บทที่ 1181 ซูเสี่ยวเถียนมาแล้ว
บทที่ 1181 ซูเสี่ยวเถียนมาแล้ว
เมื่อมีเงินทุนจากซูเสี่ยวเถียน ฉืออี้หย่วนก็อุทิศตนในการทำงานทันที
สำหรับยุคนี้เงินหลายแสนหยวนถือเป็นจำนวนที่เยอะมาก
ชายหนุ่มเป็นคนมีวิสัยทัศน์ เขาเอาเงินก้อนมาทำเป็นทุน แล้วใช้ลงทุนระยะสั้น
แม้จะแค่ช่วงสั้น ๆ แต่ทำให้เขาได้รับเงินมามหาศาล
จากนั้นก็มุ่งไปที่เขตพัฒนา
เพราะบริษัทจดทะเบียนในเยอรมนีด้วย ก็เลยได้รับผลประโยชน์มากกว่าเดิม
ต่อให้เมืองหลวงเฟื่องฟู แต่ที่เขตพัฒนากลับเหมาะสำหรับการลงทุนมากกว่า
ฉืออี้หย่วนเดินทางไปยังลี่เฉิงด้วยเงินเป็นกอบเป็นกำ
การพัฒนาของลี่เฉิงในช่วงสองปีนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แม้การลงทุนที่ทำจะไม่ใช่ขนาดใหญ่ แต่มากพอให้เริ่มต้นธุรกิจได้
ชายหนุ่มตัดสินใจทำอสังหาริมทรัพย์
พิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เขาไม่สามารถซื้อที่ดินมาพัฒนาได้
และด้วยตนมากความสามารถ ทำให้ดึงทีมงานก่อสร้างมาได้อย่างรวดเร็ว
เขามีแนวคิดและแผนการออกแบบในระดับสูง รวมถึงมีประสบการณ์ในการก่อสร้างมาก ๆ
ในไม่ช้าทีมวิศวกรของเขาก็ได้เป็นที่โด่งดังของลี่เฉิง
บริษัทต่าง ๆ เดินทางมาติดต่อมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ฉืออี้หย่วนอยากทำสัญญาในโครงการของรัฐ
หลังจากสร้างสายสัมพันธ์กับผู้นำท้องถิ่นได้แล้ว ก็เริ่มต้นทำสัญญาทันที
แม้แต่เฉินจื่ออันยังทราบข่าวทีมวิศวกรของฉืออี้หย่วน
แต่เขาไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือเพราะฉืออี้หย่วนเป็นเด็กเก่ง และเชื่อว่าแค่มีตนคอยดูแล ย่อมไม่โดนคนอื่นรังแกข่มเหง เด็กคนนี้ไปได้ไกลแน่
และไม่คิดจะเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนด้วย เพราะงั้นจึงไม่มีใครในลี่เฉิงทราบว่าชายหนุ่มมีความเกี่ยวข้องกับผู้นำลี่เฉิง
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงของปีที่สองแล้ว
ตอนนี้ฉืออี้หย่วนมีลูกน้องเป็นทีมวิศวกรทั้งหมดสองทีม รวมทั้งหมดประมาณสามสี่ร้อยคน
รวมทีมงานเข้ากับแนวคิดและการออกแบบของชายหนุ่มทำให้เขาได้ดำเนินโครงการดี ๆ หลายโครงการ ชื่อเสียงจึงเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้า
ผู้นำบางคนยังให้ความสนใจคนคนนี้เลย
ครั้นมีงานเลี้ยง ฉืออี้หย่วนจึงได้รับคำเชิญเสมอ
เมื่อไปปรากฏตัวที่นั่นมักมีสาวงามหลาย ๆ มาหาโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
สถานการณ์แบบนี้ไม่มีทางพ้นสายตาของเฉินจื่ออันหรอก
เขาขมวดคิ้ว
ถึงเจ้าอี้หย่วนกับเสี่ยวเถียนจะไม่ได้ตกลงปลงใจกัน แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านได้ยอมรับกันอย่างเงียบ ๆ แล้วว่าเด็กทั้งสองจะใช้ชีวิตด้วยกันในอนาคต
หนึ่งในนั้นคือซูหม่านซิ่ว
เฉินจื่ออันเล่าให้ภรรยาฟัง
อีกฝ่ายเองก็ขมวดคิ้วไม่ต่างกัน
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ? ว่ากันตามหลักแล้วเสี่ยวหย่วนไม่น่าเป็นที่สนใจได้ง่าย ๆ นะ”
เฉินจื่ออันหัวเราะระหว่างกินข้าว “เธอประเมินเด็กคนนี้ต่ำไปหน่อยนะ ตัวเขาในตอนนั้นกับตอนนี้แตกกันเยอะเลย”
หนึ่งปีกว่าแล้วที่ฉืออี้หย่วนมาลี่เฉิง สมัยนั้นมาตัวคนเดียว ไม่มีรากฐานใด ๆ ทั้งสิ้น
ทว่าหลังจากนั้นก็ได้พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่
คนเก่ง ๆ พวกนั้นจะมองไม่เห็นศักยภาพของหนุ่มคนนี้ได้ยังไงกัน?
