บริเวณพรมแดนของแดนลับถูกแบ่งอย่างชัดเจน
นี่เป็นพื้นที่ทับซ้อนกันที่นครหลวงเทพจงใจตั้งขึ้นเพื่อป้องกันผู้เข้าร่วมจากการบังเอิญเข้าส่วนเทพสวรรค์โดยไม่ตั้งใจ
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ถ้านักล่าเดินเท้าเข้ามายังบริเวณที่นักโทษอยู่น้อย ไม่ช้าพวกเขาก็จะตระหนักว่าอาจก้าวข้ามเขตแดนไปแล้ว
แน่นอน หลังก้าวข้าม นักโทษจะเรียนรู้อย่างรวดเร็วเพื่อใช้ประโยชน์จากมัน นักโทษที่บาดเจ็บบางคนจะซ่อนตัวเพื่อรักษาแผล เพื่อเลี่ยงความขัดแย้งภายในที่มากเกินระหว่างนักโทษ นครหลวงเทพจึงยอมรับพฤติกรรมนี้ไปโดยปริยาย แต่ทว่า หลังฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บได้ นักโทษต้องออกจากพื้นที่นี้
เมื่อเวลาผ่านไปป พรมแดนจึงกลาเยป็นที่ชุมนุมของคนเช่นผู้สูงอายุและผู้อ่อนแอ นักโทษที่นี่มีโอกาสน้อยที่จะเล่นงานนักล่าก่อน
ท่ามกลางนักล่า มักมีข้อตกลงโดยปริยายว่าจะไม่ทำร้ายนักโทษแถวพรมแดน
เหนือสิ่งอื่นใด ทุกอย่างที่พวกเขาทำจะเห็นได้จากภายนอก การโจมตีพวกอ่อนแอไม่ดีต่อชื่อเสียงพวกเขา
นอกจากนี้ คนที่เข้าร่วมแดนลับเพื่อล่ายังเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรใหญ่ พวกเขาจะไม่ลดตัวไปทำเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว
การรังแกคนอ่อนแอเป็นเรื่องที่จะทำให้พวกเขาโดนล้อเลียนไปอีกนาน
แน่นอน หลินฮวงรู้ถึงกฏที่ไม่ต้องพูดนี้ จากวินาทีที่เขาก้าวเท้าเข้าพรมแดง จิตเทวะเขาก็สัมผัสได้ถึงนักโทษที่กระจัดกระจาย แต่เขาก็เลือกผ่านไป
เขาไม่ทำเช่นนั้นเพื่อชื่อเสียงเขา แต่เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรในการรังแกคนอ่อนแอ
ทีละคน นักโทษมากมายแถวพรมแดนสัมผัสได้ถึงหลินฮวง แน่นอน พวกเขารู้ว่าบุคคลที่ผ่านบริเวณนี้อันตรายเกินจะไปยั่วยุ พวกเขาต่างปิดซ่อนกลิ่นอายตัวเองและหดตัวเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็น
แม้โอกาสที่อีกฝ่ายจะโจมตีนั้นไม่สูง พวกเขาก็อาจพบพวกหัวร้อนที่ทำทุกอย่างเพื่อล่าและเก็บแต้ม
เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของหลินฮวงถอยห่างไป นักโทษที่กำลังพักฟื้นจากบาดแผลก็ถอนหายใจโล่งอก
ตามความทรงจำที่ได้รับจากนักโทษเทพแท้จริงหลายคน หลินฮวงใช้เวลากว่าสิบนาทีผ่านพรมแดนก่อนเข้าเขตของเทพสวรรค์แห่งแดนลับ
เมื่อเขาย้างก้าวเข้าสู่เขตเทพสวรรค์ เขาก็พลันขยายขอบเขตการตรวจจับของจิตเทวะจนถึงสูงสุด ตรวจสอบสภาพแวดล้อม หัวของเขาแยกแยะตำแหน่งตัวเองได้ชัดตามภูมิประเทศด้านหน้า
