บทที่ 779 ยังกล้ามาอีกหรือ!?
เมื่อพระอมิตภะพุทธเจ้าตื่นขึ้นมา ภายในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตื่นตกใจ
หลี่จิ่วเต้าผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป
แม้จิตสำนึกของเขาจะถูกกดข่มเอาไว้ แต่เขาเองก็รับรู้เรื่องราวได้ไม่น้อย รู้ว่าความคิดที่กดข่มตัวเขานั้นเป็นความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริง
ขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ว่า พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริงน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นใด เกือบจะก้าวไปถึงจุดสูงสุดของการฝึกตนแล้ว เป็นตัวตนที่นับได้ว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
ความคิดหนึ่งของตัวตนไร้เทียมทาน ย่อมน่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้าแล้ว กระทั่งคุณสมบัติจะผยองยังไม่มี ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้แม้แต่น้อย ความต่างชั้นมีมากเท่าใดก็ไม่อาจทราบ!
เขาเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะต้องเทียบได้กับพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย อาจกระทั่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำ!
‘เข้าใจแล้ว หลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะต้องเป็นผู้สูงศักดิ์ที่อยู่เบื้องหลังของพวกลั่วสุ่ยและต้าเต๋ออย่างแน่นอน!’
เขาคิดขึ้นมาในใจ
พวกลั่วสุ่ยและต้าเต๋อเคยไปยังภพเซียนมาแล้ว ยามนั้นพลังที่ลั่วสุ่ยสำแดงออกมา แม้กระทั้งระดับสูงสุดของจักรพรรดิเซียนก็ไม่อาจเทียบได้ เขาในครั้งนั้นยังสงสัยว่าเหตุใดลั่วสุ่ยจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่ตอนนี้เมื่อได้มาพบเจอหลี่จิ่วเต้าแล้ว เขาก็พลันเข้าใจทุกอย่าง
“พระผู้เป็นเจ้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่าน?”
เมื่อต้าเต๋อเห็นว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้สติกลับมาแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมา
พระอมิตาภะพุทธเจ้าเล่าขึ้นมา “ข้าไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้า และก็ไม่ใช่พระอมิตาภะพุทธเจ้า ข้าเพียงแค่นำนาม ‘พระอมิตาภะพุทธเจ้า’ มาใช้ หลักธรรมเองก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสร้างขึ้น!”
เขาเอ่ยต่อ “ยามนั้นนาม ‘พระอมิตาภะพุทธเจ้า’ ปรากฏขึ้นในหัวข้าอย่างกะทันหัน พระพุทธศานาจึงเกิดขึ้นมาเช่นนี้ อันที่จริงแล้ว นั่นก็เป็นความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริงซึ่งฝังเอาไว้ในร่างของข้า พร้อมกับหลักธรรม”
หลังจากนั้นเขาก็อธิบายต่อ “หลังจากนั้นความคิดนี้ก็ตื่นขึ้นมา สยบจิตสำนึกของตัวข้าเอาไว้ จากนั้นก็กลับมายังอาณาจักรแห่งนี้”
‘เป็นเช่นนี้ ข้าคิดไว้แล้ว พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริงจะอ่อนแอเช่นนี้ได้อย่างไร!’
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยขึ้นมาในใจ ที่แท้นี่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
‘ความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าสามารถปรากฏขึ้นในสถานที่แห่งนี้ได้ ดังนั่นย่อมสามารถปรากฏในดาวเคราะห์สีฟ้าได้เช่นกัน…’
เขาคิดเรื่องนี้ขึ้นมาในใจ
ดูเหมือนว่าตำนานในดาวเคราะห์สีฟ้าจะไม่ได้ไร้มูลความจริงไปเสียทีเดียว ยังคงมีบางส่วนที่อาจเป็นเรื่องจริง
หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง หลี่จิ่วเต้าก็พักอยู่ที่เขาหลิงซานสักระยะ ก่อนจะจากไปพร้อมกับพวกลั่วสุ่ย ออกเดินทางชมทั่วแดนฝอ
…
“อ๊ากกก น่าชิงชังยิ่งนัก!”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าหนีออกจากเขาหลิงซานแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ต่อ เนื่องจากเกรงว่าเขาจะถูกหลี่จิ่วเต้าไล่สังหาร ดังนั้นเขาจึงหนีออกไปด้านนอกจักรวาลโกลาหล
“ตามหาความคิดอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ!”
เขาไม่เต็มใจจะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้จริง ๆ อีกทั้งนี่ยังเป็นภารกิจเพียงหนึ่งเดียวของเขา ถ้าทำไม่สำเร็จ เช่นนั้นเขาจะกลับไปได้อย่างไร?