บ้านไหนมีลูกสาวก็อยากให้แต่งงานกับเขาอยู่แล้ว
ส่วนบ้านไหนไม่มีก็มักแนะนำลูกสาวฝั่งญาติ ๆ มาแทน
สรุปแล้วเขาเป็นที่มีศักยภาพคนหนึ่งเลย
หลาย ๆ คนจึงอยากได้มาครอบครองเอาไว้
มีผู้นำหลายคนที่รู้สึกว่าหากฉืออี้หย่วนแต่งงานกับคนของเรา มันยิ่งช่วยได้มากกว่านี้อีก
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะ? เสี่ยวเถียนไม่ได้มานานแล้วด้วย ถ้าหลานได้โผล่หน้าบ้างคงไม่มาถึงจุดนี้หรอกนะ”
ซูหม่านซิ่วมั่นใจมาก เพราะรู้ดีว่าหลานมีนิสัยและหน้าตาเป็นยังไง
แม้แต่ลูกสาวนักธุรกิจจากเซียงเจียงยังไม่โดดเด่นเท่าเลย
ขอแค่เสี่ยวเถียนได้ปรากฏตัว เด็กผู้หญิงพวกนั้นต้องกระเจิงแน่
เฉินจื่ออันไม่ได้พูดอะไรมาก จะให้พูดเองก็คงไม่เหมาะ
ที่จริงยังคิดเหมือนกันว่าหากฉืออี้หย่วนไม่สามารถต้านทานผู้หญิงที่กำลังล่อลวงใจก็ไม่เป็นไร
บ้านเรามีหลานสาวคนเดียว แน่นอนว่าเราต้องการคู่ครองที่ดีให้กับเธอ
อย่างน้อยก็ต้องมีจุดยืนที่มั่นคงก่อน
“งั้นฉันโทรหาเสี่ยวเถียนดีไหม?” ซูหม่านซิ่วมองว่านี่คือหนทางที่ดีที่สุด
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวหลานก็มาแล้ว”
เฉินจื่ออันเก็บจานชาม
“คุณรู้ได้อย่างไรน่ะ?”
“คณะผู้แทนจากประเทศ Y จะมาเยือนน่ะ เสี่ยวเถียนเป็นล่ามให้พวกเขา พวกเขาจะมาลี่เฉิงประมาณสี่วัน หลังจากนั้นเราจะมีงานเลี้ยงด้วย”
เขาล้างจานไปด้วยตอบภรรยาไปด้วย
“พอถึงวันงานเธอก็ต้องไปนะ ฝ่ายนั้นพาคนในครอบครัวมาเหมือนกัน”
ซูหม่านซิ่วตื่นตระหนก
“จะไปได้ยังไง? ฉันไม่เข้าใจภาษาของพวกเขานะ”
“เรามีล่ามอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก” เฉินจื่ออันยิ้ม “หลายปีมานี้คุณเองก็ทำได้ดีมาตลอดเลยนะ ไม่มีอะไรต้องกังวล!”