‘ข้าไม่ได้หลงไปจากตำแหน่งที่คาดไว้ ประมาณสองร้อยกิโลเมตรด้านหน้าที่นี่ ข้าควรพบมอนสเตอร์ค้างคาว’
หลังมั่นใจว่าไม่พลาดอะไร ร่างของหลินฮวงก็ลอยขึ้นฟ้า เร่งความเร็วไปยังเป้าหมายระดับเทพสวรรค์ตัวแรก
เป้าหมายการล่าแรกที่เขาจับคือนักโทษสายพันธ์ุผิดปกติที่เหมือนค้างคาว
นักโทษตนนี้เดิมเป็นฑูตสวรรค์ หลังโดนพลังงานหุบเหวกัดกร่อน ร่างกายมันก็ผิดปกติอย่างรุนแรง ปีกที่เคยขาวของมันผลัดขนออก เปลี่ยนเป็นปีกค้างคาวน่าเกลียดที่ปกคลุมด้วยหูด แม้กระทั่งรูปลักษณ์มันก็ยังเปลี่ยนจากฑูตสวรรค์แสนภาคภูมิเป็นสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดที่ปกคลุมด้วยตุ่มหนอง โครงสร้างกระดูกของมันยังผิดรูปไปเช่นกัน
แม้กระทั่งดวงวิญญาณของมันก็ยังบิดเบี้ยว ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นผลจากพลังงานหุบเหว ถ้ามีคนตรวจสอบโดยใช้พลังกฏเทพประเภทตรวจสอบวิญญาณ พวกเขาจะเห็นว่าแก่นชีวิตมันไม่ใช่ของฑูตสวรรค์อีกแล้ว แต่เป็นมอนสเตอร์หุบเหว
แม้มันจะยังมีจิตสำนึกดั้งเดิมอยู่ในระดับหนึ่ง แต่จิตสำนึกปัจจุบันมันก็โดนครอบงำด้วยความบ้าคลั่ง
มันยังเคยโจมตีอดีตเผ่าพันธ์ุตัวเองกว่าครั้งและแพร่เชื้อพลังงานหุบเหวใส่คนอื่น
นักโทษระดับเทพสวรรค์ส่วนใหญ่ในแดนลับนี้จะไม่โจมตีนักล่าด้วยความตั้งใจของตัวเอง แต่มีนักโทษบางคนที่คล้ายกับสายพันธ์ุผิดปกติตัวนี้ที่เสียสติพื้นฐานไป และจะโจมตีทุกสิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้พวกมัน
นี่ทำให้นครหลวงเทพอยากแบ่งแยกระหว่างเขตของเทพสวรรค์และเทพแท้จริงหใ้ชัดเจน เพื่อป้องกันผู้เข้าร่วม
ด้านนอกแดนลับ เมื่อเทพสวรรค์เห็นจุดหมายของหลินฮวง ในไม่ช้าพวกเขาก็รู้ว่าเป้าหมายการล่าของหลินฮวงคืออะไร
สีหน้าของเทพสวรรค์หลายคนเปลี่ยนไป
แม้กระทั่งใต้สวรรค์ก็ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ผู้อาวุโสใต้สวรรค์ ท่านอยากเสนอให้เขาเปลี่ยนเป้าหมายไหม?”ผู้นำเทพสวรรค์ของนครหลวงเทพสังเกตเห็นปฏิกิริยาของใต้สวรรค์และอดถามไม่ได้
สำหรับนักล่าที่ล่าเทพสวรรค์ นครหลวงเทพได้มอบอำนาจให้ทุกองค์กรใช้การแจ้งเตือนได้หนึ่งครั้งกับผู้เข้าร่วม
แต่ทว่า ในความเป็นจริง มีคนไม่มากที่ใช้สิทธิ์นี้
โดยปกติแล้ว เมื่อผู้เข้าร่วมเลือกเป้าหมายที่ไม่เหมาะสม ผู้นำจะเสนอให้พวกเขาเปลี่ยนเป้าหมาย
