบข้างไปเลย

ไม่รู้อีกฝ่ายจะโกรธหรือเปล่า

ซูหม่านซิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ “หนูเพิ่งจะมาหรือ? ที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัยนะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรอย่าอยู่ต่อเลย”

แม้จะไม่ชอบใจ แต่เธอก็ยังคงตักเตือนด้วยความหวังดี

เด็กผู้หญิงมาตลาดตัวคนเดียวไม่รู้ว่าตั้งใจหรือประมาทจริง ๆ!

ซูหม่านซิ่วเอ่ยด้วยความจริงใจ

แต่คุณหนูถังไม่ได้คำนึงถึงจุดนั้น เพราะเป้าหมายของเธอคือฉืออี้หย่วน ส่วนอย่างอื่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

อันตรายแล้วยังไง ดูสถานะของเธอด้วย

ซูเสี่ยวเถียนไม่อยากเสียเวลาต่อจึงปล่อยแขนผู้เป็นอาออก

“หนูไปก่อนนะคะอาใหญ่ อากับเสี่ยวหย่วนรีบกลับนะ ถ้าอาเขยถึงบ้านไม่เจอคงร้อนใจแย่”

ถังหว่านหรูได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมาก

เมื่อได้ยินว่าหลานสาวของซูหม่านซิ่วและฉืออี้หย่วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แต่แม่ไม่ได้บอกว่าฝ่ายนั้นสวยมากจนตัวเธอยังด้อยกว่า

ไปก็ดี คู่แข่งจะได้น้อยลง

แต่ต่อมาก็ต้องอารมณ์เสียต่อ

เพราะเห็นชายหนุ่มตามเด็กสาวคนนั้นไปด้วย

“คุณฉือรอฉันก่อนได้ไหมคะ ฉันอยากเดินทางตลาดกลางคืนแต่กลัวว่ามันจะไม่ปลอดภัยน่ะค่ะ”

คุณหนูถังไม่สนใจใด ๆ และแสดงความอ่อนแอออกมาแล้วเอ่ยอย่างขัดเขิน

เธอไม่เชื่อว่าหน้าตาของเธอจะไม่สามารถล่อลวงอีกฝ่ายได้

ทว่าฉืออี้หย่วนไม่ใช่คนแบบนั้น

“รบกวนคุณหนูอย่าเข้าใกล้ผมทีครับ เราไม่รู้จักกัน!”

ใบหน้าของเขาเย็นชา รู้สึกรำคาญผู้หญิงคนนี้นัก ถ้าเสี่ยวเถียนเข้าใจผิดจะทำยังไงล่ะ?

ชายหนุ่มมีสีหน้ารังเกียจเล็กน้อย

แม้คุณหนูถังจะคิดว่าท่าทีอีกฝ่ายไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ไม่คิดว่าจะทำตัวไร้ยางอายได้ขนาดนี้

ใบหน้าเธอแดงก่ำ น้ำตาเกือบไหลออกมา

ชายหนุ่มไม่สนใจ บอกลาซูหม่านซิ่วได้ก็จากไปพร้อมเสี่ยวเถียนทันที!

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Score 10
Status: Completed
เรื่องย่อ ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้! เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Options

not work with dark mode
Reset