ตอนที่ 689 เยาฉานวั่นก้วน
“วั่นวั่นน้อย รีบมาหาแม่สิจ๊ะ”
หลินเยียนรีบเดินไปข้างหน้าหลายก้าว โบกมือให้แมวจรจัดที่มีหน้าตารักน่าชัง
เมื่อได้ยินเสียง แมวจรจัดก็ร้องขานรับหลินเยียนเบาๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งเข้าหาหลินเยียนอย่างรวดเร็ว เมื่อวิ่งมาถึงก็ถูไถรองเท้าหลินเยียนต่อไป
“คิดชื่อได้แล้วหรือยัง” เผยอวี้เฉิงถาม
“อืมๆ คิดได้แล้วค่ะ” หลินเยียนผงกศีรษะ
“ชื่อนี้ตรงข้ามกับกงสี่ฟาไฉที่มีก่อนหน้านี้ ดูปกติกว่ามากเลย มันชื่อเสี่ยววั่นใช่หรือเปล่า” เผยอวี้เฉิงเอ่ย
“เสี่ยววั่นเป็นชื่อเล่นของมัน” หลินเยียนตอบระคนหัวเราะ
“แล้วชื่อจริงล่ะ” เผยอวี้เฉิงถาม
“เอ่อ…เยาฉานวั่นก้วน!” หลินเยียนตอบ
เผยอวี้เฉิง “…”
กงสี่ฟาไฉ เยาฉานวั่นก้วน…
…
เมื่อกล่าวลาเผยอวี้เฉิง หลินเยียนก็นำเยาฉานวั่นก้วนกลับมาที่ห้อง
“เยาฉานวั่นก้วน วันหลังที่นี่ก็เป็นบ้านของแกแล้วนะ แกไม่ต้องร่อนเร่อีกแล้ว” หลินเยียนอุ้มแมวจรจัดพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ
ส่วนลูกแมวสีขาวก็ให้ความร่วมมือร้องขานรับหลินเยียนเป็นอย่างดี
หลินเยียนไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าเช่นกัน นำลูกแมวสีขาวเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที
ก่อนหน้านี้หลินเยียนอาบน้ำให้เจ้าแมวส้มตัวน้อยกงสี่ฟาไฉด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงยังมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับอาบน้ำแมวเหลืออีกจำนวนมาก
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงหลินเยียนก็อาบน้ำให้แมวจรจัดสะอาดหมดจด ทั้งยังใช้ไดร์เป่าขนเยาฉานวั่นก้วนจนแห้ง
เพียงแต่เหมือนเยาฉานวั่นก้วนจะกลัวไดร์เป่าผมอยู่บ้าง หลินเยียนต้องพยายามเป็นอย่างมากถึงจะเป่าจนแห้ง
“สวยจังเลย…”
หลินเยียนจ้องมองเยาฉานวั่นก้วนที่เหมือนเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย
นี่ไม่ใช่แมวพันธุ์ทางทั่วไป แต่เป็นแมวมีสายพันธุ์ มิหนำซ้ำ…ยังเป็นแมวพันธุ์แร๊กดอลล์อีกด้วย
เพราะมีราคาสูงลิ่ว ดังนั้นแมวพันธุ์แร๊กดอลล์จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่าธนบัตรเดินได้
หลินเยียนมองสำรวจเจ้าแร๊กดอลล์น้อย รูปลักษณ์ของเจ้าแร๊กดอลล์ตัวนี้ดียิ่งนัก อย่างน้อยก็อยู่ในระดับสายเลือดแท้
แล้วทำไมแมวน้อยที่มีราคาสูงขนาดนี้ถึงกลายเป็นแมวจรจัดได้ล่ะ?
