ตำนานเทพกู้จักรวาล 763 หอมอะไรแบบนี้

ตอนที่ 763 หอมอะไรแบบนี้

ขณะที่​ฉิน​มู่กำลัง​เข่นฆ่า​อย่าง​มันมือ​ ลู่​หลี​ก็​พลัน​ยก​กระถาง​สี่เหลี่ยม​ขึ้น​มาจาก​ที่​ไกลๆ​

แม้ว่า​กระถาง​นี้​จะเป็น​รูปสี่เหลี่ยม​ แต่​มัน​ก็​มีรอบ​ประทับ​รูป​วงกลม​ภายใต้​ฝาปิด​สี่เหลี่ยม​ของ​มัน​อัน​ฝังเอาไว้​ด้วย​รอยตรา​ของ​ดวงดาว​ทั้งหลาย​ใน​โลก​หล้า​ มัน​แทน​ภาพ​ของ​แผ่น​สวรรค์​

ทั้งสอง​ด้าน​ของ​กระถาง​จารึก​เอาไว้​ด้วย​มาร​เท​วะ​สี่ตน​ที่​มีศีรษะ​วัว​ใบหน้า​เสือ​ และ​ร่าง​มนุษย์​ พวก​มัน​กัด​ไป​บน​แผ่น​สวรรค์​ และ​นั่น​ก็​เป็น​ภาพ​แทน​ของ​แดน​ใต้พิภพ​

ลู่​หลี​ยก​ฝากระถาง​ขึ้น​สูง และ​ใน​เสี้ยว​พริบตา​นั้น​ แสงเจิดจ้า​บาดตา​ก็​สาดส่อง​ลง​ไป​บน​ร่าง​ของ​ฉิน​มู่ ฉิน​มู่รู้​ทันที​ว่า​สถานการณ์​ย่ำแย่​แล้ว​ และ​ทันใดนั้น​ โลก​ก็​เหวี่ยง​หมุน​ไป​หมด​ ร่างกาย​ของ​เขา​ลอย​ขึ้นไป​อย่าง​ควบคุม​ตนเอง​ไม่ได้​ และ​เขา​ก็​ถูกจับ​เข้าไป​พร้อม​ๆ กับ​เทพเจ้า​ตน​อื่นๆ​ ลอย​ไป​ยัง​ฝากระถาง​อัน​อยู่​ใน​มือ​ของ​ลู่​หลี​

เทพเจ้า​อีก​สามตน​ที่​ถูก​แสงนั้น​จับ​ไป​ด้วย​ก็​ปั่นป่วน​ว้าวุ่น​ พวกเขา​ร้อง​ออกมา​ “ตาข่าย​สวรรค์​สะกด​เทพยดา​!”

ฉิน​มู่สะท้าน​หัวใจ​อย่าง​รุนแรง​ เขา​นั้น​กำลังจะ​หลบหนี​ แต่​ทันใด​ท้องฟ้า​ก็​กลายเป็น​มืดมิด​ เขา​เงย​ศีรษะ​ขึ้น​มองดู​ และ​มัน​เต็ม​ด้วย​ดวงดาว​ดารดาษ​

ลู่​หลี​จับ​ฝากระถาง​และ​ด​ครอบ​ลง​ไป​บน​กระถาง​สังหาร​ที่​ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​ภูติ​บดี​หลอม​สร้าง​ขึ้น​มา นาง​ปิดผนึก​มัน​เอาไว้​อย่าง​แน่นหนา​จน​แม้แต่​อากาศ​ก็​รั่ว​ออกมา​ไม่ได้​

ลู่​หลี​ระบาย​ลมหายใจ​โล่งอก​และ​ร้อง​ออกมา​ “พวก​เจ้าจะไม่มาช่วย​หรือ​อย่างไร​”

เสวียน​หมิง​ หา​น​เห​ลย​ และ​เจว้​หวง​รีบ​เข้ามา​ฟาด​ฝ่ามือ​ลง​ไป​บน​กระถาง​สังหาร​ ลู่​หลี​เอง​ก็​ลงมือ​ด้วย​เช่นกัน​ และ​ฝ่ามือ​ทั้ง​สี่ที่​ฟาด​ประทับ​ไป​ยัง​สี่ด้าน​ก็​กระตุ้น​พลานุภาพ​ของ​กระถาง​สังหาร​และ​ตาข่าย​สวรรค์​

ทันใดนั้น​ ผู้มีอิทธิพล​ทั้งหลาย​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ก็​เหาะ​ลงมา​ และ​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ก็​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​ “เจ้าขับเคลื่อน​กระถาง​สังหาร​ตอนนี้​ไม่ได้​นะ​! ข้างใน​ยังมี​สหาย​เต๋า​สามตน​ที่​ถูก​ดึง​เข้าไป​ใน​กระถาง​ด้วย​ หากว่า​เจ้ากระตุ้น​การทำงาน​ของ​กระถาง​สังหาร​ พวกเขา​ก็​จะถูก​เคี่ยว​กรำ​จนตาย​!”

