ปรมาจารย์อาวุโสแห่งลัทธิอสุราสิ้นชีพแล้ว เพราะถูกอุ้งเท้าสุนัขฟาดใส่
ชายชราร่างท้วมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ รู้สึกราวกับวิญญาณถูกกระชากออกจากร่างไม่มีผิด เขามองร่างแหลกเหลวของปรมาจารย์อาวุโส ยังคงไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองเห็นตรงหน้า
ชายผู้นั้นคือปรมาจารย์อาวุโสแห่งลัทธิอสุรา เป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชั้นกลาง ถือเป็นกระดูกสันหลังของสำนัก เขาคือชายผู้ซึ่งปกครองดินแดนทางใต้อย่างโหดเหี้ยม ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นกลับมาถูก... สุนัขที่ไม่เคยมีใครในดินแดนทางใต้ได้ยินชื่อมาก่อนฆ่าตาย
ปรมาจารย์อาวุโสผู้ที่จัดการเขาเสียหมอบกระแตเมื่อครู่ ตอนนี้ถูกสุนัข… ตบตายไปเรียบร้อยแล้ว ช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้!
หลังจากที่ดึงสติกลับมาได้ ชายชราร่างท้วมก็หันไปมองสุนัขสีดำด้วยสายตาหวาดกลัว ร่างสั่นสะท้านไปหมด
หมอกสีเลือดที่ก่อตัวเป็นเจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุรายังคงลอยค้างอยู่บนฟ้า แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ชายชราร่างท้วมขนหัวลุกเท่าสุนัขตรงหน้า
ลัทธิอสุราไปหาเหาตัวใหญ่เช่นนี้ใส่หัวได้อย่างไรกันนี่
ความตายของปรมาจารย์อาวุโสถือเป็นปรากฏการณ์ที่จะทำให้ลัทธิอสุราสั่นสะเทือน... ไม่สิ น่าจะทั้งดินแดนทางใต้เลยมากกว่า
ปู้ฟางเองก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่คิดว่าผู้ฝึกตนที่ร้ายกาจน่ากลัวถึงเพียงนั้นจะถูกเจ้าดำโค่นได้ง่ายๆ ความจริงเจ้าดำดูเหมือนแค่ออกแรงตบแมลงวันเท่านั้น
วืด…
เสียงหึ่งดังขึ้นในอากาศอีกครั้ง
กระแสพลังปราณสาดออกจากจุดที่ปรมาจารย์อาวุโสสิ้นชีพ กระแสนั้นกระเพื่อมอย่างรุนแรงเป็นวงกว้างตัดผ่านอากาศ เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณแทรกตัวออกจากรอยแตก เป็นจิตวิญญาณของปรมาจารย์อาวุโสนั่นเอง
ใบหน้าของวิญญาณนั้นดูโกรธเกรี้ยวเป็นอันมาก เขากรีดร้องแต่ไม่มีเสียง ร่างบิดเร่าอย่างน่าสยดสยอง ใบหน้าดุร้ายบ้าคลั่ง
แรงดึงดูดทรงพลังระเบิดออกจากกองอิฐ ลูกโลกวิญญาณล่วงลับสีขาวอมเทาลอยขึ้นมา ดูดเอาวิญญาณของปรมาจารย์อาวุโสเข้าไปข้างใน หลังจากที่บิดเบี้ยวอยู่นาน วิญญาณของชายชราก็เข้าไปในลูกโลกในที่สุด
เห็นดังนี้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าปรมาจารย์อาวุโสนั้นตายจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