…
ช่วงหลายวันนี้ไม่ว่าหลินเยียนจะไปที่ไหน เยาฉานวั่นก้วนก็จะตามไปด้วย ถ้าหากไม่เห็นหลินเยียน เยาฉานวั่นก้วนก็จะส่งเสียงร้องน่าสงสารต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าหลินเยียนจะปรากฎตัว
ทุกครั้งที่หลินเยียนกลับห้อง เยาฉานวั่นก้วนจะนอนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องเพื่อรอเธอกลับมาอยู่ตลอดเวลาโดยปราศจากข้อยกเว้น
ด้วยความจนใจ หลินเยียนจึงได้แต่ปล่อยกงสี่ฟาไฉเข้าไปในห้องของเธอด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หลินเยียนคาดไม่ถึงอย่างยิ่งก็คือแมวพันธุ์แร๊กดอลล์ที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนว่าง่ายตัวนี้กลับเห็นกงสี่ฟาไฉเป็นศัตรูอย่างยิ่ง
แมวสองตัวพอกัดกันขึ้นมาจะแยกให้ออกจากกันก็แยกไม่ออก แค่ไม่กี่ชั่วโมงห้องของหลินเยียนก็มีแต่ขนแมวเกลื่อนพื้นไปหมด
สิ่งที่ทำให้หลินเยียนไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือแมวส้มตัวน้อยกงสี่ฟาไฉกลับห้าวหาญชาญชัย สู้ชนะเยาฉานวั่นก้วนทุกครั้ง เพียงแต่เยาฉานวั่นก้วนกลับไม่ยินยอม สู้แกไม่ได้ก็ขอเกลียดแกจนตายไปข้างหนึ่ง ดังนั้นหากเอ่ยถึงเรื่องกัดกัน ปกติแล้วเยาฉานวั่นก้วนจะตกอยู่ในสถานะจำยอมว่าต้องถูกอัด
“แกเป็นแมวที่ไหนกันเล่า…นี่แกเป็นฮันนีแบดเจอร์ชัดๆ …”
หลินเยียนมองดูเยาฉานวั่นก้วนที่นอนอยู่บนโต๊ะ มุมปากกระตุกเล็กน้อย
เนื่องจากไม่อาจต้านทานความงามอันล้ำเลิศของเยาฉานวั่นก้วน หลินเยียนจึงถ่ายรูปและถ่ายคลิปจำนวนมหาศาล ทั้งยังโพสต์ภาพพร้อมแคปชั่นลงบนเวยปั๋วอีกด้วย
…
ข้อความ “ดูท่าฉันคงใกล้จะรวยแล้วล่ะ ช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งเสี่ยวสี่กับเสี่ยวั่นก้วนก็ทยอยกันมาหา แมวจรจัดสองตัวที่มีหน้าตาสวยงามล้ำเลิศ พี่ใหญ่คือเจ้าแมวส้มน้อย เจ้ารองก็คือแมวแร๊กดอลล์ ตัวจริงของฉันหน้าตางดงามล้ำเลิศ ส่วนแมวทั้งสองตัวก็สวยมาก”
ใต้ข้อความก็มีภาพของแมวส้มน้อยกงสี่ฟาไฉกับแมวแร๊กดอลล์เยาฉานวั่นก้วน
ตอนที่ 690 เจ้าชายขี่ม้าขาว
หลังจากหลินเยียนโพสต์ภาพและข้อความเสร็จแล้วก็รีเฟรชหน้าจอโทรศัพท์อยู่ตลอด รอให้มีคนมาชมเสี่ยวสี่สี่กับเสี่ยววั่นวั่นของตัวเอง
ลูกชายโง่ของเจ้าของที่ดิน : [พับผ่าสิ หน้าเกลียดจริงๆ เลย เทพธิดา ช่วยถ่ายทอดเทคนิคการขับรถแข่งได้หรือเปล่า…จริงสิ ทำไมถึงชื่อว่าเสี่ยววั่นวั่นกับเสี่ยวสี่สี่ล่ะ หรือคงไม่ได้ชื่อว่าเจาไฉจิ้นเป่าหรอกนะ นี่ไม่เข้ากับนิสัยที่เคยเป็นมาของเทพธิดาเลย! ชื่อนี้เพราะมาก!]
หลินเยียนตอบ : [พี่ใหญ่ชื่อกงสี่ฟาไฉ ชื่อเล่นเสี่ยวสี่ เจ้ารองชื่อเยาฉานวั่นก้วน ชื่อเล่นเสี่ยววั่น!]
ลูกชายโง่ของเจ้าของที่ดิน : […ผมผิดไปแล้ว…เดี๋ยวก่อนนะ พับผ่าสิ เทพธิดาคุณกลับตอบแฟนคลับตัวเล็กๆ อย่างผมด้วยเหรอเนี่ย! สวรรค์ นี่ผมฝันอยู่หรือเปล่า! จะเป็นเรื่องราวความรักระหว่างซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายขี่ม้าขาวหรือเปล่า ผมคือซินเดอเรลล่า เทพธิดาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว การตอบของเทพธิดาคือผลจากความรักของพวกเรา…ไม่ใช่สิ จุดเริ่มต้นต่างหาก!]
หลินเยียน : [เชิญขนเอาขนแมวที่อ่อนนุ่มเต็มพื้นออกไปซะ]
ลูกชายโง่ของเจ้าของที่ดิน : [โอ้มายก้อด! เทพธิดา ผมจะเป็นแฟนคลับคุณไปทั้งชาติ เทพธิดา ขออนุญาตให้ผมแนะนำตัวนะครับ ผมเป็นแอนตี้แฟนของคุณ แอนตี้ไปแอนตี้มา ผมแอนตี้จนเกิดความรู้สึก ต่อมาพอเห็นการแข่งรถของเทพธิดา จากนั้นก็ยังรู้ว่าเยวาเป็นคนเลือกให้คุณแสดงเป็นเยวาด้วยตัวเองอีก ก่อนหน้านี้เทพธิดาคุณถูกใส่ความ ผมเลิกเป็นแฟนคลับหลินซูหย่าแล้ว ผมจะเป็นแฟนคลับคุณเท่านั้น! เทพธิดา วันหลังถ้าใครกล้าแอนตี้คุณ ผมจะให้พวกมันรู้จักพลังการด่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าเทพลั่งหมั่ง!]