ลู่​หลี​ปรายตา​มอง​เขา​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ถ้าเช่นนั้น​ก็​เปิด​ฝาและ​ปล่อย​ทร​ราชย์​น้อย​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ออกมา​ จากนั้น​จักรพรรดิ​แดง​ก็​จะต้อง​ฟาด​เขา​กลับ​ลง​ไป​ด้วย​ตนเอง​”

เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​แค่น​เสียง​และ​ไม่กล่าว​อะไร​อีก​

“ปล่อย​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ออกมา​ พวกเรา​ก็​จะตาย​กัน​หมด​”

เสวียน​หมิง​กล่าว​อย่าง​ชืด​ชา “ทุกคน​ที่นี่​ล้วนแต่​เป็น​ผู้อาวุโส​ และ​พวก​เจ้าไม่มีกาย​เนื้อ​ พวก​เจ้าย่อม​ถูก​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​สะกด​ข่ม​โดยธรรมชาติ​ บัดนี้​เมื่อ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ย้อน​กลับมา​ เขา​แตกต่าง​ไป​จาก​เมื่อ​ยี่สิบ​ปีก่อน​ เขา​นั้น​ได้​ซ่อมแซม​ใน​ส่วน​ที่​บกพร่อง​ทั้งหมด​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ใน​วันนี้​ของ​เขา​ก็​เกิน​ธรรมดา​ ยิ่งไปกว่านั้น​ เขา​อยู่​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ดังนั้น​ไม่ว่า​กลุ้มรุม​โจมตี​อย่างไร​ก็​ตี​เขา​ไม่ตาย​ สิ่งเดียว​ที่​สามารถ​สังหาร​เขา​ได้​ก็​มีแต่​ตาข่าย​สวรรค์​และ​กระถาง​สังหาร​”

ทุกคน​เงียบงัน​

พลัง​อำนาจ​และ​ความ​น่าสะพรึงกลัว​ของ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ เป็น​สิ่งที่​ทุกคน​ล้วนแต่​รู้อยู่แก่ใจ​ ยิ่งไปกว่านั้น​ พวกเขา​ก็ได้​สัมผัส​ประสบการณ์​ตรง​มาสอง​ครั้ง​แล้ว​

ครั้งแรก​นั้น​คือ​เมื่อ​สอง​เดือน​หลังจากที่​เขา​ถือกำเนิด​ ใน​คราว​นั้น​ โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ได้​ก่อ​ความปั่นป่วน​วุ่นวาย​ และ​กลืน​กิน​เทพเจ้า​จาก​ฝักฝ่าย​ต่างๆ​ ไป​ตั้ง​ไม่รู้​เท่าไร​ เขาใหญ่​มหึมา​ขึ้น​และ​มหึมา​ขึ้น​ และ​กลายเป็น​ยโส​โอหัง​ยิ่ง​ไป​กว่า​เดิม​

แต่​ถึงกระนั้น​ แม้ว่า​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​จะแข็งแกร่ง​ แต่​เขา​ก็​มิได้​ไร้​เทียมทาน​

เขา​ไม่รู้จัก​มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ เขา​อาศัย​แต่​ความ​ที่ว่า​เขา​เป็น​สิ่งมีชีวิต​แรก​อัน​ถือกำเนิด​จาก​ครรภ์​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ด้วย​การ​อยู่​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ เขา​สามารถ​ฟื้นฟู​กลับมา​ได้​ทุกขณะ​ และ​เขา​ก็​สามารถ​ดูดกลืน​ดวงวิญญาณ​และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​ผู้อื่น​เพื่อ​เสริม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​กับ​ตนเอง​ เขา​ถึงรอดชีวิต​มาได้​

และ​ยี่​สิบสอง​ปี​ให้หลัง​ โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ได้​ย้อน​คืน​กลับ​มายัง​แดน​ใต้พิภพ​อีกครั้ง​ และ​พลัง​อำนาจ​ที่​เขา​แสดง​ออกมา​ใน​ตอนนี้​แตกต่าง​ไป​จาก​เดิม​โดยสิ้นเชิง​

ใน​การต่อสู้​เมื่อ​ครู่​ มีการ​บาดเจ็บ​ล้มตาย​อย่าง​ใหญ่หลวง​ต่อยอด​ฝีมือ​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าและ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​หนึ่งร้อย​ตน​ มากกว่า​ครึ่ง​ได้​ตก​ตาย​ใน​น้ำมือ​ของ​เขา​

