บทที่ 775 หลี่จิ่วเต้า ‘พวกเราล้วนอยู่ฝ่ายเดียวกับต้าเต๋อ!’
ความเจ็บปวดในอดีตคืบคลานเข้ามาในใจ พระเก้าประทีปพุทธเจ้าอกแทบระเบิด
หนึ่งร้อยรอบเชียวนะหนึ่งร้อยรอบ!
สิบล้านรอบเชียวนะสิบล้านรอบ!
ชีวิตของเขาช่างรันทดยิ่งนัก ชีวิตผู้ใดลำบากยากเข็ญเท่าเขาบ้าง
หลังเขาได้รับความไว้วางใจจากพระพุทธองค์ ได้เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่แห่งพุทธศาสนา เรื่องแรกที่เขาทำคือฆ่าวัวทุกตัวในเขาญาณให้หมด
แม้แต่วัวตัวเมียก็ไม่ละเว้น!
หมูก็ด้วย เขาฆ่าไปจนหมด!
ทั้งยังสั่งห้ามมิให้สมาชิกในพุทธศาสนาเอ่ยถึงวัวและหมู!
แต่สุดท้ายเขาก็มาได้ยิน วัวนี่ดี ทั้งแข็งแรงทั้ง…
“เจ้าจงไปตายเสีย!”
เขาบันดาลโทสะ ฟาดฝ่ามือใส่ต้าเต๋อ แสงเซียนเจิดจ้าแยงตา
“อย่าได้โรคลมบ้าหมูกำเริบใส่ข้าเชียว!”
ต้าเต๋อแค่นเสียงเย็น กระทืบเท้าเบา ๆ พระเก้าประทีปพุทธเจ้ากระเด็นออกไปทันควัน กระแทกกับกำแพงอย่างแรงจนกระอักเลือดไม่หยุด
ที่นี่คือวิหารต้าสยง มีความหมายไม่ธรรมดา ต้าเต๋อใช้พลังปกปักษ์รักษาทุกอย่างในที่นี้ไว้แต่แรก ป้องกันมิให้สิ่งใดต้องสึกหรอ
มิฉะนั้น ด้วยพลังจากการกระทืบเท้าเมื่อครู่ของเขา วิหารต้าสยงแห่งนี้คงได้ระเบิดแน่!
“บังอาจนัก!”
“ริอ่านลงมือกับพระสังฆราช เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!?”
เสียงตวาดเย็นเยียบดังจากทั่วสารทิศ ต้าเต๋อสัมผัสถึงแรงกดดันผิดปกติ แทบบีบอัดร่างเขาจนแหลกลาญ
ทว่าหลังจากนั้น ลูกประคำบนคอเขาส่องประกายแวววาว สกัดกั้นแรงกดดันเหล่านี้ให้เขา
ต้าเต๋อเหินออกจากวิหารต้าสยง เมื่อได้มาอยู่ข้างนอก เขาจึงรู้ว่าเสียงตวาดเย็นเยียบเหล่านั้นเป็นเสียงของบรรดายอดฝีมือขอบเขตโกลาหลในเขาญาณ
เขาไม่อยากสู้กันในวิหารต้าสยง กลัววิหารต้าสยงจะได้รับความเสียหาย
และทันทีที่เขาออกมาอยู่ด้านนอก ร่างหลายร่างก็มาถึงที่นี่ ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา
ในกลุ่มนี้มีทั้งมนุษย์ทั้งสัตว์อสูร พวกเขาต่างแผ่ขยายพลังปราณออกมาโดยไม่ปิดบัง น่าประหวั่นพรั่นพรึงกันถ้วนหน้า ต่างอยู่เหนือขอบเขตโกลาหลขึ้นไป
พวกเขามาจากแดนบรรพโกลาหลจริง ต่อมา ถูกพระอมิตาภะพุทธเจ้ากำราบจนยอมสวามิภักดิ์ต่อพุทธศาสนา กลายมาเป็นธรรมบาลของพุทธศาสนา คอยหนุนพระเก้าประทีปพุทธเจ้า
ครานั้น พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าจะแข็งแกร่งปานนี้ พวกเขาไม่อาจตอบโต้ได้เลย ถูกกำราบลงในพริบตา
“อ๊ากกก! เจ้าคนเดนตาย!”
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเหินออกจากวิหารต้าสยงในสภาพใกล้คลั่งเต็มที ดวงตาสองข้างแดงก่ำ เหลือเค้าความเมตตาอย่างพระที่ไหน!
“อามิตาพุทธ!”
สิ่งมีชีวิตอีกนับคณาตามมาถึงพร้อมท่องพระนามไปด้วย ต้าเต๋อได้เห็นใบหน้าคุ้นเคยไม่น้อย ทั้งพระสังฆราช พระเวทโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ อยู่ที่นี่หมด
ทว่าสายตาที่พระสังฆราช พระเวทโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ มองมาที่เขาเต็มไปด้วยความห่างเหิน ความเย็นชา
ต้าเต๋อรู้ดีว่าคงเกิดเรื่องกับพระสังฆราช พระเวทโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ แล้วแน่ มิฉะนั้น สายตาที่มองมาทางเขาไม่มีทางห่างเหินเย็นชาเพียงนี้
ฝีมือพระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือ?
เขาคิดขึ้นมาอย่างอดมิได้ แล้วเกิดเรื่องอันใดกับพระอมิตาภะพุทธเจ้ากัน!?
สิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลมากมายยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ สาวกพุทธศาสนามากมายล้อมตัวเขาไว้ ต้าเต๋อถอนหายใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ในเขาญาณ
แม้กระทั่งครั้งแรกที่พระเก้าประทีปพุทธเจ้าคิดจะจัดการเขา เขายังไม่เคยเป็นศัตรูกับทั้งพุทธศาสนาเช่นนี้ อย่างน้อย พระสังฆราช พระเวทโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ ต่างก็อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา
ทว่าบัดนี้ มิมีผู้ใดอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา…
“เจ้าบูชาแต่เพียงตัวเจ้าเองอย่างที่คิด! แม้แต่พระพุทธองค์เจ้ายังไม่คิดบูชา! อาตมาเป็นถึงพระสังฆราชที่พระพุทธองค์ทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง เจ้ายังกล้าลงมือกับอาตมาอีก!”
ดวงตาพระเก้าประทีปพุทธเจ้าแดงก่ำ ต่อว่าเสียงเย็น “มองดูรอบ ๆ ตัวเจ้าเอาเถิด มีผู้ใดอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าบ้าง! เจ้ากลายเป็นมารร้ายไปแล้ว ห่างไกลจากวิถีธรรมะแห่งพุทธศาสนา ถือเป็นสาวกนอกรีต! จะต้องถูกประหาร!”
“ไม่เคารพต่อพระพุทธองค์ ไม่นับถือในพระพุทธองค์! เจ้าไม่มีค่าพอจะเป็นสาวกพุทธศาสนาของเรา!”
“ยังไม่ยอมให้สังหารเสียโดยดีอีก!”
เสียงตวาดเย็นเยียบดังขึ้นมากมาย สมาชิกพุทธศาสนาทั้งหลายต่างจ้องมองต้าเต๋อด้วยสีหน้าเย็นชา
กล่าวตามตรง ต้าเต๋อรู้ดีว่า นี่มิใช่ความตั้งใจเดิมของสมาชิกพุทธศาสนาหลาย ๆ คน แต่เพราะเกิดเรื่องบางอย่าง กระนั้น เมื่อได้เห็นคนคุ้นเคยมากมายปฏิบัติต่อเขาด้วยความห่างเหินเย็นชาเช่นนี้ ก็ยังไม่สบายใจเท่าใด
“คนทั้งศาสนาต้องการฆ่าเจ้า เจ้ายังโต้เถียงด้วยคำใดได้อีก!”
พระเก้าประทีปพุทธเจ้ายิ้มเย็นพลางเอ่ย “นี่คือสารรูปของเจ้าในตอนนี้ มิมีผู้ใดอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้า!”
“ใครว่า”
เวลานั้นเอง หลี่จิ่วเต้าและพวกลั่วสุ่ยก้าวเข้ามาข้างกายต้าเต๋อ
“พวกเราล้วนอยู่ฝ่ายเดียวกับต้าเต๋อ!”
เขาปริปากเบา ๆ นัยน์ตาใสกระจ่าง
ยามมาถึงเขาญาณ ชายหนุ่มก็รู้สึกตงิดใจ และหลังต้าเต๋อตามหมีดำไป เขาก็ยิ่งเป็นห่วงต้าเต๋อเข้าไปใหญ่ กลัวจะเกิดเรื่องกับต้าเต๋อ
หลังที่นี่อึกทึกครึมโครมถึงเพียงนั้น เขาก็รุดหน้ามาในทันทีด้วยกลัวจะเกิดเรื่องกับต้าเต๋อ!
“กลายเป็นมารร้ายอะไรกัน สาวกนอกรีตอะไรกัน เจ้าว่าใช่ก็ต้องใช่หรือ”
อ้ายฉานก้าวมาอยู่ข้างกายต้าเต๋อ ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ขณะมองไปยังพระเก้าประทีปพุทธเจ้าพลางเอ่ย “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใด ข้าจะกล่าวหาเจ้าเช่นกันว่าเจ้ากลายเป็นมารร้าย เจ้าคือสาวกนอกรีต!”
แม้ว่านางมักทะเลาะกับต้าเต๋ออยู่เสมอ แต่นั่นเป็นการทุ่มเถียงหยอกล้อกันเท่านั้น ถึงเวลาคับขันจริง ๆ นางย่อมต้องสนับสนุนต้าเต๋อให้ถึงที่สุด!
“ใช่แล้ว!”
“สิ่งใดหรือคือธรรมะ สิ่งใดหรือคืออธรรม เลิกพูดจาไร้สาระเสียที! ข้ารู้เพียงต้าเต๋อเป็นสหายของข้า พวกเจ้าห้ามแตะต้องต้าเต๋อ!”
จู้จื้อและเหล่าเด็ก ๆ พากันก้าวออกไปพลางกล่าว
“คุณชาย พวกเจ้า…”
ต้าเต๋อซาบซึ้งอย่างยิ่งยวด นี่แหละคือสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น พวกคุณชายจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาตลอดไป
“ข้าก็นึกว่าเกิดเรื่องอันใด ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
เซี่ยเหยียนก้าวออกไปหนึ่งก้าว เอ่ยขึ้นเสียงเย็น “ทั้งพุทธศาสนาอะไร น่าขันจริง ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตตั้งเท่าไรถูกข่มจิตใต้สำนึกเดิมไว้ กล้าปลดปล่อยจิตใต้สำนึกเดิมของพวกเขาออกมาหรือไม่เล่า มาดูกันว่าพวกเขาอยู่ฝ่ายไหนกันแน่!”
นางบรรลุขอบเขตโกลาหลแล้ว รับรู้ได้ทันทีว่าพระสังฆราช พระเวทโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ รวมถึงสมาชิกส่วนใหญ่ในพุทธศาสนาถูกพลังบางอย่างข่มจิตใต้สำนึกเดิมไว้ ท่าทีที่เผยให้เห็นมิใช่ความตั้งใจจริง
“ด้อยความรู้นัก!”
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าตะคอกตำหนิ “ถูกข่มจิตใต้สำนึกเดิมอะไรกัน! พวกเขาถูกข่มที่ไหน หลังได้ฟังพระพุทธองค์เทศนาธรรม พวกเขาต่างยอมเข้าร่วมพุทธศาสนาด้วยความศรัทธา สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ต่างหากคือความตั้งใจจริงของพวกเขา!”
พระพุทธองค์เทศนาธรรม…
หลี่จิ่วเต้าฟังจนเข้าใจแล้ว คล้ายการล้างสมองที่ดาวเคราะห์สีฟ้าใช่หรือไม่
พระพุทธองค์ผู้นี้เก่งกาจยิ่งนัก ล้างสมองได้ทั้งศาสนาเชียว
แต่ลองคิดดูแล้ว ไม่เก่งจะเป็นพระพุทธองค์ได้อย่างไรเล่า
“ถูกต้อง!”
“พวกเราต่างเข้าร่วมพุทธศาสนาด้วยความศรัทธา ขจัดความคิดฟุ้งซ่านในใจออกไป พระพุทธองค์คือผู้รู้ พวกเราได้ติดตามอยู่ข้างกายพระพุทธองค์ถือเป็นเกียรติอันสูงสุด และเป็นวาสนาสูงสุดของพวกเรา!”
สิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลทั้งหลายเอ่ย
และยามกล่าวถึงพระพุทธองค์ พวกเขาต่างมีสีหน้าเลื่อมใส นับถือพระพุทธองค์อยู่เต็มอก
‘พระพุทธองค์ผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไรกัน’
ด้านหลี่จิ่วเต้า สุนัขดำหรี่ตาคิดในใจ
สิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลเหล่านี้ต่างมีระดังสูงส่ง เหนือขั้นห้าขึ้นไปก็ไม่น้อย ซ้ำยังมีที่อยู่ขั้นแปดด้วย
เซี่ยเหยียนดูไม่ออกว่าสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลเหล่านี้ถูกข่มจิตใต้สำนึกเดิมไว้เหมือนกัน แต่มันดูออก
หากเป็นเมื่อก่อน มันอาจดูไม่ออก มันดูสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นแปดเป็นอย่างน้อยผู้นั้นไม่ออก
ทว่าบัดนี้แตกต่างออกไป
บัดนี้ มันคลี่แผ่จิตสัมผัสออกไปเพียงเล็กน้อยก็มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง รวมถึงสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลขั้นแปดผู้นั้นก็ด้วย ไม่อาจซุกซ่อนสิ่งใดจากมันได้เลย
ในช่วงที่ได้ติดตามคุณชาย ขอบเขตของมันยกระดับขึ้นคูณทวี จากขอบเขตโกลาหลขั้นแปดมาถึงขั้นเก้า
และมันยังเหนือขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าขึ้นไปอีก นั่นคือก้าวหน้ามาถึงตอนปลาย ใกล้บรรลุขั้นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลแล้ว!
ใช่แล้วบรรพจารย์เต๋าโกลาหล ระดับพลังที่มิอาจบรรลุด้วยการฝึกตนเพียงอย่างเดียว!
บัดนี้มันถือได้ว่าเป็นกึ่งบรรพจารย์เต๋าโกลาหล หรือก็คือว่าที่บรรพจารย์เต๋าโกลาหล
เป็นเรื่องที่มันสะท้อนใจนักหนา สะท้อนใจในความแข็งแกร่งของคุณชาย สะท้อนใจในความด้อยประสบการณ์ของตนก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ มันคิดว่าคุณชายเป็นเพียงบรรพจารย์เต๋าโกลาหลท่านหนึ่งเท่านั้น!
มันช่างด้อยปัญญา!
คุณชายเป็นเพียงบรรพจารย์เต๋าโกลาหลที่ไหน คุณชายแกร่งกล้ากว่าบรรพจารย์เต๋าโกลาหลมาก ไม่อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
มิฉะนั้น มันไฉนเลยจะได้เป็นว่าที่บรรพจารย์เต๋าโกลาหลในเวลาอันสั้นเช่นนี้
แต่ละระดับเหนือขอบเขตโกลาหลขึ้นไปรังแต่จะทวีความยากในการบรรลุ การบรรลุจากขั้นแปดถึงขั้นเก้ายิ่งหินเข้าไปใหญ่!
ต้องรู้ว่า แม้มันจะเป็นตำนานในแดนบรรพโกลาหล ผู้ทลายขีดจำกัดไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะสามารถบรรลุขั้นเก้าได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้
ช่วงเวลาที่มันคาดการณ์ไว้ในใจคือล้านปี
ส่วนเรื่องจะเป็นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลนั้น มันไม่เคยแม้แต่จะคิด ขอบเขตระดับนั้นแทบไม่มีทางบรรลุไปถึง นับแต่ยุคเริ่มต้น แดนบรรพโกลาหลก็มิเคยมีบรรพจารย์เต๋าโกลาหลอุบัติขึ้นสักตนเดียว!
แต่กับคุณชายเล่า ทุกสิ่งทุกอย่างช่างแสนง่ายดาย มันแตะต้องขั้นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลได้ด้วยซ้ำ ซ้ำยังก้าวข้ามระดับนั้นขึ้นไปได้อีก
คุณชายช่างสุดยอดเหลือเกิน!
‘ได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย ช่วยให้ข้าได้รู้หลายเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน!’
สุนัขดำสะท้อนใจออกมาอีกครั้ง
อย่างเช่นจักรพรรดิไป๋เมื่อก่อนหน้านี้ และพระพุทธองค์ตอนนี้ ต่างเป็นตัวตนที่มันไม่เคยรู้จักเลย!
พระพุทธองค์เป็นคนเช่นไร อยู่ขอบเขตไหน นับว่าน่ากลัวอยู่บ้างจริง ๆ!
แม้แต่ขอบเขตของมันในยามนี้ ยังมิอาจแน่ใจได้ว่าจะสามารถกำจัดพลังที่ข่มจิตใต้สำนึกของบรรดาสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลได้
พลังนั้นเหนือระดับของมันขึ้นไปมิใช่น้อยเลย!
“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเสวนากับพวกเขา! พวกสาวกนอกรีต ประหารได้เลย! พวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้รับวิปัสสนาจากพระพุทธองค์ด้วยซ้ำ พวกเขาไม่ควรค่าพอจะบำเพ็ญธรรม เข้าร่วมพุทธศาสนา!”
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเอ่ยด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่าน
“เข้าใจแล้ว!”
“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”
สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลทั้งหลายหัวเราะเสียงเย็น เปล่งประกายเจิดจ้าทั่วร่าง บดบังแม้แต่พระอาทิตย์บนนภา พลังปราณโถมทับเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่
พวกเขาสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของหลี่จิ่วเต้า มิมีผู้ใดประมาท ถึงอย่างไร ด้วยขอบเขตพลังของพวกเขา การที่พวกเขามองตื้นลึกหนาบางของพวกหลี่จิ่วเต้าไม่ออกก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาแล้ว
“คุณชาย ข้าขอลุยเอง!”
ในตอนนั้นเอง สุนัขดำเอ่ยอาสาขึ้น หมายจะออกไปสู้สักตั้ง
“ได้”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าไปเถิด จริงสิ อย่าหนักมือมาก ในหมู่พวกนั้นมีวัตถุดิบอาหารชั้นดีไม่น้อย อย่างเช่นปีกนกคู่นั้น หากนำมาย่างรสชาติคงไม่เลวแน่”
“เข้าใจแล้ว!”
สุนัขดำตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง น้ำลายไหลลงมาตามมุมปาก