ซูหม่านซิ่วเติบโตอย่างรวดเร็ว คงเพราะสามีเป็นผู้นำด้วยเลยมีโอกาสได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่สำคัญหลายงาน
“ไม่ต้องพูดด้วยใช่ไหม?” เธอยังคงไม่สบายใจ
“มีเสี่ยวเถียนเป็นล่ามทั้งทีมีอะไรให้ห่วงกันล่ะ?” เขาหัวเราะ
ตนไม่เคยเห็นภรรยาขาดความมั่นใจขนาดนี้มาก่อนเลย
ที่จริงเขาคิดว่าเธอทำได้ดีกว่าที่คาดไว้เยอะเลย
ซูหม่านซิ่วเป็นผู้หญิงชนบทธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ตอนนั้นที่ตกหลุมรักเพราะมีน้ำใจ และเป็นคนขยัน
แต่หลังจากนั้นก็ทำผลงานออกมาได้ดี
นิสัยใจคอยังเปลี่ยนไปด้วย ราวกับมาจากครอบครัวนักวิชาการ
แม้ใบหน้าจะมีริ้วรอยเพิ่มขึ้น แต่ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล
ซูหม่านซิ่วสงบลงทันที
จริงด้วย เสี่ยวเถียนเป็นล่ามด้วยนี่นา ถึงตอนนั้นต้องพึ่งพาหลานแล้วละ
“เข้าใจแล้วค่ะ ว่าแต่ฉันควรแต่งตัวยังไงหรือ?”
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอก็เริ่มคิดถึงเรื่องการแต่งกาย
“พี่เถาฮวาไม่ได้ส่งกี่เพ้ามาให้เธอหรือ? ฉันว่ามันดูดีอยู่นะ เหมาะกับเธอด้วย”
เมื่อนึกภาพรูปลักษณ์อันสง่างามของภรรยาในชุดกี่เพ้า ใบหน้าเฉินจื่ออันก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“มันจะดูไม่เหมาะสมหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก เธอใส่ไปเถอะ ตอนนี้ในเมืองหลวงเริ่มใส่กันแล้วด้วยนะ ไม่ต้องห่วงลี่เฉิงเราหรอก”
ถ้าโรงงานพี่เถาฮวาทำกี่เพ้าออกมา งั้นตอนนี้เมืองหลวงคงมีขายอยู่เต็มตลาดแน่
ลี่เฉิงอยู่ใกล้กับเซียงเจียง และได้รับการยอมรับมากกว่าที่ไหน ๆ ใส่กี่เพ้าไปก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ฝั่งฉืออี้หย่วนกลับบ้านเช่าไปนอนพักผ่อน เขากำลังนึกถึงปัญหาเรื่องหนึ่งอยู่
ช่วงนี้มีผู้หญิงมาแสดงความชื่นชอบต่อเขาทั้งนั้นเลย
ทั้งลูกสาวจากครอบครัวข้าราชการ ลูกสาวนักธุรกิจเซียงเจียง และลูกสาวของคนในท้องถิ่น
ถ้าไม่เห็นความนัยของพวกเขาก็โง่เต็มทนแล้ว
แต่ตนไม่สนใจใครเลย จะแก้ปัญหายังไงดี?
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์
ยังไงก็ต้องจัดการ แต่ถ้าปฏิเสธตรง ๆ จะส่งผลต่อการความก้าวหน้าในอนาคตแน่
แต่ถ้าไม่ปฏิเสธ พวกเขาจะหาเหตุผลมาปรากฏตัวตรงหน้าเสมอ ทำให้ตนลำบากใจไม่น้อย
โดยเฉพาะลูกสาวนักธุรกิจเซียงเจียง แต่ละคนมีนิสัยเปิดเผยกันมาก แถมเป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วย
บางคนทั้งบอกตรง ๆ และแอบบอกว่าที่เซียงเจียงมีภรรยาสามภรรยาสี่ได้นะ
ฉืออี้หย่วนรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
รับรู้ก็เรื่องหนึ่ง แต่เต็มใจยอมรับก็อีกเรื่องหนึ่งสิ
มีภรรยาเยอะ ๆ แล้วยังไง? ดีกว่าเสี่ยวเถียนอีกหรือ?