เมฆสีเลือดม้วนบิดในอากาศก่อร่างเป็นกระบี่ยาวสีโลหิต พลังปราณแก่กล้าแห่งกระบี่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
เจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุราซึ่งกำลังชี้ปลายกระบี่มาที่เจ้าดำนั้นแดงฉานเสียจนดูเหมือนเลือดที่กำลังหยดลงมา กระบี่นั้นรวดเร็วรุนแรงมากจนแทบทำให้พื้นถนนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
นอกนครหลวง
ดวงตาขององครักษ์โลหิตที่กำลังทำแผลให้ตนเองอยู่เบิกกว้างทันที เขากระโจนออกมายืนอยู่หน้ากองทัพ เมื่อเห็นเจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุราอยู่บนท้องฟ้าไกลออกไป รูม่านตาของเขาก็พลันหดแคบ ความกระวนกระวายหวาดกลัวฉาบเคลือบใบหน้า
“เจต... เจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุรา ท่านปรมาจารย์อาวุโสจนตรอกถึงกับต้องเรียกสิ่งนี้ออกมาเลยหรือนี่”
องครักษ์โลหิตสูดลมเย็นเข้าปอด หัวใจสั่นไหวรุนแรง
จีเฉิงอวี่และเจ้ามู่เฉิงเองก็ขนลุกซู่ทั้งตัวเช่นกัน ทั้งสองนั่งอยู่บนหลังอสูรเวทม้า จิตใจเตลิดเปิดเปิงไปพอตัว
ดูเหมือนว่า… ปรมาจารย์อาวุโสแห่งลัทธิอสุราจะเอาปู้ฟางไม่อยู่
…
ในหอคอยโลหะดำทะมึนที่เมืองชายแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล
มหาพรตผู้ซ่อนใบหน้าเอาไว้หลังหน้ากากลืมตาขึ้น หัวใจของนางสั่นสะท้านไปหมด รู้สึกได้ถึงลางร้ายที่หมุนวนปั่นป่วนอยู่ในท้อง
นางโบกมือเพื่อเรียกยันต์หยกมากมายออกมาแล้วส่งมันขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็งอนิ้วเรียวยาวเพื่อคำนวณบางอย่างในใจ ยิ่งคำนวณความตกใจก็ยิ่งฉายชัดอยู่เบื้องหลังหน้ากาก
ทันใดนั้นยันต์หยกชิ้นหนึ่งก็พลันแตกออกพร้อมเสียงระเบิดดังลั่น มันกระจุยกระจายสาดเศษผงลงใส่พื้นเบื้องล่าง
“นี่มัน…”
มหาพรตลุกขึ้นยืน หัวใจกระตุกขณะสูดหายใจเข้าลึก
“ท่านปรมาจารย์อาวุโส… ตายแล้วหรือ”
ตู้ม ตู้ม ปัง!
เกิดเสียงปะทะดังสนั่น แสดงให้เห็นว่าบางสิ่งในหอคอยกำลังสั่นไหว
มหาพรตหันไปมองประตูเหล็กบานหนาด้านหลังด้วยความหวาดหวั่น
พลังปราณหนาแน่นพุ่งออกจากหลังบานประตูนั้น…
“ให้ตายสิ… ใครมาปลุกเจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุรากัน หือ นี่มันพลังของลูกโลกวิญญาณล่วงลับมิใช่หรือ”
เสียงแหบห้าวดังผ่านประตูออกมา เสียงนั้นมาพร้อมอารมณ์สงสัย
มหาพรตไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ นางตอบด้วยเสียงประหม่า “บางทีท่านปรมาจารย์อาวุโส… อาจจะสิ้นชีพแล้วก็เป็นได้เจ้าค่ะ”
ความเงียบเข้าครอบคลุมสักพัก จากนั้นเสียงแผ่วเบาก็เอ่ยตอบ
“ข้ารู้อยู่แล้ว… ก็เครื่องตรวจจับวิญญาณที่ข้าใส่ไว้ในลูกโลกวิญญาณล่วงลับถูกปลุกขึ้นมาแล้วน่ะสิ”
