เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 373 ประวัติศาสตร์

บทที่ 373 ประวัติศาสตร์

บทที่ 373 ประวัติศาสตร์

บทที่ 373 ประวัติศาสตร์

หนานกงสือเยวียนไม่เคยเห็นเหตุการณ์น่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ซากศพมีชีวิตที่ถูกควบคุมโดยกู่ หรือแมลงพิษที่บินว่อนไปทั่วท้องฟ้าที่เห็นในสนามรบก็ตามที

แน่นอนว่าในพระราชวังของเขาก็มีหอตำราเช่นเดียวกัน และก็เป็นหอตำราที่ใหญ่ที่สุดในต้าเซี่ย

แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ทำให้รู้ว่าตนเป็นเพียงกบในกะลา ไม่อยากจะเชื่อว่า…มีหนังสือมากมายขนาดนี้อยู่บนโลกด้วย

เขายืนตกตะลึงอยู่ที่เดิมหลายอึดใจ จนกระทั่งเสี่ยวเป่าเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์

“ท่านพ่อดูสิ ตรงนี้มีวิธีทำดินปูนด้วยล่ะ”

เทียนเต้าบอกไว้ว่าแค่นางคิดในใจก็จะรู้ตำแหน่งของหนังสือที่ตนเองต้องการ

มีหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับการทำดินปูน ทั้งยังมีส่วนผสมมากกว่าหนึ่งสูตร

หนานกงสือเยวียนรับหนังสือมาถือ และพบว่ากระดาษของหนังสือเล่มนี้มีเนื้อละเอียดทั้งยังดูขาวสะอาด คุณภาพดีกว่ากระดาษซวน*[1]ที่เขาใช้เสียอีก

ไม่รู้ว่าใช้วิธีการใดในการยึดกระดาษแต่ละแผ่นเข้าด้วยกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการอ่านแต่อย่างใด

ตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ… ดูเหมือนจะขาดแขนขาไปสักหน่อย แต่วิวัฒนาการของตัวอักษรพวกนี้ยังมีรูปร่างในแบบที่เขาคุ้นเคย

ยังมีจุดที่แตกต่างกันอีกอย่าง ตัวอักษรในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้อ่านจากบนลงล่างอย่างที่เขาคุ้นเคย แต่กลับอ่านจากซ้ายไปขวา ทั้งยังมีสัญลักษณ์แปลก ๆ คั่นระหว่างตัวอักษรและบรรทัด

ตอนที่ยังเป็นภูตพฤกษา เสี่ยวเป่าไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน หลังจากที่มายังโลกนี้ก็ได้รับการสั่งสอนในแบบของต้าเซี่ย โดยเน้นไปที่การคัดตัวอักษรเป็นหลัก นางจะเขียนหนังสือก็ต่อเมื่อเขียนจดหมายไปหาพี่รองที่อยู่ไกลออกไป ทั้งยังเขียนตามแบบฉบับของต้าเซี่ย ไม่ได้ใช้เครื่องหมายวรรคตอนพวกนี้

ตอนแรกเริ่มหนานกงสือเยวียนดูจะไม่ค่อยคุ้นชินนัก แต่ว่าเพียงไม่นานก็ตระหนักถึงประโยชน์ในการเขียนด้วยวิธีนี้

เขานึกถึงข้อความที่อัดแน่นอยู่ในฎีกาซึ่งเขาต้องตัดแบ่งประโยคด้วยตัวเอง

หากรู้วิธีใช้เครื่องหมายพวกนี้ ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกได้ไม่น้อย

“‘หลักการผลิตปูนซีเมนต์’ เป็นชื่อที่แปลกและตรงไปตรงมาจริง ๆ”

หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแนะนำกรรมวิธีและวัตถุดิบในการผลิตปูนอย่างละเอียดเท่านั้น แต่ยังกล่าวถึงประโยชน์ใช้สอยของปูนและข้อควรระวังต่าง ๆ…

มิหนำซ้ำยังมีรูปภาพประกอบช่วยให้เข้าใจได้เป็นอย่างดี

ปกติแล้วหนานกงสือเยวียนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกให้ได้เห็นนัก แต่บัดนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

แต่ว่าตัวอักษรบางตัวในหนังสือก็ต่างไปจากที่เขาใช้อย่างสิ้นเชิง เขาต้องคาดเดาจึงจะเข้าใจความหมายของมัน

“เสี่ยวเป่า มีหนังสือประวัติศาสตร์ที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับโลกนั้นบ้างหรือไม่”

เสี่ยวเป่าพยักหน้า เพียงแค่ใช้ความคิดก็รับรู้ตำแหน่งของหนังสือที่ท่านพ่อต้องการได้ทันที จากนั้นก็จูงมือเขาเดินไป

ตั้งแต่ที่เข้ามาในห้องสมุดแห่งนี้ ต่อให้เขาจะดูอีกกี่ครั้ง ก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ดี

เป็นอย่างที่เสี่ยวเป่าพูดจริง ๆ หนังสือเหล่านี้ชวนให้ยินดีเสียยิ่งกว่าได้แก้วแหวนเงินทอง

แต่เขารู้ดีว่าสิ่งตอบแทนที่เทียนเต้ามอบให้เสี่ยวเป่านั้น สัญชาตญาณในการเลือกนับว่านางได้ประโยชน์อย่างยิ่ง

เสี่ยวเป่าของเขาไม่ได้ชื่นชอบการอ่านหนังสือเท่าใดนัก นางหลงใหลในพืชพันธ์ุนานาชนิดเสียมากกว่า

การที่นางเลือกห้องสมุดแห่งนี้ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขา

หนานกงสือเยวียนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ บุตรสาวตัวน้อยมักจะให้ความสำคัญกับเขาเป็นอันดับแรกเสมอ เช่นนี้จะไม่ให้เขาลำเอียงได้อย่างไร

คนนอกมองเห็นเพียงความรักใคร่ลำเอียงที่เขามีต่อเสี่ยวเป่า แต่หารู้ไม่ว่าเสี่ยวเป่าทำเพื่อเขาและอาณาจักรนี้มากมายเพียงใด เพียงเพราะว่านางเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สิ่งที่นางทำเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมจึงมักถูกมองข้าม

“ท่านพ่อ ตรงนั้นเพคะ”

หนังสืออยู่สูงเกินไปจนเสี่ยวเป่าเอื้อมไม่ถึง หนานกงสือเยวียนจึงไปหยิบหนังสือลงมาจากชั้น

หนังสือเล่มหนา บนหน้าปกเขียนไว้ว่า ‘ประวัติศาสตร์หัวเซี่ยห้าพันปี’

สายตาหนานกงสือเยวียนสบเข้ากับคำว่า ‘เซี่ย’ ก็พลันรู้สึกอัศจรรย์ใจ

นี่มัน… พรหมลิขิตจริง ๆ

เขาเริ่มพลิกหนังสืออ่านอย่างอดใจไม่ไหว ภายในห้องสมุดมีพื้นที่สำหรับนั่งอ่าน ช่างเป็นการออกแบบที่ใส่ใจยิ่งนัก

เสี่ยวเป่าเองก็ไปหาหนังสือเกี่ยวกับการทำปศุสัตว์และเกษตรกรรมมาอ่านเช่นเดียวกัน

นางไม่ได้เป็นพวกไม่ชอบหาความรู้ เพียงแต่นางชื่นชอบเฉพาะเรื่องที่ตนเองสนใจเท่านั้น อืม… ต้องบอกว่าเอนเอียงไปทางเรื่องที่ชอบมาก ๆ ถึงจะถูก

สองพ่อลูกนั่งลงและเริ่มอ่านหนังสือเงียบ ๆ ทันใดนั้นห้องสมุดขนาดมโหฬารก็เหลือเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษให้ได้ยิน

เวลาล่วงเลยผ่านไปโดยไม่รู้ตัว เสี่ยวเป่ารู้สึกปวดคอนิดหน่อย นางวางหนังสือที่อยู่ในมือและหันไปหาท่านพ่อก็พบว่าเขากำลังจมดิ่งอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนา

เมื่อได้ยินเสียงของฝูไห่กงกงลอยแว่วเข้ามาในหู เสี่ยวเป่าจึงใช้ความคิดเพื่อจะออกไปจากที่นี่

เร็วเท่าความคิด ห้องสมุดก็หายไปต่อหน้าต่อตา นางและท่านพ่อยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม

สองพ่อลูกสบตาเข้าหากันโดยไม่พูดอะไร ฝูไห่เอ่ยเรียกพวกเขาเป็นครั้งที่สอง

“ฝ่าบาท ฝ่าบาท…”

“เข้ามา”

สีหน้าของหนานกงสือเยวียนสงบนิ่ง น้ำเสียงเย็นชาเช่นเคย

“ฝ่าบาท องค์ชายสามและเจ้ากรมโยธาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

“ให้เข้ามาได้”

เสี่ยวเป่า “ท่านพ่อ เช่นนั้นเสี่ยวเป่ากลับก่อนนะเพคะ”

ปิงจีหลิ่นที่นางรับปากว่าจะเอาไปให้เยว่หลีกับพวกพี่ ๆ ไว้เมื่อวานยังคงอยู่ในโรงน้ำแข็ง

หนานกงสือเยวียนพยักหน้า เขายังตกอยู่ในอาการตื่นเต้นไม่หายขณะมองดูเสี่ยวเป่าจากไป

เขาคิดว่าประวัติศาสตร์ของโลกที่ตนอาศัยอยู่นั้นจะต่างจากโลกที่เสี่ยวเป่าจากมาโดยสิ้นเชิง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าประวัติศาสตร์ก่อนราชวงศ์ฮั่นจะมีเรื่องราวที่เหมือนกัน

ในปลายราชวงศ์ฮั่นเป็นช่วงที่ประวัติศาสตร์มีการเปลี่ยนแปลง ใต้หล้าตกอยู่ในกลียุค เจ้าผู้ครองนครทำสงครามชิงความเป็นใหญ่ ในโลกของเสี่ยวเป่าถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ วุยก๊ก จ๊กก๊ก และง่อก๊ก แต่ว่าที่นี่กลับเป็นเซี่ย เป่ยเยว่ และหานกั๋วที่ครองความเป็นใหญ่แทน นอกจากนี้ก็ยังมีนครเล็ก ๆ มากมายที่ตั้งอยู่ไกลออกไป

พวกอนารยชนซึ่งครั้งหนึ่งเคยแตกพ่ายได้ผงาดขึ้นอีกครั้งหลังจากรักษาความบอบช้ำมาหลายชั่วอายุคน โดยมีพวกซยงหนูและชาวหูบนหลังม้าเป็นตัวปัญหาหลัก

นับตั้งแต่ปลายราชวงศ์ฮั่นเป็นต้นมา ดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์ของสองโลกจะเดินไปคนละทิศทาง

มิหนำซ้ำประวัติศาสตร์ช่วงระหว่างราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว และมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง

อาณาจักรภายหลังราชวงศ์ฮั่นก็ช่วยให้เขาได้เปิดโลกมากทีเดียว อาณาจักรมีทั้งรุ่งเรืองและล่มสลาย การรวมประเทศและแบ่งแยกดินแดนนับเป็นเรื่องปกติทั่วไป มีทั้งกษัตริย์ผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและทรราช ประวัติศาสตร์เหล่านี้ร้อยเรียงเข้าด้วยกันและก่อร่างเป็นอารยธรรมอันน่างดงามและอัศจรรย์ใจ

และต่อไปต้าเซี่ยเองก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เหลือก็เพียงรอเวลาว่าจะสามารถทิ้งเรื่องราวที่น่าจดจำไว้ในประวัติศาสตร์ได้หรือไม่

เป็นเรื่องยากที่ภายในใจของหนานกงสือเยวียนจะถูกจุดประกายด้วยความทะเยอทะยาน เขาต้องการที่จะผนึกรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่น และต้องการให้อาณาจักรของเขามีประวัติศาสตร์อันงดงามและยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะในฐานะวีรบุรุษหรือธรรมราชาก็ตามที

หนังสือเล่มนั้นถูกเรียบเรียงขึ้นโดยคนรุ่นหลัง และเห็นได้ว่าการจะตัดสินว่าคนคนหนึ่งเป็นมหาราชหรือว่าทรราชนั้นมิได้ตัดสินเพียงแค่ด้านเดียว แต่เป็นในทุก ๆ ด้าน

หรือแม้แต่ฉินฉื่อหวง (จิ๋นซีฮ่องเต้) ผู้ซึ่งถูกใครต่อใครประณามมาโดยตลอด ก็ยังรับการยกย่องจากคนรุ่นหลังให้เป็นปฐมจักรพรรดิตลอดกาล

หนานกงสือเยวียนในฐานะฮ่องเต้ หลังจากได้อ่านเรื่องราวของจักรพรรดิดินแดนต่าง ๆ แล้ว ความทะเยอทะยานที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจเขาก็ถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง

หรือไม่…ก็ให้รัชทายาทรั้งตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ จากนั้นตัวเขาก็จะขึ้นขี่บนหลังม้าออกไปพิชิตใต้หล้า?

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว เขาค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของรัชทายาทมากทีเดียว

ขณะตกอยู่ในภวังค์ หนานกงฉีอวิ๋นและเจ้ากรมโยธาก็มาถึง พวกเขามาพร้อมกับหน้าไม้ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่

[1] กระดาษซวน (宣纸) มีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง เป็นกระดาษสีขาวที่มีลักษณะลื่นและนุ่ม ซึ่งยากที่จะยับและเน่าเปื่อย ใช้สำหรับการเขียนตัวอักษรจีนและวาดภาพในสมัยโบราณ

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Score 10
Status: Completed
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว! นิยายแปลเรื่อง เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช ผู้แต่ง :垂耳兔 หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้ เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน! เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

Options

not work with dark mode
Reset