พอนึกถึงเด็กคนนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบปากกาที่มักถือติดตัวไปไหนมาไหนขึ้นมาลูบ
เสี่ยวเถียนให้เอาไว้ก่อนตนเดินทางมาลี่เฉิง
และบอกว่าให้เขาใช้เขียนจดหมายส่งมาหา
ซูเสี่ยวเถียนที่อยู่เมืองหลวงในตอนนี้ไม่รู้เลยว่า ฉืออี้หย่วนคิดถึงเธอมากจนอยากให้มาถึงลี่เฉิงโดยไว
ตอนนี้เด็กสาวกำลังเดินออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง
ในฐานะล่ามของคณะผู้แทนจากประเทศ Y เธอกำลังจะไปลี่เฉิง
การเดินทางกินเวลาสี่วัน
ได้เจออาเขย อาใหญ่ และซิ่วหย่วนไม่พอ ยังได้เจอฉืออี้หย่วนด้วย จะไม่ให้ตื่นเต้นดีใจได้ยังไงกัน?
คุณย่าซูถือถุงผ้าใบใหญ่ก่อนส่งให้หลานสาว
“ไว้กินระหว่างทางนะ มีของพวกอาแล้วก็เจ้าซิ่วหย่วนด้วย ถือไปดี ๆ ล่ะ”
“เดินถนนหนทางระวังด้วย อย่าให้คนเขาหลอกเอา”
“แล้วแน่ใจใช่ไหมว่าไปคนเดียวได้ ให้พี่เขาไปส่งไหม?”
ซูเสี่ยวเถียนหัวเราะ
“หนูไม่ได้ไปคนเดียวนะคุณย่า คนเยอะแยะเลย”
สีหน้าหญิงชราย่ำแย่กว่าเก่า
“ย่ารู้ว่าคนเยอะ แต่เขาไม่ใช่คนในประเทศเรานะ มีคนเลวหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เกิดมีเจตนาไม่ดีจะทำยังไง?
หลานสาวหน้าตาน่ารักดั่งไม้งาม เกิดใครเพ่งเล็งเข้าจะเสียใจคงไม่ทันการแล้ว
ไม่รู้มีคนเจตนาแอบแฝงระหว่างเดินทางหรือเปล่า
เมื่อก่อนตอนนั่งรถไฟก็เจอแต่คนไม่ดีเยอะแยะเลย
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เพื่อนในประเทศเราก็มีนะ”
“ลี่เฉิงเป็นเมืองที่อาเขยดูแลด้วย หนูจะโดนเขาเอารัดเอาเปรียบได้ยังไงกัน?”
คุณย่าซูเพิ่งนึกได้
ซูเสี่ยวเถียนดูนาฬิกา “สายมากแล้วค่ะ หนูไปก่อนนะ”
คุณย่าซูเฝ้ามองหลานลากกระเป๋าออกไป
คุณปู่ซูปลอบไม่กี่คำท่านก็ดีขึ้น
“เฮ้อ! รู้แหละว่าเด็ก ๆ โตขึ้นจะต้องออกไปโบยบิน แต่ทำใจปล่อยไปไม่ได้จริง ๆ น่ะ ตาแก่ คุณเพิ่งจะพูดใช่ไหมว่าทำไมหม่านซิ่วไม่กลับมาหากันบ้างเลยน่ะ”
ที่จริงเธออยากไปด้วยเหมือนกัน
พอแก่ตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ใจอยากจะมีลูกหลานคอยอยู่ข้างกาย
และหม่านซิ่วไม่ได้กลับบ้านมาสองปีแล้ว คิดถึงลูกเหลือเกิน
“จื่ออันบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าสิ้นปีนี้จะถูกย้ายกลับมา ถึงเวลานั้นเดี๋ยวก็ได้เจอกัน”
คุณย่าซูถอนหายใจ
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงล่ะ?
