ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 650 ฉันคิด ฉันจึงมีอยู่

ตอนที่ 650 ฉันคิด ฉันจึงมีอยู่

ตอนที่ 650 ฉันคิด ฉันจึงมีอยู่

เมื่อโจวเจ๋อถูกพระขี้เรื้อนทุ่มลงมาจากชั้นบน ทนายอันและสวี่ชิงหล่างที่อยู่ด้านล่างก็สัมผัสได้ทันที แต่ที่น่ากระอักกระอ่วนเล็กน้อยก็คือ ทิศทางที่โจวเจ๋อและพระขี้เรื้อนร่วงลงไปเป็นบริเวณด้านหลังของโรงแรมพอดี ตอนที่ทนายอันและสวี่ชิงหล่างอ้อมมาถึงด้วยความเร็วสุงสุด การต่อสู้ก็เข้าสู่จุดเดือดแล้ว สุนัขเฝ้าบ้านตัวหนึ่งและหมาบ้าตัวหนึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่านถึงขั้นสุด

คลื่นอากาศส่งเสียงสนั่นดังลั่น การปลดปล่อยพลังงานที่น่าสะพรึงกลัว การปะทะกันและการต่อสู้ระหว่างเลือดเนื้อ ทนายอันและสวี่ชิงหล่างไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ มันคือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้จริงๆ ทำให้ทั้งสองรู้ดีแก่ใจว่าต่อให้เข้าไปตอนนี้ เมื่อทั้งสองฝ่ายเลือดขึ้นหน้าแล้ว ต่อให้อยากจะช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้ กระทั่งอาจทำให้เถ้าแก่ของตัวเองเป็นห่วงเอาได้

“อิ๋งโกวไม่ใช่ว่าหลับใหลหรอกเหรอ” สวี่ชิงหล่างพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย อิ๋งโกวหลับใหลไปแล้ว เรื่องนี้น่ะ เขาเชื่อว่าโจวเจ๋อคงจะไม่โกหกทุกคนหรอก แถมไม่จำเป็นต้องโกหกด้วย แต่ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ

ทนายอันเอื้อมมือไปลูบคางพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมคิดว่ามีความเกี่ยวข้องกับการที่เถ้าแก่กลืนมู่เฉิงเอินไปก่อนหน้านี้มากกว่าครึ่ง”

“เกี่ยวข้องกับเขาเหรอ”

“คุณจำภาพวาดโบราณในบ้านของมู่เฉิงเอินได้ไหม”

สวี่ชิงหล่างได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า แน่นอนว่าจำภาพวาดนั้นได้ ตอนนั้นมู่เฉิงเอินพร้อมยอมจำนนและจะสารภาพแล้ว แต่เถ้าแก่ในเวลานั้นดูเหมือนจะตกอยู่ในอารมณ์บางอย่างจนไม่สามารถสนใจเรื่องอื่น และ ‘ดูดกลืน’ มู่เฉิงเอินจนแห้งสนิทอย่างสิ้นเชิง ภาพวาดนั้นจึงกลายเป็นร่องรอยเบาะแสสุดท้ายที่เหลืออยู่

“เคยดูหนังเรื่องหนึ่งไหม ดูเหมือนจะชื่อว่า ‘ไอเด็นติตี้ เพชฌฆาตไร้เงา’”

สวี่ชิงหล่างพยักหน้า “เคยดู”

“จริงๆ แล้วในเนื้อเรื่องเล่าถึงคนหลายบุคลิก ฆ่ากันเองจนท้ายที่สุดก็เหลือเพียงไม่กี่บุคลิก บางครั้งผมก็คิดเหมือนกันว่าสถานการณ์ของเถ้าแก่คล้ายกับในหนังเรื่องนั้นจริงๆ คุณต้องรู้ว่าจริงๆ แล้วอิ๋งโกวไม่ใช่วิญญาณที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา และไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าบ้านและผู้อาศัย

อิ๋งโกวชอบเรียกเถ้าแก่ว่า ‘สุนัขเฝ้าบ้าน’ มาก ในความเป็นจริงมีชั้นของความหมายนี้อยู่ในนั้น พวกเขาเป็นจิตสำนึกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเกิดในจิตวิญญาณดวงเดียวกัน และเห็นได้ชัดว่าอิ๋งโกวเป็นลูกพี่ที่มีความคู่ควรของกลุ่มจิตสำนึกนี้ และสามารถกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาบุคลิกภาพทั้งหมด”