ยอด​ฝีมือ​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าและ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​มากมาย​ไม่มีกาย​เนื้อ​ และ​หลงเหลือ​ก็​เพียงแต่​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ กำลัง​ฝีมือ​ของ​พวกเขา​ถดถอย​ลง​ไป​เป็นอย่างมาก​ และ​พวกเขา​ก็​เทียบเท่า​เพียงแค่​เทพเจ้า​ใน​ขั้น​อัคร​นคร​หยก​และ​ตำหนัก​ชิด​ฟ้า แต่ทว่า​ความรู้​และ​วิสัยทัศน์​ของ​พวกเขา​จาก​เมื่อ​ตอนที่​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ ก็​ยัง​คงอยู่​กับ​พวกเขา​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงแข็งแกร่ง​กว่า​เทพเจ้า​ใน​ขั้น​อัคร​นคร​หยก​มาก​

ด้วย​ยอด​ฝีมือ​มากมาย​ขนาด​นั้น​มากลุ้มรุม​สังหาร​เขา​ ก็​ยัง​อุตส่าห์​มีการ​บาดเจ็บ​ล้มตาย​อย่าง​มากมาย​ นี่​ทำให้​พวกเขา​ตัวสั่น​ด้วย​ความหวาดกลัว​เอา​จริงๆ​

การ​โจมตี​ของ​ลู่​หลี​ได้​ทำให้​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ และ​เก็บ​เขา​เข้าไป​ใน​กระถาง​ หากว่า​พวกเขา​เปิด​กระถาง​สังหาร​ขึ้น​มา จะปิดผนึก​เขา​กลับ​เข้าไป​อีกครั้ง​คง​ยาก​กว่า​เดิม​มาก​ ใคร​จะรู้​ว่า​จะมีตัวตน​บรรพกาล​อีก​กี่​ตน​ที่จะ​ต้อง​ตาย​!

“สำหรับ​สหาย​เต๋า​ทั้ง​สามที่​ได้​สละ​ชีพ​เพื่อ​กำจัด​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ คุณธรรม​ความดี​ของ​พวกเขา​สูงล้ำ​ปาน​นภา​กา​ศ และ​ข้า​ก็​เลื่อมใส​พวกเขา​เป็น​อย่างยิ่ง​”

ทันใดนั้น​ ราชา​สวรรค์​เกา​ก็​มีสีหน้า​เศร้าโศก​ และ​วาง​ฝ่ามือ​ลง​ไป​บน​กระถาง​สังหาร​ เขา​กล่าว​ด้วย​ใบหน้า​เปื้อน​น้ำตา​ “สำหรับ​สหาย​เต๋า​ทั้ง​สามที่​เที่ยงธรรม​ขนาด​นี้​ ให้​ข้า​ร่ำไห้​ให้​แก่​พวกเขา​ด้วย​ก้นบึ้ง​หัวใจ​ของ​ข้า​ และ​ส่งพวกเขา​ไป​สู่สัมปรายภพ​!”

ตัวตน​โบราณ​อื่นๆ​ มีสีหน้า​ย่ำแย่​ และ​พวกเขา​ก็​พูด​ด้วย​เสียง​เจือ​สะอื้น​ “เพื่อ​ส่งสหาย​เต๋า​ทั้ง​สามไป​สู่สัมปรายภพ​!”

ทุกคน​ล้วนแต่​ร่ำไห้​

ลู่​หลี​มอง​ไป​ที่​พวกเขา​ด้วย​รอยยิ้ม​ และ​นาง​ก็​พลัน​หัวเราะ​ขึ้น​มา “เอาเถอะ​ๆ ไม่จำเป็นที่​ทุกท่าน​จะต้อง​เศร้าโศก​ขนาด​นี้​ หลังจากที่​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ตกลง​ไป​ใน​กระถาง​ เขา​ก็​ไม่ตาย​ไป​โดยฉับพลัน​หรอก​ เพื่อ​ไม่ให้​สหาย​เต๋า​ทั้ง​สามเหล่านั้น​ต้อง​ทน​ทรมาน​ พวกเรา​รีบ​ขับเคลื่อน​กระถาง​สังหาร​และ​ส่งพวกเขา​ไป​ยัง​โลกหน้า​!”

ทุก​คนมีสี​หน้ามืด​ล้ำ​ เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​กล่าว​อย่าง​เย็นชา​ “ผู้บัญชาการ​แคว้น​ลู่​หลี​ ความกระหาย​ความดี​ความชอบ​ของ​เจ้านั้น​สูงเกินไป​แล้ว​ สหาย​เต๋า​ทั้ง​สามนั้น​เพิ่งจะ​ตาย​ไป​ก็​เพราะ​เจ้า ทำไม​เจ้ายัง​ยิ้มหัว​อยู่​ได้​”

