คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 435 อนุรูปงามแต่โง่เขลา

ตอนที่ 435 อนุรูปงามแต่โง่เขลา

ตอนที่ 435 อนุรูปงามแต่โง่เขลา

ฉินหลิวซีได้ฟังผีรับใช้รายงานเช่นนั้นก็หรี่ตาลง ตระกูลติงตามติดเป็นวิญญาณไม่ห่างเลยจริงๆ

ยามที่ตระกูลฉินไปหา เขากลับหลบหน้าไม่ยอมเจอ พอเวลานี้ร้านค้าเล็กๆ ทำมาค้าขายขึ้นกลับอยากมายื้อแย่ง

“ตระกูลติง เห็นว่าตระกูลฉินไม่มีใครแล้วหรืออย่างไร!” ฉินหลิวซียกมุมปากเล็กน้อย

ผีรับใช้เห็นรอยยิ้มตรงมุมปากของนางก็สั่นสะท้านเฮือก

ขอร้องอย่ายิ้มเช่นนี้เลย รับไม่ไหวจริงๆ

“กลับไปจับตาดูต่อ หากมีคนกล้าฉวยโอกาสทำอะไรร้านค้า เจ้าก็ทำให้ตกใจจนอาการปางตายก็พอ” ฉินหลิวซีออกคำสั่งเสียงเรียบ

ผีรับใช้ขานรับอย่างนอบน้อม ถอนหายใจแล้วเดินจากไป

ฉินหลิวซีลุกขึ้นยืน เอ่ยกับฉีหวง “ข้าแวะไปเยี่ยมเยียนนายหญิงดูสักหน่อย”

ฉีหวงพยักหน้า ภายในใจคิดว่าตระกูลติงรนหาที่ตายเช่นนี้ เกรงว่าจะโชคร้ายมากกว่า

อย่าเห็นแต่ว่าคุณหนูไม่สนใจเรื่องใดเลย แสดงท่าทีเหมือนเพิกเฉยต่อตระกูลฉิน ทว่าในกระดูกส่วนลึกของนางกลับปกป้องคนในครอบครัวอย่างดี

ร้านผลไม้แช่อิ่มแห่งนั้น ตระกูลฉิน อีกทั้งคำชี้แนะและสูตรวิธีทำนางก็เป็นคนให้ ตอนนี้พอทำขึ้นมาแล้ว ตระกูลติงคิดจะมาเอาผลประโยชน์ แต่ความจริงผลประโยชน์นั้นล้วนเป็นของนางทั้งนั้น

ฉินหลิวซีย่อมไม่มีทางอดทน

พอมาถึงเรือนที่พักของสะใภ้หวัง นางยังไม่กลับมา อนุวั่นและอนุพานกำลังทำงานเย็บปักถักร้อย ครั้นเห็นนางมา พวกนางสองคนคนหนึ่งทำทีราวกับหนูเห็นแมว ส่วนอีกคนใบหน้าเต็มไปด้วยความยำเกรง

“คุณหนูใหญ่” อนุพานทำความเคารพฉินหลิวซี

ก่อนหน้านี้นางป่วยใกล้ตาย ฉินหลิวซีเป็นคนช่วยชีวิตนางไว้ ยามนี้นางยังคงผอมซูบ ทว่าสีหน้าดูดีกว่าแต่ก่อน ไม่ได้มีท่าทีไร้ชีวิตชีวาอีกต่อไป

มนุษย์มีความหวังถึงจะมีหนทางนำพาชีวิตเดินต่อไปได้

ความหวังของอนุพานก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวที่ลำบากตรากตรำอยู่ที่ซีเป่ยอันไกลแสนไกล

นางเฝ้ารอให้เขากลับมาทุกวันเวลา

ฉินหลิวซีทักทายตอบกลับ อีกทั้งคารวะอนุวั่น

อนุวั่นเบี่ยงหลบเล็กน้อย “เจ้ามาแล้วหรือ”

“เจ้าค่ะ”

อนุพานกล่าวคำร่ำลาอย่างรู้งาน ก่อนไปยังมองอนุวั่นด้วยความอิจฉาแวบหนึ่ง เป็นอนุเหมือนกัน ทว่าอนุวั่นโชคดีกว่านางนัก คนใสซื่อไร้เดียงสาและโง่เขลาเช่นนี้ดันเจอกับแม่ใหญ่ที่ดี แถมให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวสองคน บัดนี้ตระกูลล่มสลาย ทว่าไม่มีผลกระทบใดต่อการใช้ชีวิตเลย ยิ่งไปกว่านั้นบุตรชายและบุตรสาวต่างอยู่ข้างกาย บุตรสาวเองก็เป็นคนเก่งกาจคนหนึ่ง