“งั้นเถ้าแก่ล่ะ”

“เขานับว่าเป็นคนที่มีบุคลิกชัดเจน เหมือนกระทรวงการต่างประเทศของประเทศ รับผิดชอบกิจกรรมภายนอกทั้งหมด แต่ในประเทศนี้ผู้มีอำนาจที่กุมอำนาจจริงๆ ดันไม่ใช่เขา”

“ผมก็ยังสับสนอยู่นิดหน่อย”

“ผมก็สับสนนิดหน่อยเหมือนกันน่า แต่คร่าวๆ ก็น่าจะหมายความว่าอย่างนี้ ก่อนหน้านี้ก็เกิดเรื่องของแม่นางไป๋กับหลี่ซิ่วเฉิงในทงเฉิงมาก่อนไม่ใช่หรือไง ไม่รู้ว่าแม่นางไป๋ใช้อะไรเป็นพิเศษกระทั่งอาจกล่าวได้ว่ามีพลังต้องห้ามเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น คำว่า ‘เซียน’ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคำนั้นล้วนเป็นข้อห้าม ภายใต้การขับเคลื่อนของแม่นางไป๋ หลี่ซิ่วเฉิงที่เป็นหนึ่งในบุคลิกนั้นเกือบจะก่อกบฏได้สำเร็จ หากไม่ใช่เพราะในจิตวิญญาณของเถ้าแก่ยังมีไท่ซานห้ามปรามไว้อยู่ บางทีเถ้าแก่คนปัจจุบันอาจกลายเป็นหลี่ซิ่วเฉิงก็ได้ เฮ้อ…”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทนายอันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “แปลกมาก และน่าเหลือเชื่อมากใช่ไหมล่ะ สามารถปรับแต่งระดับชั้นของชีวิตให้ลึกลงไปจนถึงบุคลิกภาพได้อย่างแท้จริง สิ่งมีชีวิตทั้งหลายแหล่ยึดถือร่างกายเป็นพื้นฐานของการดำรงอยู่ เมื่อร่างกายพังทลายก็หมายถึงการแตกดับของชีวิต

ยมโลกของเราก้าวล้ำหน้าไปอีกขั้น ใช้จิตวิญญาณเป็นพาหะ แม้แต่ร่างกายก็ใช่ว่าจะแลกเปลี่ยนไม่ได้ เช่นเดียวกับตอนที่เฝิงซื่อเอ๋อร์ขึ้นมาแล้วไปขอยืมร่างศพที่หอประกอบพิธีฌาปนกิจ แต่พอถึงระดับของอิ๋งโกว เขาสามารถแบ่งชีวิตลงได้จนถึงระดับบุคลิกภาพเล็กๆ ทำเรื่องละเอียดซับซ้อนในพื้นที่เล็กๆ ระดับแบบนั้นมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน มันเหมือนกับว่าจิตใจของฉันเป็นอมตะ และร่างกายของฉันก็เป็นอมตะ”

“คุณหมายความว่า สิ่งที่เหล่าโจวแสดงออกมาทั้งหมดในตอนนี้เป็นอีกบุคลิกหนึ่งใช่ไหม”

“ครึ่งต่อครึ่งละมั้ง ความเป็นไปได้อย่างแรกคือเถ้าแก่ตื่นรู้เองแล้ว คล้ายกับในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ‘เซ็นต์เซย์ย่า’ เอาชนะคุณไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อาศัยความทรงจำและการพูดคุยกับตัวเอง ก็สามารถเผาจักรวาลเล็กๆ ระเบิดพลังออกมาได้ เถ้าแก่ถูกพระนั่นบีบจนตรอกแล้ว ก็ใช้ท่าปลาเค็มพลิกตัว ปลาเค็มแทงฉับพลัน ปลาเค็มสู้ปะทะ ปลาเค็มอายุยืนยาวบุกโจมตี ดูเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”

ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ แถมยังพูดว่าครึ่งต่อครึ่ง แต่สวี่ชิงหล่างฟังออกว่า ทนายอันเองก็ไม่เชื่อในความเป็นไปได้นี้

“ความเป็นไปได้อย่างที่สองล่ะ”

“ความเป็นไปได้อย่างที่สองก็คือ เพราะเถ้าแก่กลืนมู่เฉิงเอินแล้ว แต่มู่เฉิงเอินอาจมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับบุคคลในภาพมาก ต้องรู้ก่อนว่า มู่เฉิงเอินเป็นผีดิบมีวิญญาณตัวที่สองที่ผมเคยเห็นบนโลกใบนี้!