หากความคิดอื่น ๆ ไม่เกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมาย เช่นนั้นแล้วจะต้องพัฒนาขึ้นได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก ตอนนี้น่าจะล้วนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา หากได้รับความช่วยเหลือจากความคิดอื่น ๆ แล้ว การทวงจักรวาลโกลาหลทั้งหมดกลับมาก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ข้ารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นไม่อาจจัดการได้โดยง่าย จำต้องรวบรวมความคิดจำนวนมากก่อนลงมืออีกครั้ง!”
เขาเอ่ยด้วยดวงตาวาววับ
จุดประสงค์ที่พระอมิตาภะพุทธแบ่งแยกความคิดออกมามากมายเพียงนี้ ก็เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองไปในจักรวาลโกลาหลจำนวนมาก
หากเขาขอความช่วยเหลือไปยังความคิดอื่น ๆ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอันใด ความคิดอื่น ๆ น่าจะสามารถช่วยเหลือเขาได้
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มลงมือทันที
อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นความคิดเหมือนกัน สามารถรับรู้ตำแหน่งกันได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหาความคิดอื่น ๆ
…
อีกจักรวาลโกลาหล ภายในลานเต๋าของเต่าชรา
ขอบเขตของซีพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เต่าชราที่มองอยู่ถึงกับตกตะลึง นี่มันสัตว์ประหลาดสะท้านฟ้าแบบใดกัน!
เหตุใดจึงฝึกฝนง่ายประหนึ่งเพียงแค่ดื่มน้ำธรรมดา ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ก้าวขึ้นมาสองขั้นติดต่อกัน จากขั้นที่สามขอบเขตโกลาหลไปถึงขั้นที่ห้าขอบเขตโกลาหล!
มันตกใจขวัญสะท้าน ไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่ท้าทายสวรรค์ได้ถึงเพียงนี้มาก่อน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ซีสามารถเข้าใจวิชาได้อย่างถ่องแท้จากการมองเพียงแค่ครั้งเดียว ทั้งยังสามารถแก้ไข้ลบจุดบกพร่อง ทำให้สมบูรณ์แบบได้
สำหรับตัวเต่าชราเองนั้นก็ประสบความก้าวหน้าเช่นเดียวกัน ในที่สุดก็สลายทลายขอบเขตโกลาหลได้ ก้าวเข้าสู่ขอบเขตลอยชาย!
ก่อนหน้านี้มันมีคุณสมบัติเพียงพอแล้ว เพียงแค่คาดการตระหนักรู้ถึงขอบเขตลอยชาย ทว่าหลังจากซีช่วยแก้ไขวิชาให้แล้ว มันก็สามารถสัมผัสได้ถึงขอบเขตลอยชาย สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตลอยชายได้อย่างง่ายดาย
“ข้าจะไปในอีกไม่เกินสองวัน…”
ขณะนั้นเอง ซีก็ลืมตาแล้วเอ่ยออกมา
ขอบเขตของนางพัฒนาขั้นมากแล้ว จักรวาลโกลาหลแห่งนี้ไม่อาจช่วยเหลืออันใดนางได้อีกมากนัก หากยังอยู่ต่อที่นี่เพื่อฝึกฝน ความเร็วจะต้องช้าลงอย่างแน่นอน ไม่ก้าวหน้าเร็วเท่าหลายวันที่ผ่านมา
ดังนั้นนางจึงตัดสินใจจะจากไป
เส้นทางที่นางมุ่งหน้าไปมีจักรวาลโกลาหลอยู่จำนวนไม่น้อย จำนวนมากในนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ เช่นนั้นแล้วนางจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่
“ท่านต้องการจะจากไปหรือ?”
หลังจากฟังคำพูดของซีแล้ว เต่าชราก็เอ่ยออกมาด้วยความระมัดระวัง “ข้าไปกับท่านด้วยได้หรือไม่? ข้าสามารถเป็นพาหนะให้กับท่านได้! อย่าได้ดูแคลนว่าข้าเป็นเพียงแค่เต่าชรา ข้าสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วยิ่ง!”
ซีน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ทั้งมันก็ไม่ได้เป็นเต่าที่เลวร้ายอันใด มันจึงคิดต้องการอยู่กับซี ดีกว่าออกไปร่อนเรฝึกฝนอย่างไม่มีหลักอันใดเป็นอย่างมาก
“เรื่องพาหนะช่างมันเถิด ถ้าหากท่านอยากจะไปกับข้า ก็ย่อมไปได้ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
ซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธ
ก่อนหน้านี้เมื่อเทียนลู่มาที่นี่ เต่าชราเคยต้องการจะพานางหนีออกไปด้วยอย่างไม่คิดชีวิตตนเอง สิ่งนี้ทำให้นางซาบซึ้งเป็นอย่างมาก จึงคิดจะช่วยเหลือเต่าชราเท่าที่ทำได้
ระหว่างเส้นทางที่นางจะไป ต้องผ่านจักรวาลโกลาหลที่เหนือชั้นกว่าตำนวนมาก สามารถช่วยเรื่องการฝึกฝนของเต่าชราได้เป็นอย่างมากเช่นกัน
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
เต่าชราเอ่ยขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า “ทว่าข้าก็แน่ใจว่ายังต้องการจะเป็นพาหนะของท่าน ข้าไม่สามารถอยู่เคืองข้างท่านโดยเปล่า ๆ ข้าจะต้องทำบางสิ่งเพื่อท่านบ้าง! ไม่เช่นนั้นข้าคงรู้สึกไม่สบายใจ!”