หลินเยียน : […]
ฉันเป็นคนผิวเหลืองทำไมลูกชายฉันเป็นคนผิวดำ : [เหอะ เสแสร้งชัดเกินไปแล้วหรือเปล่า ทางนี้เพิ่งจะเริ่มเลือกตัวทูตสันถวไมตรี ทางนั้นก็รับเลี้ยงแมวจรจัดแล้วเหรอ แถมยังจะมาเยาฉานวั่นก้วนอะไรอีก นั่นมันแร๊กดอลล์ แร๊กดอลล์เป็นแมวจรจัด? จะเสแสร้งก็ให้มันจริงใจหน่อย ทำไมเธอไม่บังเอิญรับเลี้ยงลิงอุรังอุตังไปเลยล่ะ อยากจะอ้วกจริงๆ!]
ไดโนเสาร์คำรามเมี้ยวเมี้ยวเมี้ยว : [คนอย่างหลินเยียนทำเรื่องแบบนี้เป็นปกตินี่นา เอาแมวแร๊กดอลล์มาเป็นแมวจรจัด หลอกใครกันน่ะ ไปทำความเข้าใจราคาในท้องตลาดก่อนแล้วค่อยมาเสแสร้ง จริงจังหน่อยเถอะ]
ลูกชายโง่ของเจ้าของที่ดิน : [ทุกคนที่อยู่ข้างบนน่ะ ฉัน***พวกแก***]
หลินเยียนขี้เกียจจะไปสนใจพวกนักเลงคีย์บอร์ดพวกนี้ ปิดเวยปั๋วไปทันที
แม้กระทั่งเรื่องทูตสันถวไมตรีเธอก็ไม่รู้เรื่อง และยิ่งไม่มีข้อมูล
เพียงแต่หลินเยียนเองก็รู้สึกว่าแปลกมากเช่นกัน แร๊กดอลล์จะมีเจ้าของ ทำหล่นหายหรือเปล่า หากว่ากันตามเหตุผล แมวน้อยที่มีราคาแพงมากขนาดนี้ โดยปกติแล้วไม่ค่อยมีโอกาสที่จะเป็นแมวจรจัด
แน่นอนว่าหากมีคนเอาหลักฐานมายืนยันว่าตนเองเป็นเจ้าของเยาฉานวั่นก้วน เธอก็ไม่ถือสาที่จะคืนเยาฉานวั่นก้วนให้เจ้าของ อย่างไรเสียไม่ว่าใครที่ทำสัตว์เลี้ยงของตัวเองหายก็ต้องร้อนใจและโทษตัวเองมากกันทั้งนั้น
……
“เสี่ยววั่นวั่น~”
หลินเยียนร้องเรียกอยู่ในห้อง
เยาฉานวั่นก้วนซึ่งเดิมทีถูกบีบไปอยู่มุมผนังและกำลังถูกอัดอย่างต่อเนื่องอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของหลินเยียนก็กระโดดเด้งขึ้นมาโดยฉับพลัน เหยียบหัวเจ้าแมวส้มน้อยและวิ่งห้อตะบึงออกไป วิ่งขึ้นมาบนโต๊ะที่อยู่ด้านข้างหลินเยียนอย่างรวดเร็วพร้อมร้องเหมียวเหมียวให้หลินเยียน
หลินเยียนเอาเยาฉานวั่นก้วนออกไปจากห้องทันที พาไปเดินเล่นภายในคฤหาสน์เมฆเหมือนกับพาสุนัขเดินเล่น
หลินเยียนเพิ่งจะออกจากประตูก็ชนกับซิงเฉิน
หลินเยียนเซ เยาฉานวั่นก้วนเมื่อเห็นคนแปลกหน้าก็หลบอยู่ข้างหลังหลินเยียนด้วยความกลัวอยู่บ้าง
“คุณหลินเยียน…ไม่เป็นไรนะครับ?”
ซิงเฉินมองหลินเยียนพร้อมเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรๆ” หลินเยียนส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง
“อืม…”
ซิงเฉินไม่ได้พูดมากเช่นเดียวกัน หมุนตัวแล้วเดินไปทางห้องหนังสือของเผยอวี้เฉิง