ถ้าเขาไม่ใช่ลูกหลานของคนในภาพวาดนั้น ก็เป็นผู้สืบทอดวิชาหรือมรดกส่วนหนึ่งของชายในภาพวาด สรุปคือ บุคคลในภาพวาดต้องเกี่ยวข้องกับมู่เฉิงเอินอย่างแน่นอน แถมมุมมองในภาพวาดโบราณนั้นก็ดูแปลกมาก อิ๋งโกวกำลังโกรธ ชายหนุ่มกำลังดื่มและพูดคุย ผมเดาไว้และเชื่อว่าเถ้าแก่ก็เดาได้เหมือนกัน นั่นก็คือคนในภาพวาดนั้นน่าจะเป็นสุนัขเฝ้าบ้านรุ่นใดรุ่นหนึ่งของอิ๋งโกว แต่เขาเติบโตขึ้นมาได้สำเร็จ และรอดพ้นจากพันธนาการของอิ๋งโกวได้ เขาแกร่งเกินไปหรือว่าเขาวางแผนคิดร้ายต่ออิ๋งโกวทำให้อิ๋งโกวผิดหวัง สิ่งนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาทำสำเร็จแล้ว เขาทำให้อิ๋งโกวหมดหนทาง รอดพ้นจากชะตากรรมของสุนัขเฝ้าบ้านทุกยุคทุกสมัยได้สำเร็จและสร้างรูปแบบใหม่ ส่วนมู่เฉิงเอินก็เป็นลูกหลานของเขา หรือไม่ก็โชคดีได้สืบทอดวิชาส่วนหนึ่งของเขา”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ สวี่ชิงหล่างก็หรี่ตาลง ในร่างกายของเขามีพลังของเจ้าแห่งท้องทะเลส่วนหนึ่งถูกผนึกเอาไว้ หลายสิ่งหลายอย่าง จริงๆ แล้วมีความคิดและรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณทำให้หยั่งรู้ได้ง่ายกว่า จึงเอ่ยขึ้นทันที “คุณหมายความว่า เพราะเถ้าแก่กลืนมู่เฉิงเอินจึงกระตุ้นบุคลิกบางอย่างในตัวเขาให้ตื่นขึ้น และคนตรงหน้านี้ก็คือ…”

ทนายอันพยักหน้าช้าๆ อันที่จริง หลายๆ สิ่งล้วนชัดเจนมาก โจวเจ๋อสามารถควบคุมการเข้าออกจากสภาวะผีดิบได้นานแล้ว แต่เพราะเขากลืนมู่เฉิงเอินเข้าไป คิดไม่ถึงว่าเกือบเสียสติจะกินแม้กระทั่งอิงอิง เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะความเกี่ยวข้องกับมู่เฉิงเอิน ทำให้บุคลิกอื่นในร่างกายของเขาที่คล้ายกับหลี่ซิ่วเฉิงเริ่มส่งอิทธิพลขึ้นมา แต่ทว่าคนผู้นั้นร้ายกาจกว่าหลี่ซิ่วเฉิงอยู่มากโข

จงรู้ไว้ว่าเมื่อหลี่ซิ่วเฉิงพ่ายแพ้ที่ไท่ผิงเทียนกั๋ว แม้ว่าจะชื่นชมอิ๋งโกวที่เห็นในความฝันมาก แต่อิ๋งโกวเพียงแค่ดูเขาขึ้นตึกสูง ดูเขาเลี้ยงแขกเหรื่อ ดูตึกของเขาล้มลง ดูเมืองของเขาแตก ดูเขาถูกจับ และดูเขาถูกฆ่าอย่างเย็นชา

จากมุมมองของผู้บังคับบัญชา อิ๋งโกวไม่ได้ใส่ใจจริงจังกับเรื่องสุนัขเฝ้าบ้านแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา จักรพรรดิและข้าราชการในสมัยโบราณมีคำพูดที่เรียกว่า ‘เจ้าหน้าที่คือสวรรค์ ประชาชนคือแกะ’ คำว่า ‘แกะ’ ในที่นี้อธิบายถึงทัศนคติของชนชั้นสูงที่มีต่อคนชั้นล่างได้อย่างชัดเจนแล้ว

แม้แต่คนร่ำรวยและผู้มีอำนาจในโลกยังมองว่าคนทั่วไปเป็นเหมือนหมู แกะ สุนัข และกุยช่าย อย่างนั้นระดับชั้นของชีวิตก็ไกลเกินจินตนาการของผู้คน นับตั้งแต่สมัยโบราณอิ๋งโกวเปรียบเสมือนจระเข้ตัวใหญ่ จะมองคนระดับล่างอย่างไรนั้นก็สามารถดูรู้ได้

“ถ้างั้น เถ้าแก่จะเป็นไหม” สวี่ชิงหล่างชี้ไปที่หน้าผากของเขาและวนๆ อยู่รอบหนึ่ง

ทนายอันส่ายหน้าและพูด “น่าจะไม่หรอก ตามความหมายที่ปรากฏในภาพวาดและการปรากฏตัวของมู่เฉิงเอิน สามารถยืนยันได้อย่างหนึ่งคือ สุนัขเฝ้าบ้านคนนั้นได้บรรลุภารกิจที่สุนัขเฝ้าบ้านทุกยุคทุกสมัยทำไม่สำเร็จแล้ว และหลุดพ้นจากเงื้อมมือของอิ๋งโกวไปแล้ว กระทั่งเป็นไปได้ว่าอาจแยกจากอิ๋งโกวแล้วดำรงอยู่อย่างเอกเทศโดยใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เคยเป็นสุนัขเฝ้าบ้านมาก่อน ตามคำอธิบายของเถ้าแก่ก่อนหน้านี้ ในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขา ในที่ที่ไท่ซานปราบเอาไว้ มีเสาทองสัมฤทธิ์มากมายและทะเลสาบแห่งหนึ่ง ส่วนด้านล่างมีเงาร่างของสุนัขเฝ้าบ้านในยุคต่างๆ เขาไปแล้ว แต่ที่นั่นจะต้องมีร่องรอยทางจิตวิญญาณทิ้งไว้และขู่เถ้าแก่ไม่สำเร็จ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่เท่ากับว่ามีอิ๋งโกวเพิ่มขึ้นมาอีกคนหรอกเหรอ”

ทนายอันเกือบจะอดไม่ไหวส่งเสียง ‘ชิ’ และเกือบจะพูดว่า ‘ความเห็นของผู้หญิง’ ออกไปแล้ว

“นั่นเป็นเพียงอิทธิพลของบุคลิกภาพหนึ่ง มันแตกต่างจากอิ๋งโกวมากนัก”

อย่างน้อยในสายตาของทนายอันอิ๋งโกวก็ยังดีที่สุดอยู่ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อิ๋งโกวเพียงแค่พลาดท่าไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เป็นหุ้นที่มีศักยภาพสูงที่ควรค่าแก่การซื้อ!

ไม่ว่าคนในภาพวาดจะเก่งกาจแค่ไหน ก็แค่อาศัยตอนที่อิ๋งโกวพลาดท่าแล้วเอาชนะอิ๋งโกวได้ก็เท่านั้น แน่นอนว่า คนผู้นั้นสุดยอดจริงๆ เพราะแมลงร้อยขาตายอย่างไรก็ไม่ล้ม สามารถล้วงคองูเห่าต่อหน้าอิ๋งโกวได้ ถือเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดอย่างแน่นอน แต่เมื่อเทียบกับเถ้าแก่ของเขาแล้วยังตามหลังอยู่อีกมาก เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างเถ้าแก่ของเขากับอิ๋งโกวแล้ว

คุณพูดว่า ‘สุนัขเฝ้าบ้าน’

เขาพูดว่า ‘เจ้าโง่’

แม่งเอ๊ย

‘ไอ้ผีทะเล’