…
เจ้าดำมองกระบี่สีแดงบนท้องฟ้า แม้จะใหญ่และมีพลังกดดันมหาศาล แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันยี่หระแต่อย่างใด เจ้าสุนัขกลับมองว่าน่าสนุกเสียด้วยซ้ำ
เจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุรา ใครจะไปคิดว่าจะได้เห็นอะไรเช่นนี้ในบริเวณรกร้างห่างไกลของดินแดนทางใต้กัน
แม้เจตจำนงแห่งกระบี่นี้จะดูไร้ซึ่งชีวิตและไม่สมบูรณ์… แต่ก็ยังเป็นเจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุราอยู่วันยังค่ำ ไม่ใช่สิ่งที่ควรอยู่ในดินแดนทางใต้แม้แต่น้อย
วืด…
เจตจำนงกระบี่สีเลือดเคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้า ทำให้ทั้งนครหลวงตกอยู่ในความหวาดกลัวขวัญหาย พวกเขารู้สึกเหมือนเลือดทุกหยดในกายถูกสูบออกจากร่าง แล้วดูดเข้าไปในเจตจำนงแห่งกระบี่บนท้องฟ้า
มันราวกับเป็นปีศาจร้ายที่เข้ามาครอบงำชีวิตของพวกเขาไม่มีผิด
ลูกโลกวิญญาณล่วงลับสีขาวอมเทาเริ่มหมุนคว้าง พอกลืนวิญญาณของปรมาจารย์อาวุโสเข้าไป มันก็สว่างจ้าขึ้น
ลูกโลกนั้นดูเหมือนจะตื่นขึ้นแล้ว และกำลังพุ่งไปในอากาศอย่างราบรื่น
ร่างยักษ์สีเทาระเบิดออกจากลูกโลก ร่างนั้นใหญ่เสียจนบดบังท้องฟ้าทั้งหมดมืดมิด ทั้งยังมีพลังกดดันรุนแรงมหาศาลจนทานทนไม่ไหว
พลังนั้นทำให้ชายชราร่างท้วมหน้าซีดเผือด ในตอนนี้ใบหน้าของเขาขาวซีดเหมือนผีเลยทีเดียว
“ผู้นำสูงสุดแห่งลัทธิอสุรา… ต้วนหลิง!”
ชายชราร่างท้วมกลืนน้ำลาย ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชื่อนี้เปรียบเสมือนฝันร้ายสำหรับเขา มันฝังรากลึกอยู่ในสมองของทุกกลุ่มอำนาจในดินแดนทางใต้
หรือว่า… คนผู้นี้จะตื่นขึ้นมาแล้ว
ร่างยักษ์นั้นลอยอยู่เหนือทุกสิ่ง ดวงตาเย็นเยียบวาดผ่านฝูงชน แล้วสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ร่างมโหฬารของเจ้าดำ
ทั้งสองประสานสายตากันกลางอากาศ
“เจ้าสังหารปรมาจารย์อาวุโสของข้าหรือ ช่างกล้านัก…”
เสียงสายฟ้าดังลั่นฟาดลงมาจากเบื้องบน ร่างยักษ์โบกมือเพื่อหยิบกระบี่สีแดงในอากาศขึ้นมา
เจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุราเปล่งประกายร้ายกาจ ทำให้ทุกคนในนครหลวงรู้สึกกดดันจนทานทนไม่ไหว พลังนั้นทำให้ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำไปหมด
“ตายเสีย เจ้าจะต้องตายไปพร้อมปรมาจารย์อาวุโสของข้า”
เขาโบกมือ วาดกระบี่ยักษ์สีแดงเลือดให้ซัดลงมาหาเจ้าดำ
เจ้าดำกระตุกมุมปากอย่างรังเกียจ มันสูดหายใจเข้าลึก ก่อนตะโกนเห่าใส่เจตจำนงแห่งกระบี่ของลัทธิอสุรา
“โฮ่ง!”