ซีปฏิเสธอีกครั้ง ทว่าเต่าชรายังคงยืนกราน สุดท้ายซีก็ทำได้แค่เพียงเห็นด้วย
…
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสเซินก็มาสมทบกับเทียนหมิงและเทียนลู่
“รบกวนผู้อาวุโสเซินแล้ว!”
เทียนลู่เอ่ยกับผู้อาวุโสเซินด้วยความสุภาพ
ผู้อาวุโสเซินมีฐานะสูงส่งอย่างยิ่งในตระกูลเทียน ขอบเขตการฝึกฝนของเขาเองก็ย่อมต้องสูงมาก มีผู้อาวุโสเซินลงมือเองเช่นนี้แล้ว จะต้องสามารถเอาชนะซีในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาเขาฟื้นฟูทั้งจิตใจและร่างกายของตนเอง ทุกด้านกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดเรียบร้อย
“ไม่รบกวนแต่อย่างใด! คนผู้นั้นถึงกับกล้าลงมือใส่นายน้อยเทียนลู่ นางจะต้องไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ จะต้องชดใช้อย่างสาสม!”
ผู้อาวุโสเซินแย้มยิ้มเย็นชา
“ใช่แล้ว เดิมทีข้าคิดว่าจะปล่อยนางไป เพราะนางอาจไม่รู้ว่าเผลอยั่วยุตระกูลเทียน ไม่ได้วางแผนจะลงมืออันใดกับนาง ทว่านางกลับลงมือกับพี่ใหญ่อย่างรุนแรง ข้าไม่อาจทนได้!”
เทียนหมิงกล่าวขึ้นมา
“ขอบคุณ น้องห้า!”
เทียนลู่ยิ้มพร้อมตบไหล่เทียนหมิง
“พี่ใหญ่ท่านพูดสิ่งใดอยู่ พวกเราเป็นพี่น้องกันสายเลือดก็ย่อมต้องข้นกว่าน้ำ ยังจำเป็นต้องเอ่ยขอบคุณอันใดอีก! ไม่ว่าใครก็ตามที่มาดูหมิ่นพี่ใหญ่ข้าล้วนไม่อาจทนรับได้!”
เทียนหมิงกล่าวอย่างจริงจัง
“ถูกแล้ว ถูกแล้ว พวกเราพี่น้องสายเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ระหว่างพวกเราย่อมไม่จำเป็นต้องมีคำว่าขอบคุณ เป็นพี่ชายที่ผิดเอง”
เทียนลู่เอ่ย
“ไป ไปล้างแค้นให้พี่ใหญ่!”
เทียนหมิงพูดขึ้นมา “นางช่างหยิ่งผยอง มั่นใจในตัวเองเสียจริง ข้าส่งคนไปที่นั่นเพื่อจับตาดู เนื่องจากเกรงว่านางจะหนีไป ใครจะคาดคิดเล่าว่านางไม่ไปไหนแม้แต่น้อย ยังคงอยู่ที่เดิม! นี่หมายความว่าตระกูลเทียนของพวกเราไม่อยู่ในสายตาของนางอย่างนั้นหรือ?”
“นางไม่รู้ว่าตระกูลเทียนของพวกเราแข็งแกร่งเพียงใด!”
เทียนลู่เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “นางคิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังสามารถปกป้องนางได้ ดังนั้นนางจึงไม่เกรงกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับตระกูลเทียน ไม่รู้เลยว่าการกระทำนี้จะนำพานางไปสู่ความตาย!”
“เป็นเรื่องจริงที่นางหยิ่งผยองและมั่นใจเกินไป ลงมือทำให้คุณชายเทียนลู่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังคงกล้าอยู่ที่นั่น นับว่าเป็นการยั่วยุตระกูลเทียนของเราอย่างร้ายแรง!”
ผู้อาวุโสเซินกล่าวออกมาด้วยแววตาเย็นเยียบ
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอันใดให้มากความแล้ว พวกเราตรงไปจัดการนางเลยเถิด!”
เทียนหมิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเย็น
เขาแทบทนรอไม่ไหวแล้ว แทบทนรอไม่ไหวที่จะได้กำจัด…พี่ใหญ่ของเขา!
คราวนี้เขาเรียกผู้อาวุโสเซินมา ไม่ได้เพื่อจะจัดการกับซี แต่เขาต้องการให้ผู้อาวุโสเซินจัดการพี่ใหญ่ของเขาทิ้งเสีย จากนั้นก็โยนความผิดทั้งหมดให้ซีรับผิดชอบ
“ไป!”
พวกเขาออกเดินทาง มุ่งตรงไปยังจักรวาลโกลาหลที่ซีอยู่
ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงยังจักรวาลโกลาหลแห่งนั้น ตรงไปยังลานเต๋า
“ยังฝึกฝนอยู่อีกหรือ!?”
เทียนลู่สามารถสัมผัสได้ถึงสถาการณ์ของซี นางดูไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะไม่กังวลหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย ยังกล้าฝึกฝนอย่างสบายใจอยู่ในที่แห่งนั้น
สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธจนจิตสังหารทวีมากขึ้น!
“เต่าชรา เจ้าเองก็ต้องตาย! ข้าจะสับเจ้าเป็นพัน ๆ ชิ้น!”
เขากัดฟันแน่นยามพูดออกมา น้ำเสียงเปี่ยมด้วยจิตสังหารที่มีต่อเต่าชรา
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเต่าชราเช่นกัน และก็รับรู้ว่ามันกำลังทำสิ่งใด
ในขณะนี้เต่าชรากำลังกินโอสถล้ำค่าที่อยู่ในมือ ระหว่างกินก็บ่นไปด้วย “รสชาติย่ำแย่ยิ่งนัก ไม่อร่อยสักนิด ทว่าเพื่อการฝึกฝน ก็ทำได้แต่เพียงทนกินเท่านั้น”
รสชาติย่ำแย่ ไม่อร่อย?
โทสะของเทียนลู่ใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว นั่นเป็นโอสถล้ำค่าที่ท่านพ่อมอบให้กับเขา ตัวเขาเองยังไม่เต็มใจที่กินมัน เต่าชรานั่นกินไปแล้วก็แล้วไปเถิด ทว่ายังมาบ่นรังเกียจเช่นนี้อีก!”
เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!
โดยเฉพาะเมื่อหวนนึกถึงตอนที่เต่าชรารีดไถ่เขาจนถึงที่สุด จิตสังหารภายในใจก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้น
“พวกเจ้าทั้งหมดไสหัวออกมาเดียวนี้!”
เขาตวาดออกมาเสียงดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เต่าชราตกใจเสียจนโอสถล้ำค่าภายในมือตกลงบนพื้น
ซีเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน นางลืมตาขึ้นมาทันที
นางขมวดคิ้ว ย่อมฟังออกว่าเป็นเสียงของผู้ใด สุนัขเปลี่ยนนิสัยกินอาจมไม่ได้หรอกหรือ? ครั้งก่อนนางปล่อยเทียนลู่ไปโดยไม่ได้สังหาร ไม่คาดคิดว่าเทียนลู่ยังจะกล้ากลับมาอีก
“ครั้งนี้ก็อย่าได้จากไปเลย…”
นางลุกขึ้น จากนั้นก็ออกไปด้านนอกพร้อมกับเต่าชรา
“รับมือได้หรือไม่?”
เต่าชราไม่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย มันสัมผัสได้ว่าผู้เฒ่าเซินนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก เหนือยิ่งกว่าจนเทียนลู่และเทียนหมิงไม่อาจเทียบได้
“ไม่มีปัญหา”
ซีไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย เชื่อใจในตัวคนผู้นั้นอย่างมาก
“โอหังเกินไปแล้ว”
เทียนลู่ย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างซีกับเต่าชรา สีหน้าของเขาเย็นยะเยือกลง
“วันนี้ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นเองว่าตระกูลเทียนทรงพลังมากเพียงใด ผู้อาวุโสจากตระกูลของพวกเราสามารถสังหารพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม!”
เขาเอ่ยออกมาอย่างดุร้าย
“ถูกแล้ว! บังอาจทำร้ายนายน้อยเทียนลู่ พวกเจ้าทั้งหมดจักต้องตาย!”
ผู้เฒ่าเซินที่อยู่ด้านหลังเทียนลู่ยิ้มเย็น ก่อนจะเรียกทวนยาวเอาไว้ในมือ “ข้าจะสังหารพวกเจ้าเสียบัดเดี๋ยวนี้!”
หลังจากนั้นเขาก็พุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับทวนในมือ
เพียงแต่ว่าเป้าหมายของเขานั้นไม่ใช่ซีและเต่าชรา ทว่าเป็นเทียนลู่!