‘ศัตรูคู่อาฆาต’

ทนายอันพบว่าหลายครั้งที่มันยากจะเข้าใจ ถ้าไม่เป็นเพราะเถ้าแก่ของเขามีเสน่ห์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร ก็ต้องเป็นแมวตาบอดที่โชคดีเจอหนูตาย ไม่อย่างนั้นเถ้าแก่ของเขาจะเข้ากันได้ดีกับอิ๋งโกวประหนึ่งเครื่องจักรกับน้ำมันได้อย่างไร

ความสำเร็จนี้เพียงพอที่จะฆ่าสุนัขเฝ้าบ้านทั้งหมดในอดีตได้ในคราวเดียว รวมถึงตัวที่อยู่ในภาพวาดด้วย

“ยังจะสู้กันอีกนานไหมเนี่ย” สวี่ชิงหล่างพูดอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าสถานการณ์การต่อสู้ด้านล่างยังคงพัวพันจนแยกออกจากกันได้ยาก

โชคดีที่มีปราณวิญญาณและปราณพิฆาตตลบอบอวลอยู่ที่นี่ คนธรรมดาจึงไม่รับรู้สถานการณ์ที่นี่ คล้ายกับตอนแรกที่ต่อสู้จนระเบิดหลุมขนาดใหญ่ตรงทางเข้าสถานีตำรวจ แต่ตำรวจที่อยู่ข้างในกลับไม่รู้สึกถึงมันเลย

“ผมกลับไม่ได้กังวลตอนนี้ แต่ผมกังวลหลังการต่อสู้ไปแล้วต่างหาก” ทนายอันเดาะปาก แล้วพูดกับสวี่ชิงหล่างต่อ “คุณเตรียมตัวไว้เลยนะ เมื่อก่อนอิ๋งโกวเป็นผู้ควบคุมหลัก แม้ว่าคนผู้นั้นจะทะนงตัวเกินไป แต่หลังจากกลับไปทุกครั้ง อย่างน้อยก็ยังหลงเหลือพลังสำรองเอาไว้บ้าง ด้วยเหตุนี้แม้ว่าเมื่อก่อนเถ้าแก่จะบาดเจ็บสาหัสกลับมาทุกครั้ง แต่รักษาตัวผ่านไประยะหนึ่งก็ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้คนผู้นี้เป็นเพียงอิทธิพลของบุคลิกภาพที่หลงเหลือไว้ เขาเป็นคนที่ไม่ใส่ใจหรือสนใครหน้าไหนกินดะทั้งหมด ดูที่มือของเขาสิ จุ๊ๆ ผมกลัวว่าหลังต่อสู้จบลง เถ้าแก่จะถูกบีบจนแห้งกระทั่งอาจจะถึงตายได้…”

สวี่ชิงหล่างได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า

จริงๆ แล้ว พละกำลังก็ยังคงเป็นพละกำลังนี้ และฐานของพละกำลังนี้ก็วัดจากร่างกายของโจวเจ๋อที่ใช้เป็นพาหนะ อิ๋งโกวใช้หรือโจวเจ๋อใช้รวมถึงการใช้งานที่ขับเคลื่อนด้วยบุคลิกนี้ สิ่งที่แตกต่างคือการควบคุมที่ละเอียดอ่อนและความเข้าใจในพละกำลัง แต่ปริมาณน้ำในสระไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้นเมื่ออยู่บนโลกมนุษย์ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจใดๆ ในนรก อิ๋งโกวก็จะ ‘เงียบเสียง’ ไปโดยปริยาย แต่ในนรกก่อนหน้านี้ การพลีชีพของพญายมผิงเติ่งหวังลู่ ทำให้สามารถฆ่าล้างสังหารไปทั่วทุกสารทิศในนรกได้ทันที หากวัดกันที่ ‘บ่อน้ำ’ ของโจวเจ๋อเพียงอย่างเดียวจริงๆ ละก็ มันไม่เพียงพอสำหรับการกระทำการใหญ่ใดๆ หรอก

“เอ๊ะ!” ทนายอันส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ “ถึงเวลาตัดสินผู้ชนะแล้วสินะ”

…………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Score 10
Status: Completed
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

Options

not work with dark mode
Reset