ลู่​หลี​ร่ำไห้​โฮๆ ทันที​ และ​น้ำตา​ของ​นาง​ก็​ร่วง​พราว​ประดุจ​สายฝน​ นาง​ปาด​น้ำตา​และ​กล่าว​ “คนอื่นๆ​ อาจจะ​คิด​ว่า​ข้า​ทำ​เรื่อง​นี้​เพื่อ​หวัง​ความดี​ความชอบ​ แต่​ใคร​จะรู้​ว่า​ข้า​ต้อง​บังคับ​ตนเอง​ให้​ฝืนยิ้ม​”

เสวียน​หมิง​ทน​ดู​นาง​ไม่ได้​อีกต่อไป​ และ​เพียงแค่​กล่าว​อย่าง​นุ่มนวล​ “เรื่องสำคัญ​มาก่อน​ จัดการ​เรื่องสำคัญ​เร่งด่วน​กว่า​”

ราชา​สวรรค์​เกา​เลิกคิ้ว​และ​กล่าว​ “หลังจาก​พวกเรา​เคี่ยว​กรำ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​จนตาย​ไป​แล้ว​ ใคร​ล่ะ​จะเป็นเจ้าของ​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​”

ทุกคน​หัว​ใจเต้น​พลาด​ไป​จังหวะ​หนึ่ง​

ราชา​สวรรค์​เกา​หัวเราะ​ใน​คอ​และ​กล่าว​ “สี่มหา​ผู้บัญชาการ​แคว้น​ ตาข่าย​สวรรค์​นั้น​ถูก​สร้าง​ขึ้น​มาด้วย​ความพยายาม​ของ​พวก​ข้า​ทั้งหมด​เพื่อ​จัดการ​กับ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ บัดนี้​ใน​เมื่อ​สหาย​เต๋า​หลาย​คน​ได้​สละ​ชีวิต​ไป​ พวกเรา​ก็​อาจจะ​เศร้าโศก​ แต่​กาย​เนื้อ​ของ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​มิใช่เรื่อง​เล็กน้อย​ พวกเรา​ควรจะ​ปรึกษา​กัน​ดู​ว่า​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​ควรจะ​ตกเป็นของ​ใคร​ไว้​เสีย​ก่อน​ล่วงหน้า​”

ลู่​หลี​ขมวดคิ้ว​ และ​นาง​ถามพร้อม​รอยยิ้ม​ “ราชา​สวรรค์​เกา​ เจ้ามีความเห็น​อย่างไร​ล่ะ​ ทำไม​เจ้าไม่พูด​ให้​ชัด​มาเลย​”

ราชา​สวรรค์​เกา​หัวเราะ​ใน​คอ​ “พวกเรา​เป็น​เพียงแค่​คนตาย​ จะมีความเห็น​อะไร​ได้​”

เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​หัวใจ​หวั่นไหว​เล็กน้อย​และ​กล่าว​ “สี่ผู้บัญชาการ​แคว้น​ล้วนแต่​มีกาย​เนื้อ​ แต่​พวก​ข้า​วัตถุ​โบราณ​ทั้งหลาย​ไม่มีกาย​เนื้อ​ หลังจากที่​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ถูก​เคี่ยว​กรำ​จนตาย​ กาย​เนื้อ​ของ​พวกเขา​ก็​ย่อม​ต้อง​เป็น​ของ​พวก​ข้า​ สี่ผู้บัญชาการ​แคว้น​ควรจะ​มอบ​มัน​ให้​แก่​พวก​ข้า​ ผู้​ซึ่งเป็น​ผู้อาวุโส​ของ​เจ้า”

เจว้​หวง​ยิ้ม​หยัน​และ​กล่าว​ “มีภูตผี​ตั้ง​มากมาย​ แต่​มีโอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​เพียงแค่​คนเดียว​ งั้น​ทำไม​เจ้าไม่ฉีก​แบ่ง​เขา​กัน​คนละ​ชิ้น​ ใน​เมื่อ​กาย​เนื้อ​ของ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​มิใช่ของ​พวก​ข้า​ ทำไม​พวก​เจ้าทุกคน​ไม่ตัดสินใจ​กัน​เลย​ล่ะ​ว่า​มัน​ควรจะเป็น​ของ​ใคร​ใน​หมู่​พวก​เจ้า!”

ตัวตน​โบราณ​ทั้งหลาย​ประหวั่นพรั่นพรึง​

กาย​เนื้อ​ของ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​นั้น​เย้ายวน​จน​เกินไป​ เมื่อ​พวกเขา​จินตนาการ​ถึงว่า​จะสามารถ​ควบคุม​มหิ​ทธา​นุ​ภาพ​ของ​ภูติ​บดี​ได้​เมื่อ​ฟื้นคืนชีพ​ใน​กาย​เนื้อ​นั้น​ และ​เมื่อ​พวกเขา​เติบโต​ต่อไป​อย่าง​ต่อเนื่อง​ การ​เข้าไป​แทนที่​ภูติ​บดี​นั้น​ก็​เป็นเรื่อง​ของ​เวลา​เท่านั้น​

รอบข้าง​ของ​กระถาง​สังหาร​เงียบสงัด​ เมื่อ​ตัวตน​บรรพกาล​ทั้งหลาย​ต่าง​ก็​ไม่ปริปาก​

ลู่​หลี​ยิ้ม​หยัน​ใน​ใจอย่าง​ไม่รู้​จบ​ ผู้บัญชาการ​แคว้น​อีก​สามคน​ยืน​เคียงข้าง​นาง​ และ​จับจ้อง​มองดู​ใบหน้า​ของ​ตัวตน​โบราณ​เหล่านี้​ คอย​ระวัง​เอาไว้​

ใน​กระถาง​ฉิน​มู่และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าทั้ง​สามได้​ตก​ลงมา​พร้อมๆ กัน​ แสงสว่าง​ของ​ตาข่าย​สวรรค์​สลาย​ไป​

รอบข้าง​ตกลง​ไป​ใน​ความมืด​

ฉิน​มู่เงย​ศีรษะ​ขึ้น​มองดู​ และ​เขา​มองเห็น​ดวงดาว​เจิด​จรัส​และ​ดาราจักร​ที่​ลอย​อยู่​เหนือ​หัว​พวกเขา​

เมื่อ​เขา​มอง​ลง​ไป​ข้างล่าง​ มัน​ก็​เป็น​ความมืด​ทมิฬ​อัน​ไร้​ปาน​เปรียบ​ ที่​ลอย​อยู่​ใน​ความมืด​นั้น​เป็น​ใบหน้า​ต่างๆ​ มีทั้ง​ใบหน้า​ของ​มนุษย์​ และ​ของ​เทพเจ้า​

ใบหน้า​เหล่านั้น​เหมือนกับ​ทำ​ขึ้น​มาจาก​กระดาษ​อัน​บาง​เฉียบ​ที่สุด​ และ​พวก​มัน​ก็​เอาแต่​ลอย​ล่อง​อยู่​ใน​ความมืด​โดย​ปราศจาก​ความ​หนา​ เดี๋ยว​ก็​โผล่​ เดี๋ยว​ก็​หาย​

พวก​นั้น​คือ​ยอด​ฝีมือ​ที่​ได้​ตาย​ลง​ไป​ใน​กระถาง​สังหาร​ และ​หลังจากที่​พวกเขา​ถูก​กระถาง​สังหาร​เคี่ยว​หลอม​ พวกเขา​ก็​กลายเป็น​รอยประทับ​ข้างใน​กระถาง​เพื่อ​เพิ่มพูน​อานุภาพ​ให้​เทพ​ศาสตรา​ชิ้น​นี้​

“ตาข่าย​สวรรค์​!”

หนึ่ง​ใน​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​เผย​สีหน้า​สิ้นหวัง​ และ​ร้อง​ออกมา​ด้วย​เสียง​อัน​โหยหวน​ “ตาข่าย​สวรรค์​ที่​พวกเรา​สร้าง​ขึ้น​มากับ​มือ​ ถูก​นัง​หญิง​ต่ำช้า​น้อย​ลู่​หลี​ใช้กับ​พวกเรา​!”

“และ​ยังมี​กระถาง​สังหาร​!”

จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​ตัวตน​โบราณ​อีก​สอง​ตน​ก็​เผย​ความหวาดกลัว​อัน​เข้มข้น​ เสียง​ของ​พวกเขา​แหบ​พร่า​ “กระถาง​สังหาร​ที่​ถูก​หลอม​สร้าง​ขึ้น​มาโดย​ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​ภูติ​บดี​ สมบัติ​วิเศษ​อันดับ​หนึ่ง​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ สมบัติ​วิเศษ​อันดับ​หนึ่ง​สำหรับ​การเข่นฆ่า​!”

“เมื่อก่อน​นั้น​ เมื่อ​ภูติ​บดี​เริ่ม​ฆ่าล้าง​ผู้​คนใน​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ เขา​ได้​ใช้กระถาง​นี้​และ​เคี่ยว​กรำ​ดวงวิญญาณ​ของ​เทพ​บรรพกาล​และ​ครึ่ง​เทพ​ตั้ง​มากมาย​ให้​กลายเป็น​เถ้าถ่าน​!”

“พวกเรา​จบเห่​แล้ว​!”

“ปล่อย​พวกเรา​ออก​ไป​!”

จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ทั้ง​สามทะยาน​ขึ้นไป​บน​ท้องฟ้า​ และ​เหาะ​ตรง​ไป​ยัง​ดาราจักร​ ฉิน​มู่เงย​ศีรษะ​ขึ้น​มองดู​และ​เห็น​ดวงดาว​และ​ดาราจักร​เคลื่อน​คล้อย​โคจร​ และ​เมื่อ​ตัวตน​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าพุ่ง​ขึ้นไป​ยัง​ดาราจักร​ พวกเขา​ก็​ถูก​ฟาด​ร่วง​ลงมา​และ​ตกลง​ไป​ใน​ความมืด​ พวกเขา​ระเบิด​อยู่​ใน​ความมืด​มน และ​แสงของ​พวกเขา​ก็​ค่อยๆ​ ดับสูญ​

“น่าเสียดาย​จริงๆ​ ข้า​กิน​พวกเขา​ไม่ได้​…”

ทารก​ยักษ์​กล่าว​ด้วย​ความ​อาวรณ์​

ฉิน​มู่สำรวจ​ดู​รอบ​ๆ ด้วย​สีหน้า​อัน​เคร่งเครียด​

เมื่อครู่นี้​เขา​ได้​เห็น​ใบหน้า​ของ​ตัวตน​โบราณ​ทั้ง​สามปรากฏ​ขึ้น​มาใน​ความมืด​และ​กลายเป็น​รอยประทับ​อีก​สามรอย​

ผู้คน​ที่​ถูก​เคี่ยว​กรำ​จนตาย​ที่นี่​ล้วนแต่​แข็งแกร่ง​อย่าง​สุดขีด​ขั้ว​ ภายใต้​พลานุภาพ​ของ​กระถาง​สังหาร​ พวกเขา​กลับ​ตก​ตาย​ไป​โดย​ไม่มีโอกาส​ดิ้นรน​สักนิด​!

เมื่อ​ครั้งกระโน้น​ ภูติ​บดี​สังหาร​ผู้คน​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ก็​เพราะ​ความตาย​ของ​ภรรยา​และ​บุตรสาว​ของ​เขา​ เขา​ถูก​สันดาน​มาร​เข้า​ควบคุม​ และ​ผล​ที่​ตามมา​ก็​คือ​กระถาง​อันเป็น​สมบัติ​วิเศษ​สำหรับ​การเข่นฆ่า​สังหาร​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​

ความเคียดแค้น​และ​สันดาน​มาร​ของ​เขา​ได้​บรรลุ​ไป​ถึงขีดจำกัด​อัน​ล้น​ปรี่​ และ​ใน​ชั่วพริบตา​นั้น​ ก็​ทะลุ​จน​ทลาย​การควบคุม​ของ​หลัก​กฎ​แดน​ใต้พิภพ​ ในเวลานั้น​ กระถาง​สังหาร​ก่อตัว​ขึ้น​มาด้วย​สันดาน​มาร​และ​ความเคียดแค้น​ที่​กล้าแข็ง​ที่สุด​ของ​เขา​ ดังนั้น​ใคร​ก็​คงจะ​นึกออก​ว่า​กระถาง​นี้​น่าสะพรึงกลัว​สัก​เพียง​ไหน​!

ตอนนี้​กระถาง​ยังคง​ไม่โจมตี​พวกเรา​

ฉิน​มู่มอง​ไป​ยัง​ใบ​หน้าที่​ล่องลอย​รอบ​ๆ และ​รู้สึก​ประหวั่นพรั่นพรึง​ หรือ​ภูติ​บดี​จะเป็น​คน​ควบคุม​กระถาง​นี้​ แต่​นั่น​คง​ไม่ใช่ หลังจากที่​ภูติ​บดี​เริ่ม​เข่นฆ่า​ล้างผลาญ​ใน​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ เขา​ก็​รู้สึก​สำนึกผิด​บาป​อย่าง​หนัก​ และ​พันธนาการ​ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​ตน​เอาไว้​ใน​ด่าน​กุญแจ​หยก​เพื่อให้​รับ​ทุกข์ทรมาน​จาก​ไฟนรก​ กระถาง​นี้​คงจะ​ต้อง​ถูก​เขา​ทิ้ง​ไป​ หรือไม่​ก็​ถูก​สภาสวรรค์​เก็บ​ยึด​ ผู้​ซึ่งมอบ​ต่อให้​แก่​ผู้บัญชาการ​แคว้น​ลู่​หลี​เอา​ไป​ควบคุม​ นั่น​ก็​ยัง​หมายความว่า​พลัง​อำนาจ​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ของ​กระถาง​นี้​ยัง​ไม่ถูก​กระตุ้น​ทำงาน​ มัน​จะต้อง​ยัง​ไม่มีใคร​ข้างนอก​ที่​ลงมือ​กระตุ้น​การทำงาน​

เขา​ตั้งสติ​ตนเอง​ และ​เมื่อ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ทั้ง​สามถูก​ฟาด​ตบ​ลง​มาจาก​ตาข่าย​สวรรค์​ มัน​ก็​กระตุ้น​พลานุภาพ​ของ​กระถาง​สังหาร​และ​ปลิดชีวิต​พวกเขา​ไป​ในทันที​ นี่​หมายความว่า​พลานุภาพ​ของ​กระถาง​สังหาร​ถูก​กระตุ้น​ให้​ทำงาน​ได้​ แต่​ตราบเท่าที่​มัน​ยัง​ไม่ถูก​กระตุ้น​ ก็​คง​ไม่มีปัญหา​มากมาย​ เว้น​ก็​แต่ว่า​ลู่​หลี​และ​พรรคพวก​จะกระตุ้น​ให้​กระถาง​ทำงาน​ไป​ตรงๆ​

การ​ที่​ภูติ​บดี​หลอม​สร้าง​กระถาง​สังหาร​นี้​ใน​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ ความสำเร็จ​ของ​เขา​ใน​เชิงพีชคณิต​ตอนนั้น​คงจะ​ไม่สูงมาก​เท่าไร​

ฉิน​มู่ยังคง​สงบ​ท่วงที​เอาไว้​ และ​ดวงตา​ที่​หว่าง​คิ้ว​ของ​เขา​ก็​เปิด​ออก​เพื่อ​มอง​ไป​ยัง​รอบ​บริเวณ​ เขา​คิดในใจ​ ในเวลานั้น​ เจ้าสำนัก​เต๋า​คงจะ​เพิ่ง​คิดค้น​ตำรา​คำนวณ​สตรี​ปริศนา​ และ​ตำรา​คำนวณ​บรม​ปริศนา​เท่านั้น​ ภูติ​บดี​ก็​คง​ไม่ได้​เรียน​ทั้งสอง​ตำรา​ด้วยซ้ำ​ กระถาง​สังหาร​นี้​น่าจะ​มีช่องโหว่​ใน​พยุหะ​สังหาร​

เขา​มอง​ไป​รอบ​ๆ และ​ขมวดคิ้ว​หนัก​ขึ้น​เรื่อยๆ​ เหงื่อ​เม็ด​เป้ง​ปรากฏ​ที่​หน้าผาก​ของ​เขา​

เขา​มองหา​ช่องโหว่​ไม่เจอ​สักนิด​

ใน​ตอนนั้น​ เขา​ก็​ตระหนักถึง​ประเด็นสำคัญ​ขึ้น​มา!

สำนัก​เต๋า​ใช้พีชคณิต​เพื่อ​อธิบาย​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​ฟ้าและ​ดิน​ ในทางกลับกัน​ ภูติ​บดี​นั้น​เป็น​เทพ​บรรพกาล​ก่อน​ฟ้าดิน​ เขา​นั้น​คือ​ตัว​สำแดง​ของ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​!

เขา​ไม่จำเป็นต้อง​ใช้พีชคณิต​!

พีชคณิต​เป็น​เพียง​วิชา​ต่ำ​ชั้น​สำหรับ​เขา​!

การ​ที่​เขา​จะละทิ้ง​มรรคา​ วิชา​ และ​ความสำเร็จ​ต่างๆ​ เพื่อ​มาศึกษา​ค้นคว้า​พีชคณิต​ นั้น​ไม่ต่าง​อะไร​กับ​การ​ซื้อ​ไข่มุก​มาเพื่อ​จะเอา​แค่​กล่อง​บรรจุ​

บัดซบ​แล้ว​…

ขณะที่​เขา​คิด​มาถึงตรงนี้​ ฉิน​เฟิงชิงที่อยู่​ทางขวา​ของ​เขา​ก็​พลัน​สูด​ลมหายใจ​ลึก​และ​ร้อง​ชม “ที่นี่​ดีเยี่ยม​จริงๆ​ มีกลิ่น​ดี​ๆ อยู่​เต็มไปหมด​ หอม​อะไร​อย่างนี้​”

ฉิน​มู่กะพริบตา​ปริบ​ “หอม​อะไร​อย่างนี้​ งั้น​หรือ​”

ฉิน​เฟิงชิงผงกหัว​ “หอม​จริงๆ​! เจ้าไม่ได้​กลิ่นหอม​ใน​อากาศ​หรือ​ นั่น​คือ​กลิ่นหอม​ของ​ดวงวิญญาณ​ที่​เต็มไปด้วย​ความเจ็บปวด​ ความหวาดกลัว​ ความสิ้นหวัง​ ความ​เคียน​แค้น​ ความ​ย้อน​เสียใจ​ และ​ความคิด​ด้าน​ลบ​ทั้งหลาย​ กลิ่น​ของ​มัน​ช่างเย้ายวนใจ​จริงๆ​!”

ฉิน​มู่อึ้ง​ไป​ ทันใดนั้น​ ทักษะ​เท​วะ​ก็​ระเบิด​ขึ้น​ใน​ความมืด​ มีเสียง​ครืน​ครัน​กัมปนาท​ และ​ความมืด​ก็​ไหลบ่า​มา แต่ทว่า​ไม่มีการตอบโต้​กลับ​จาก​กระถาง​สังหาร​อย่าง​ที่​เขา​คาด​เอาไว้​!

กระถาง​สังหาร​ไม่มีปฏิกิริยา​ต่อ​การ​โจมตี​ของ​เขา​ มีก็​แต่​ใบหน้า​อัน​เต็มไปด้วย​ความเจ็บปวด​มอง​เข้าไป​ใน​ความมืด​ และ​อ้า​ปาก​ออก​เพื่อ​กรีดร้อง​โดย​ไร้​เสียง​

ฉิน​มู่ตกตะลึง​ และ​พลัน​ตระหนัก​ขึ้น​มา เขา​ร่ำร้อง​ “ข้า​รู้​แล้ว​ว่า​ว่า​เพราะอะไร​! พวกเรา​สอง​พี่น้อง​คือ​ภูติ​บดี​ สำหรับ​กระถาง​นี้​ พวกเรา​เหมือนกับ​มัน​ มัน​ไม่โจมตี​ภูติ​บดี​ และ​ไม่โจมตี​ตัว​มัน​เอง​!”

เขา​ตื่นเต้น​ขึ้น​มาทันที​ เขา​เคลื่อนที่​ไป​รอบ​ๆ และ​ก็​ยังคง​ไม่ถูก​กระถาง​สังหาร​จู่โจม

ฉิน​มู่เหาะ​ไป​ที่​เบื้องหน้า​ของ​ใบ​หน้าหนึ่ง​ และ​ดวงตา​ของ​ใบหน้า​นั้น​กลอก​ไปมา​ มอง​เขา​ด้วย​สีหน้า​หวาดกลัว​

ฉิน​มู่เคลื่อน​ไป​ยัง​ข้างๆ​ ใบหน้า​นั้น​ และ​ก็​ยังคง​เห็น​ใบหน้า​ดังกล่าว​ ไม่ว่า​เขา​จะมอง​ไป​ที่​มัน​จาก​มุมใด​ ก็​จะเห็น​แต่​ใบ​หน้าด้าน​ตรง​ เขา​ไม่อาจ​มองเห็น​ข้างหลัง​ของ​ใบหน้า​ได้​!

เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เดาะ​ลิ้น​ด้วย​ความ​ทึ่ง​ “พี่ชาย​ เจ้ามองเห็น​ไหม​ว่า​กระถาง​นี้​ใช้มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​แบบ​ไหน​ ภูติ​บดี​สร้าง​ใบหน้า​นี้​ขึ้น​มาได้​อย่างไร​”

“ให้​เวลา​ข้า​สัก​เดี๋ยว​!”

ฉิน​เฟิงชิงยก​มือขึ้น​และ​ยืด​แขน​ของ​เขา​เข้าไป​ใน​ดวงตา​ที่​หว่าง​คิ้ว​ เขา​ควานหา​ทั่วไป​อย่าง​สะเปะสะปะ​ และ​ใน​แผ่นดิน​รูป​ตัว​ฉิน​ เทพ​สรรพ​ชีวิต​ จักรพรรดิ​แดงฉาน​ และ​เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​รีบ​หลบ​ไป​ทาง​นั้น​ที​ทางโน้น​ที​

ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ฉิน​เฟิงชิงก็​เอา​ศีรษะ​หนึ่ง​ออก​มาจาก​แผ่นดิน​รูป​ตัว​ฉิน​ เขา​เป่า​ลมหายใจ​เข้าใส่​เฮือก​หนึ่ง​ และ​ศีรษะ​นั้น​ก็​บิน​ขึ้นไป​ลอย​ล่อง​อยู่​ใน​ความมืด​ “ทำ​แบบนี้​”

ฉิน​มู่ตกตะลึง​และ​เดิน​วน​อ้อม​ศีรษะ​นั้น​หลาย​รอบ​ ทั้ง​สี่ด้าน​ของ​ศีรษะ​ล้วนแต่​เป็น​ด้าน​ตรง​ของ​ใบหน้า​ เขา​ไม่อาจ​มองเห็น​ด้าน​ข้าง​หรือ​ด้านหลัง​ได้​

“ใน​นี้​ใช้มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​แบบ​ไหน​” ฉิน​มู่จับต้นชนปลายไม่ถูก​

“ข้า​ไม่รู้​น่ะ​”

ฉิน​เฟิงชิงกล่าว​ “ใน​เมื่อ​ไม่มีอันตราย​ งั้น​ให้​ข้า​ย่อย​อาหาร​ก่อน​ เจ้าก็​คิด​หา​วิธี​ออกจาก​ที่นี่​ไป​พลาง​ๆ”

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

Score 10
Status: Completed

อ่าน ตำนานเทพกู้จักรวาล PDF ตอน 1 – 443 คลิกเพื่ออ่าน

( อ่านต่อด้านล่าง )


ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก

เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่

ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย

บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู

ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน

เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ!

ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่

ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร

ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา…

เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่

นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก!

‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Options

not work with dark mode
Reset