นี่คงประมาณว่าคนโง่เขลาย่อมมีบุญของคนโง่เขลากระมัง

แตกต่างจากตนที่ดวงไม่ค่อยดีนัก

หลังจากอนุพานจากไป อนุวั่นก็ยื่นภาพตัวอักษรที่ตนฝึกฝนส่งให้นาง

ฉินหลิวซีรับมาดู ตัวอักษรยังคงเขียนขนาดตัวใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ทว่าดีกว่าตอนเรียนครั้งแรกอยู่บ้าง พอจะมองออกว่าเป็นอักษรตัวเดียว ไม่ใช่หนึ่งตัวอักษรที่แบ่งออกเป็นสองส่วน

“พัฒนาขึ้นแล้ว” นางเอ่ยชื่นชมประโยคหนึ่ง

อนุวั่นเชิดหน้าอกขึ้นชั่วขณะ ลำพองใจราวกับฉินหมิงฉุน

“แต่ก็ยังไม่เข้าตาอยู่ดี ฝึกต่อไปนะ” ฉินหลิวซีกล่าวอีกประโยค

แผ่นหลังและเอวของอนุวั่นงอลงทันที เอ่ยพึมพำ “ข้าไม่ได้อยากเป็นนายหญิง รู้ตัวอักษรบ้างก็พอแล้วกระมัง ต้องฝึกฝนขนาดนี้เสียเมื่อไร”

ฉินหลิวซีเบือนหน้าหันไปมอง “การเขียนตัวอักษรถึงจะจดจำตัวอักษรได้อย่างลึกซึ้ง รู้แต่เขียนไม่เป็นได้อย่างไร ท่านแม่จะไม่เขียนจดหมายถามข่าวคราวฉินปั๋วหงบ้างเลยหรือ”

“นายหญิงเขียนได้ ข้าเป็นแค่อนุคนหนึ่งต้องถามข่าวคราวเสียเมื่อไหร่ ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก” และไม่จำเป็นด้วย

ฉินหลิวซีประหลาดใจ “ท่านแม่ไม่คิดถึงเขาหรือ ไม่อยากให้เขากลับมาหรือ”

อนุวั่นถามกลับไปประโยคหนึ่ง “ข้าคิดถึงแล้วเขาจะกลับมาหรือ”

ฉินหลิวซีไม่ตอบกลับแต่อย่างใด เอ่ยเพียงว่า “ท่านแม่เป็นอนุ ท่านพ่อถึงจะเป็นดั่งสวรรค์ของท่านแม่ถึงจะถูก เขาอยู่ ท่านแม่ถึงจะมีเสาหลักและไม้เท้าที่คอยค้ำจุน ข้านึกว่าท่านแม่รอคอยให้เขากลับมาในเร็ววันเสียอีก”

อนุวั่นกลอกตาใส่แวบหนึ่ง สายตาสื่อว่าเจ้าโง่เขลาไปแล้วหรือไร

“เจ้าไม่เข้าใจ ความรักของท่านพ่อมีจำกัด ความรักของแม่ใหญ่ถึงจะยาวนาน ผู้ชายจัดการเรื่องนอกเรือน เร่ร่อนอยู่ด้านนอกอยู่ร่ำไป หากเอ่ยถึงเวลาที่จะพักอยู่ในเรือนก็มีเพียงช่วงกลางคืน เช่นนั้นคนที่ข้าต้องเผชิญหน้าในยามปกติความจริงก็คือแม่ใหญ่”

อนุวั่นสะบัดเล็บสีอมชมพู เอ่ย “บุรุษหรือ วันนี้เขารักเจ้า พรุ่งนี้ก็ไปรักคนอื่นแล้ว พึ่งพาไม่ได้หรอก แต่แม่ใหญ่กลับแตกต่างกันออกไป หากนางถูกใจเจ้า วันหน้าเกิดเขาพิศวาสภูตผีปีศาจอะไรอื่นขึ้นมา ข้าไร้ความรักจากเขาแล้ว แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขได้ เงินทองก็ไม่ขัดสน ดังนั้นแม่ใหญ่ถึงจะเป็นดั่งเสาหลักและไม้เท้าที่คอยค้ำจุน ขอแค่ข้าพึ่งพาอาศัยนาง วันเวลาที่เหลือนี้ก็ราบรื่นแล้ว”

นางเอ่ยพลางเหลือบมองฉินหลิวซีแวบหนึ่ง “โดยเฉพาะข้าให้กำเนิดบุตรสองคน อนุที่มีบุตรแล้ว ก็ย่อมหมดความชอบพอในตัวข้า แต่ใช่ว่าจะทิ้งก็เตะทิ้งได้เลย ดังนั้นข้าอาศัยพักพิงแม่ใหญ่ก็พอแล้ว”

ฉินหลิวซี “…”

ท่านเป็นเทพเซียนอะไรที่เข้าใจมนุษย์งั้นหรือ

ประโยคนี้ แค่ไม่ได้กล่าวว่าฉินปั๋วหงเป็นเพียงเครื่องจักรมนุษย์ที่อำนวยให้ที่พักพิงอาศัยแก่นางเท่านั้น