แต่ใต้สวรรค์กลับส่ายหัว”มันไม่จำเป็น เขาควรรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร”
เขายังสังเกตเห็นว่าหลินฮวงได้อ่านความทรงจำของนักโทษเหล่านั้น และต้องได้รับข้อมูลเกี่ยวกับนักโทษเทพสวรรค์มาบ้าง เนื่องจากหลินฮวงมุ่งตรงไปหาอีกฝ่าย นี่ก็หมายความว่าเขาต้องมั่นใจ
การปฏิเสธของใต้สวรรค์เป็นอะไรที่ทุกคนไม่คาดคิด
นี่เพราะไม่ว่าจะมองยังไง การต่อสู้ก็ไม่ดีต่อหลินฮวงเลย
สายพันธ์ุผิดปกติตัวนี้เคยเป็นฑูตสวรรค์ มันมีความเชี่ยวชาญในกฏกับห่วงโซ่ลำดับเทพประเภทความเร็ว พวกที่เดินทางสายความเร็วนั้นเรียกได้ว่าเป็นดาวข่มผู้ใช้พลังจิต
ในทางกลับกัน สายพันธ์ุผิดปกติตัวนี้ยังหลงเหลือสติอยู่บ้างและสามารถเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งได้ตลอดเวลา มันมีความเป็นไปได้สูงที่ความสามารถมันจะเพิ่มขึ้นตามสภาพจิตใจที่ผิดปกติ ดังนั้น มันจึงอันตรายยิ่งกว่านักโทษระดับเทพสวรรค์ทั่วไป
ทุกคนคุยกับอย่างเผ็ดร้อนถึงการต่อสู้นี้ ส่วนใหญ่ไม่มองในแง่ดีนัก แม้ว่าพวกเขาจะโดนหลินฮวงตบหน้ามามากแล้วก็ตาม
ตอนนี้ เทพสวรรค์อีกคนดีดตัวขึ้น
“เนื่องจากทุกคนกำลังถกเถียงกัน ข้าก็ขอเริ่มการเดิมพัน สำหรับรอบนี้ เราจะเดิมพันว่าซิวมู่นั้นจะชนะหรือแพ้…:”
“ใครที่อยากเดิมพันว่าซิวมู่ชนะ ให้วางของที่อยากเดิมพันลงในแหวนบนมือซ้ายข้า คนที่อยากเดิมพันว่าดาวเจิดจรัสชนะ(ชื่อไรฟะ) ให้วางของลงในแหวนบนมือขวาข้า…”
การเดิมพันรอบใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนวางของเดิมพันลงในแหวนทีละคน แต่กว่า 90%เลือกแหวนบนมือขวา มีแค่สองคนที่ลงข้างหลินฮวง และก็ลงแค่สมบัติเทพสวรรค์ขั้นต้น
เมื่อทุกคนวางเดิมพันกัน ใต้สวรรค์จึงเหลือบมองกลุ่มคนที่มองเขาอีกครั้งและนำแหวนเก็บของเขาออกมา
แหวนวงนี้ไม่เพียงแต่รวมถึงสมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูงสิบชิ้นที่เขาใช้เดิมพัน แต่ยังรวมถึงของทั้งหมดที่เขาชนะจากการเดิมพันด้วย
เมื่อเห็นว่าใต้สวรรค์ลงเงินก้อนโตอีกครั้ง ทุกคนก็อดเลิกคิ้วไม่ได้
เหล่าคนที่วางเดิมพันแล้วรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
มีอีกหลายคนที่ยังไม่ลงเดิมพัน พวกเขารีบทำตามใต้สวรรค์ทันที แต่ทว่า พวกเขาไม่กล้าลงเยอะและโยนแค่สมบัติเทพสวรรค์ขั้นต้นหนึ่งหรือสองชิ้น
การเดิมพันรอบใหม่ปิดตัวพอดีกับตอนที่หน้าจอแสดงว่าหลินฮวงได้เข้าสู่ระยะตรวจจับของสายพันธ์ุผิดปกติตัวนั้นแล้ว…