ช่างเถอะ ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ
ฝั่งซูเสี่ยวเถียน หามุมแอบ ๆ ยัดถุงที่ย่าให้มาใส่ในช่องเก็บของ
ที่จริงในกระเป๋าเดินทางของเธอก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก หลาย ๆ อย่างยัดเข้าระบบหมดแล้ว
ครั้งนี้เรานั่งเครื่องบิน บนนั้นมีอาหารเราไม่หิวหรอก
แต่เพราะย่าอุตส่าห์ทำมาให้ เธอเลยอยากเอากลับไปให้พี่อี้หย่วนและครอบครัวอาใหญ่
เป็นเวลาห้าโมงเย็น ก่อนพวกเราจะเดินทางมาถึง
ลี่เฉิงเตรียมงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับคณะผู้แทนจากประเทศ Y
ส่วนสถานที่คือโรงแรมที่แขกพักนั่นละ
พวกซูเสี่ยวเถียนแยกย้ายพักผ่อน หลังจากจัดการตัวเองเสร็จถึงค่อยมาร่วมงานเลี้ยง
ในฐานะล่าม เธอไม่จำเป็นต้องสวมชุดทางการนัก แต่ที่ใส่อยู่ก็นับว่าดูดีไม่น้อย
เธอสวมชุดเดรสผ้าไหมสีฟ้าคอเหลี่ยมคู่กับเข็มกลัดมุก ดูเหมาะมาก และไม่ได้บดบังความงามของกลุ่มภรรยาของคณะผู้แทนแม้แต่น้อย
ครั้งนี้พวกเขาเดินทางมาเพื่อร่วมมือโครงการ หากสามารถเจรจาผ่านลี่เฉิงจะได้กำไรมหาศาล
เฉินจื่ออันคิดอย่างคนตระหนี่ ว่างานเลี้ยงที่จัดไว้ให้ถือว่ามาตรฐานสูงพอสมควร ทั้งยังเชิญผู้มีชื่อเสียงทางการเมืองและธุรกิจในท้องถิ่นมาร่วมหลายท่าน
พวกเขาพาครอบครัวมาด้วย บ้างก็ภรรยา และลูก ๆ
ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำกับสมาชิกในครอบครัว ซูหม่านซิ่วผู้เป็นภรรยาของเฉินจื่ออันจึงมาด้วย
เฉินจื่ออันสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง รูปร่างสูงตระหง่านทำให้ชุดที่เรียบตรงดูดีมาก ๆ
ไม่รู้เป็นที่ชุดหรือเป็นที่คนที่ทำให้มันดูออกมาสมบูรณ์แบบ
ซูหม่านซิ่วที่อยู่เคียงข้างนั้น ใบหน้ามีร่องรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อย แต่ยังเหมือนดอกไม้ที่อยู่ข้าง ๆ เขา แม้ว่าจะมีรอยย่นเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา แต่ก็เหมือนกับดอกไม้งามเปล่งประกายเหนือน้ำ ทำให้ดูมีเสน่ห์ที่ต่างกัน
ยอมรับเลยว่าหากเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน เธอดูสูงส่งกว่าเหล่าภรรยาในลี่เฉิงเสียอีก
และมันไม่ใช่แค่ฐานะของสามีที่มั่นคงมากขึ้น แต่ภรรยาเองก็พยายามด้วยเช่นกัน
ซูหม่านซิ่วไม่เข้าใจภาษาของประเทศ Y แต่เธอได้เรียนรู้คำทักทายง่าย ๆ มาด้วย
ระหว่างที่พบคณะผู้แทน เธอแสดงท่าทีอย่างสง่าผ่าเผย
ทุกการเคลื่อนไหวสง่างามจนเหล่าภรรยาของประเทศ Y ยังตกใจ
ซูเสี่ยวเถียนเห็นผู้เป็นอาแล้ว เธอทำได้แค่ยกยิ้มให้