เสียงเห่านั้นดังไปทั่วนครหลวง มันลอยมาเข้าหูของจีเฉิงอวี่และกองทัพของเขาด้วยซ้ำ
ม้าที่ตื่นตกใจของจีเฉิงอวี่และเจ้ามู่เฉิงทรุดลงคุกเข่ากับพื้นทันทีที่ได้ยินเสียงกระบี่ ทำให้ทั้งสองถูกโยนออกจากหลังม้า ใบหน้าของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยความหวาดผวา
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นกลับเกิดขึ้นต่อจากนี้…
เสียงเห่าทำให้กระบี่สีเลือดในอากาศแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเพียงเศษฝุ่นสีแดงซึ่งถูกลมพัดหายไปในอากาศ
ร่างใหญ่ยักษ์สั่นสะท้าน ก่อนจะหดตัวกลับลงไปในลูกโลกวิญญาณล่วงลับที่ทอแสงเจิดจ้าเหมือนดวงดาวยามค่ำคืน จากนั้นมันก็พุ่งไปยังขอบฟ้ามุ่งหน้าสู่ดินแดนไกลลิบ
ความเร็วของมัน… มากยิ่งกว่าความเร็วเสียงด้วยซ้ำไป
เจ้าดำหยุดเห่า มันแลบลิ้นออกมาเพื่อเลียริมฝีปากพลางส่งเสียงฮึดฮัด ร่างหดกลับมาเป็นสุนัขตัวน้อยน่ารักดังเดิม ทั้งอืดอาดและอ้วนตุ้บ
เจ้าดำไม่ได้สนใจลูกโลกที่พุ่งหนีไปแต่อย่างใด สำหรับมันอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่ได้น่าสนใจเหมือนซี่โครงเปรี้ยวหวานของปู้ฟางเลยแม้แต่น้อย มันเดินนวยนาดแบบแมวย่องซึ่งเป็นท่าเดินเอกลักษณ์เพื่อกลับเข้าร้านไป
ปู้ฟางเหลือบตามองเจ้าดำแว่บหนึ่งด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองปีศาจ
เจ้าดำกลอกตาใส่พลางฮึมฮัมอย่างมีความสุข จากนั้นก็กลับไปนอนที่หน้าร้านแล้วเริ่มเข้าสู่นิทรา…
เหมือนกับว่าชาตินี้ชาติหน้าหรือชาติไหนๆ ก็นอนไม่เคยพอ
ปู้ฟางหันไปมองเจ้าดำที่กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง เขาสูดลมหายใจเข้าก่อนจะมองไปรอบๆ ตัว
ทุกอย่างถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่สิ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนที่อยู่รอบร้าน หรือตึกอื่นๆ ก็ล้วนเป็นเศษซากไปทั้งหมด
ราวกับบริเวณเล็กๆ ในนครหลวงแห่งนี้ถูกทำลายราบคาบ เป็นภาพที่น่าหวาดกลัวมากทีเดียว
ชายชราร่างท้วมก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
ร่างของเขาชาดิกเสียจนไม่รู้สึกถึงหินที่อยู่ใต้ก้นด้วยซ้ำไป และเขาคงไม่มีวันมองร้านเล็กๆ ของฟางฟางเหมือนเดิมได้อีกแล้ว…
พ่อครัวหนุ่มแสนลึกลับ หุ่นเชิดระดับเก้า และปีศาจร้ายในคราบสุนัขอ้วน ความแข็งแกร่งระดับนี้… ถือเป็นสุดยอดในดินแดนทางใต้อย่างแท้จริง
เจ้าดำยังคงนอนอืดอยู่บนพื้น มันเปิดตาขึ้นอย่างเกียจคร้านเพื่อมองไปในระยะไกล
ในตอนนั้นเองมันก็เห็นชายชราร่างท้วมที่กำลังมองกลับมาด้วยสายตาตื่นตกใจ
พอเห็นว่าสุนัขตัวนั้นกำลังมองมาที่ตน ชายชราร่างท้วมก็พลันตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนแรงแล้วรีบเผ่นแนบออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
…
นอกกำแพงเมืองนครหลวง
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพจากดินแดนแสนภูผากลับมาเรียบร้อยแล้ว เนื้อตัวของเขาสั่นเทาไปหมด เขากลับมาพร้อมข่าวใหญ่ที่น่าตื่นตกใจ
ปรมาจารย์อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่แห่งลัทธิอสุรา ซึ่งทรงพลังมากเสียจนทำให้ทุกคนต้องหัวใจกระตุกด้วยความหวาดกลัว… เสียชีวิตแล้ว เขาถูกสังหารขณะต่อสู้กับร้านเล็กๆ แห่งฟางฟาง
ข่าวอันน่าตกใจนี้ทำเอาวิญญาณของจีเฉิงอวี่และเจ้ามู่เฉิงแทบออกจากร่าง