ชีวิตของท่านพ่อช่างน่าสงสารนัก

ฉินหลิวซีลูบจมูก จงใจเสนอขึ้นประโยคหนึ่ง “บุรุษที่คลั่งไคล้อนุจนไม่สนใจภรรยาหลวงก็มีเกลื่อนไป ท่านแม่ไม่มีใจคิดเป็นอนุคนโปรดแล้วโค่นแม่ใหญ่ทิ้ง จากนั้นก็ขึ้นเป็นแม่ใหญ่แทนเองหรอกหรือ”

อนุวั่นเผยสีหน้าตกใจขึ้นชั่วขณะ “เจ้าเห็นข้าเป็นคนฉลาด มีฝีมือสามารถเป็นอนุคนโปรดอะไรนั่นได้หรือ”

“ท่านแม่ชอบอาศัยความสวยของตนเองทำเรื่องต่างๆ มิใช่หรือไร” ฉิวหลิวซีเอ่ยอย่างลองเชิง “บางครั้งความสวยของสตรีก็เป็นดั่งอาวุธ”

อนุวั่นลูบดวงหน้า หัวเราะอย่างเริงร่า “อาศัยความสวยของตนเองทำเรื่องต่างๆ อย่างนั้นหรือ เจ้าตาดีใช้ได้ ใบหน้านี้ของข้างดงามจริงๆ แหละ”

ฉินหลิวซีหมดคำพูด

“แต่ต่อให้สวยก็เป็นอนุคนโปรดไม่ได้หรอก ตอนที่ข้าอยู่เซิ่งจิง เคยเจอคนที่เป็นอนุคนโปรดอย่างเจ้าว่า ไม่นับว่าสวยเท่าใดนัก ทว่าฝีมือราวจิ้งจอก ปลิ้นปล้อนมากเชียว อารมณ์คาดเดายากมากด้วย คำพูดคำจาข้าฟังไม่เข้าใจหรอก” อนุวั่นนึกถึงอนุคนโปรดผู้นั้นขึ้นมา เอ่ย “แต่อย่าเห็นว่าเขาได้ขึ้นเป็นหนึ่งเลย ถึงแม้ข้าเห็นคนยกยอนาง ทว่านัยน์ตากลับไร้ซึ่งความเคารพ ต่างดูแคลนนางกันทั้งนั้น”

“ข้าหรือ อาศัยความงามถึงจะสร้างความมั่งมีเพิ่มขึ้นได้ ใส่เงินใส่ทองไม่ต้องกลุ้มเรื่องดื่มกิน แต่ข้ามาจากหมู่บ้านธรรมดาเท่านั้น ความรู้อะไรก็ไม่มี เจ้าก็เห็นว่าแม้แต่อักษรข้าก็จำได้ไม่หมด อย่าว่าแต่คำนวณอะไรเลย อีกอย่างเป็นแม่ใหญ่ต้องมีธุระมากมาย ต้องดูแลนายท่านใหญ่ เรื่องดื่มเรื่องกิน แถมยังต้องดูแลสั่งสอนบุตรชายหญิงทั้งหลาย ข้าทำได้เสียเมื่อไร หากทำได้ดียังว่าไปอย่าง แต่ถ้าทำได้ไม่ดียังถูกตำหนิ กินแรงแถมไม่เป็นที่ชอบพอด้วย จะมีประโยชน์อะไรกัน สู้เป็นอนุอย่างสงบเสงี่ยมดีกว่า ให้กำเนิดบุตร อาหารเสื้อผ้ามีไม่ขัดสน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือความงามของข้ายังเหมือนดั่งบุปผาต่อไป”

ฉินหลิวซีอดมองนางด้วยสายตาลึกล้ำไม่ได้

“โชคดีที่ท่านแม่เจอแม่ใหญ่อย่างนายหญิง หากเจอคนอย่างท่านอาสะใภ้รองละก็ ดูสิว่าท่านแม่จะทำเช่นไร”

อนุวั่นหดคอลงเล็กน้อย นางเอ่ยอย่างลำพองใจคิดว่าดีมากเช่นกัน “เช่นนั้นข้าก็โชคดีอยู่บ้างจริงๆ มิเช่นนั้นจะเป็นหงส์ปลอมที่บินออกมาจากดินแดนอันไกลโพ้นได้หรือ”

ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นสาวงามที่แฝงความโง่เขลาไว้จริงๆ!

ฉินหลิวซีลุกขึ้น เอ่ย “ในเมื่อตั้งมุมมองความเข้าใจไว้เช่นนั้นแล้วก็ยืนหยัดต่อไปเถิด หากเป็นอย่างที่ท่านแม่ว่า พึ่งพานายหญิง การใช้ชีวิตของท่านแม่คงไม่แย่นัก”

อนุวั่นลอบคิดในใจ เรื่องนี้ต้องให้เจ้าบอกด้วยหรือ

ฉินหลิวซีเดินออกไป พลันเห็นสะใภ้หวังยืนอยู่ตรงประตูจากมุมที่ไม่ไกลนักพลางอมยิ้ม ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรไปบ้าง

แต่ใครจะสนใจเล่า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset