คู่ชะตาบันดาลรักบทที่ 466 นำชัยชนะกลับเมืองหลวง

บทที่ 466 นำชัยชนะกลับเมืองหลวง

วัน​ที่สาม​เดือน​สาม เทศกาล​ซ่างซื่อ​หนีว์​เอ๋อ​เจี๋ย[​1]

ใน​เขตชานเมือง​มีดอกไม้​สวยงาม​มากมาย​ พืชพรรณ​สีสัน​สดใส​ ผู้คน​ควบ​ขี่ม้า​ใน​ชุด​เลิศหรู​ ผู้คน​หลั่งไหล​มามากมาย​ดั่ง​กระแสน้ำ​ไหล​

ใน​รัช​สมัยนี้​เทศกาล​หนีว์​เอ๋อ​เจี๋ย​ไม่ได้​เป็นทางการ​มาก​นัก​เพียงแต่​ฤดูกาล​มาถึงพอดี​ สตรี​ใน​ห้อง​หอ​สามารถ​ออกมา​เดินเล่น​อย่าง​เหมาะสม​ บรรยากาศ​ครึกครื้น​ไม่น้อย​

ตัวอย่างเช่น​เดินทาง​ไป​วัด​ฉางเชิงเพื่อ​ถวาย​เครื่องหอม​ หรือ​ไปเที่ยว​งานวัด​ที่​ชานเมือง​หรือ​ไป​เขา​ซีชาน​เพื่อ​ชมดอก​ท้อ​ หรือ​ไป​ชมรม​กวีนิพนธ์​ที่​ตง​ไถ หรือ​จะพา​มาทั้ง​ครอบครัว​ก็ได้​

ตระกูล​จี้เอง​ก็​เช่นกัน​ ปี​ที่สอง​ที่​หมิง​เวย​จาก​บ้าน​ไป​จี้ห​ลิง​สอบผ่าน​ขุนนาง​และ​ได้​ตำแหน่ง​ทั่น​ฮวา​ พี่ใหญ่​ไม่เพียง​มีความสามารถ​ใน​การเรียนรู้​เหนือ​คนธรรมดา​ แต่​ยังมี​ความสามารถ​ใน​การ​จัดการ​เรื่อง​ต่างๆ​ ที่​เยี่ยมยอด​ ช่วง​สอง​ปี​นี้​พรสวรรค์​ของ​เขา​โดดเด่น​ออกมา​ใน​สำนัก​ฮั่น​หลิน​

นาย​ท่าน​จี้ทำหน้าที่​ซือ​เย​ว่​อย่าง​ใสสะอาด​อีก​ทั้ง​ยังมี​จี้ห​ลิง​คอย​สนับสนุน​ ทำให้​ตอนนี้​ตระกูล​จี้มีชื่อเสียง​อย่าง​แท้จริง​ อย่างไรก็ตาม​สำหรับ​พวกเขา​แล้ว​ไม่มีอะไร​มาก​ไป​กว่า​การ​มีชีวิต​ที่​ดีขึ้น​ที่​เหลือ​ไม่มีอะไร​เปลี่ยนแปลง​

ตระกูล​จี้ไป​ไหว้พระ​จุด​ธูป​ด้วย​พวกเขา​ไม่ได้​ไป​วัด​ฉางเชิง แต่​ไป​ที่​เสวียน​ตูก​วัน​

หลังจาก​ไหว้​เทพเจ้า​แต่ละ​องค์​เสร็จ​ พวกเขา​ก็​ไป​รอ​คนใน​ห้องโถง​ จูเอ๋อร์​อายุ​ได้​ห้า​ขวบ​แล้ว​เป็นช่วง​วัย​ที่​มีชีวิตชีวา​ นาง​มอง​ทาง​นั้น​ทาง​นี้​อย่าง​ไม่อยู่​สุข​

“อา​ ท่าน​อา​!”

จี้ฮูหยิน​ และ​สะใภ้ใหญ่​ที่​กำลัง​สนทนา​กัน​อยู่​ได้ยิน​เสียง​จูเอ๋อร์​ พอ​หันหน้า​ไป​มอง​ก็​เห็น​ว่า​ผู้​ที่มา​ใช่จี้เสียว​อู่​จริง​หรือ​

ปี​นี้​จี้เสียว​อู่​มีอายุ​สิบ​เก้า​ปี​ตัว​เขา​สูงขึ้น​เล็กน้อย​ ร่างกาย​ดู​หนา​ขึ้น​ ในที่สุด​เขา​ก็​เติบโต​ขึ้น​เป็น​อย่าง​ที่​เขา​ฝัน​ถึง เขา​สวม​ชุด​นักพรต​สีน้ำเงิน​เข้ม​เกือบ​ดำ​ของ​เสวียน​ตูก​วัน​ ขับ​ให้​เขา​ดู​โดดเด่น​ สูงตระหง่าน​และ​มั่นคง​ เพราะ​ไม่ได้​เจอ​จี้เสียว​อู่​มาระยะ​หนึ่ง​แล้ว​ จี้ฮูหยิน​และ​สะใภ้ใหญ่​จึงเข้ามา​ไถ่ถามทุกข์สุข​

จี้ห​ลิง​และ​จี้เสียว​อู่​อายุ​ห่าง​กัน​ไม่กี่​ปี​ ตอนที่​สะใภ้ใหญ่​แต่ง​เข้า​เรือน​มาเขา​มีอายุ​เพียง​สิบสอง​ปี​ อีก​ทั้ง​ยัง​เป็น​เจ้าเด็ก​แสบ​ซึ่งดู​ไม่ต่าง​อะไร​กับ​มีลูกชาย​หลาย​คน​เลย​ จี้เสียว​อู่​ถูก​สตรี​สอง​นางล้อม​ถาม ภาพลักษณ์​อัน​มั่นคง​ของ​เขา​หาย​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​

เขา​พูดว่า​ “เอาล่ะ​ๆ ข้า​รู้​แล้ว​ ข้า​กิน​อิ่ม​ดี​ ไม่ได้​อ่าน​อะไร​ซี้ซั้ว​ ไม่ได้​แอบ​ออก​ไป​เล่น​ข้าง​นอ​ก.​..เหตุใด​พวก​ท่าน​ไม่เชื่อ​ข้า​!”

“เพราะ​ก่อนหน้านี้​เจ้าก่อเรื่อง​ไว้​มาก​ตอนนี้​เลย​ไม่มีผู้ใด​เชื่อ​น่ะ​สิ” จี้ห​ลิง​เดิน​เข้ามา​พร้อม​นักพรต​ซีเฉิง

“เช่นนั้น​ท่าน​ก็​ถามท่าน​อาจารย์​สิ! ว่า​ข้า​เป็น​เด็กดี​จริงๆ​”

นักพรต​ซีเฉิงยังคง​มีใบ​หน้าที่​เย็นชา​มีเพียง​แววตา​ที่​มอง​มาอย่าง​อบอุ่น​ เขา​พยักหน้า​แล้ว​ตอบ​ว่า​ “เสียว​อู่​เป็น​เด็ก​ขยัน​ฝึกฝน​ทักษะ​”

“ได้ยิน​หรือไม่​ พวก​ท่าน​ได้ยิน​หรือไม่​!” จี้เสียว​อู่​พูด​ด้วย​ความภาคภูมิใจ​ “ข้า​บอก​แล้ว​ไม่เชื่อ​! ไอ​ห​ยา​!”

จี้ห​ลิง​ดีด​หน้าผาก​อีก​ฝ่าย​ “ไม่ว่า​จะเรียนหนังสือ​ หรือ​ฝึกฝน​ทักษะ​จำเป็นต้อง​จริงจัง​ เจ้าภูมิใจมาก​หรือไม่​”

แววตา​ของ​จี้เสียว​อู่​ฉายแวว​ตัดพ้อ​ “อย่างไร​พี่ใหญ่​ก็​คิด​ว่า​ข้า​ไม่เอาไหน​อยู่แล้ว​!”

“มีเหตุผล​!”

หลัง​พูด​เรื่องไร้สาระ​กัน​เสร็จ​ก็​เข้า​หัวข้อ​หลัก​ นาย​ท่าน​จี้กล่าวว่า​ “ท่าน​นักพรต​ อายุ​ของ​เสียว​อู่​ก็​ไม่น้อย​แล้ว​น้องสาว​ของ​เขา​บอ​กว่า​จะกลับมา​เร็ว​ๆ นี้​ ท่าน​เห็น​ว่า​ควร​ให้​เขา​แต่งงาน​ก่อน​ดี​หรือไม่​”

นักพรต​ซีเฉิงไม่พูด​อะไร​ แต่​จี้เสียว​อู่​ร้อง​ออกมา​ว่า​ “ท่าน​พ่อ​ ท่าน​พูด​อะไร​น่ะ​ ท่าน​อาจารย์​รับปาก​จะถ่ายทอด​ศีล​ให้​ข้า​ หาก​ข้า​ได้รับ​ถ่ายทอด​ศีล​แล้ว​ถือว่า​เป็น​นักบวช​อย่าง​เป็นทางการ​จะแต่งงาน​ได้​อย่างไร​”

“เจ้าพูด​อะไร​” นาย​ท่าน​จี้ขึ้นเสียง​ “เจ้าจะรับ​การ​ถ่ายทอด​ศีล​เหตุใด​จึงไม่ปรึกษา​ครอบครัว​ก่อน​ ก่อนหน้านี้​ไม่เรียนหนังสือ​อยาก​เรียน​เคล็ด​วิชา​ข้า​ก็​ปล่อย​เจ้าเรียน​ ตอนนี้​ยัง​คิด​จะออกบวช​อีก​เพราะ​ไม่อยาก​แต่งงาน​กับ​น้องสาว​เจ้าหรือ​ถึงได้​จงใจหา​ข้ออ้าง​ เด็ก​คน​นี้​ อายุ​เพียงนี้​แล้​วจะ​ไม่แต่งงาน​ได้​อย่างไร​”

“แล้ว​เหตุใด​ต้อง​แต่งงาน​ด้วย​ใน​ครอบครัว​ก็​ยังมี​พี่ใหญ่​อยู่​ไม่ใช่หรือ​”

“พี่ใหญ่​ก็​ส่วน​พี่ใหญ่​จะเหมือนกัน​ได้​อย่างไร​”

“มีพี่ใหญ่​อยู่​ก็​มีคน​สืบทอด​ตระกูล​ขาด​ข้า​ไป​คน​ไม่เห็นจะ​สำคัญ​เลย​”

นาย​ท่าน​จี้โกรธ​มาก​จน​อยาก​จะตี​เขา​ แต่​ที่นี่​คือ​เสวียน​ตูก​วัน​จึงจำเป็นต้อง​อดกลั้น​ไว้​

“ผู้ใด​บอก​ไม่สำคัญ​บุญคุณ​บิดา​มารดา​ต้อง​ทดแทน​คิด​จะออกบวช​อยาก​จะทำให้​พ่อ​แม่เจ้าอกแตก​ตาย​หรือ​”

จี้เสียว​อู่​กลัว​โดน​ทำร้าย​จึงไป​หลบ​อยู่​หลัง​นักพรต​ซีเฉิงแล้ว​พูดว่า​ “มีหลาย​วิธี​ที่จะ​ตอบแทน​ความกตัญญู​ เหตุใด​ต้อง​เป็นการ​แต่งงาน​ด้วย​ แต่งงาน​มีอะไร​ดีกัน​ ท่าน​ต้องการ​ให้​ข้า​แต่ง​กับ​น้อง​หญิง​จริง​หรือ​ ท่าน​พ่อ​ ท่าน​โง่จริง​หรือ​แกล้ง​โง่กัน​แน่​ เหตุใด​น้อง​หญิง​ถึงออกจาก​บ้าน​นาง​วิ่ง​ไล่ตาม​ผู้ชาย​คนอื่น​ท่าน​คิด​จะให้​ข้า​สวม​หมวก​เขียว​หรือ​!”

ใบหน้า​ของ​นาย​ท่าน​จี้เขียว​คล้ำ​เขา​ต้อง​การลาก​บุตรชาย​ออกมา​ทุบตี​โดย​ไม่สนใจ​แล้ว​ว่า​นักพรต​ซีเฉิงอยู่​ที่นี่​ด้วย​หรือไม่​

“เจ้ากล้า​ทำลาย​ชื่อเสียง​น้องสาว​เจ้า! คิด​ว่า​ข้า​ไม่กล้า​ตี​เจ้าให้​ตาย​หรือไง​!”

จี้เสียว​อู่​กุม​หัว​เขา​วิ่ง​ไป​ร้อง​ไป​ว่า​ “ข้า​พูด​เรื่องจริง​ เหตุใด​ท่าน​พ่อ​ถึงไม่เชื่อ​ข้า​บ้าง​”

เขา​จะตาย​อย่าง​ไม่ได้รับ​ความเป็นธรรม​หรือ​ คำพูด​นี้​ซูเจี๋ย​เป็น​คน​บอก​เขา​มา ว่า​อยาก​ออกบวช​ก็​บวช​อยาก​ถอนหมั้น​ก็​ถอน​

หึ​! คน​ที่​ออก​กำแพง​[2]ไม่ใช่เขา​ มีสิทธิ์​อะไร​มาให้​เขา​ถอนหมั้น​ ไม่ถอน​ก็​ไม่ถอน​! อย่างไร​เขา​ก็​ไม่มีคน​อยาก​แต่งงาน​ด้วย​อยู่แล้ว​ ดู​สิว่า​ผู้ใด​ที่จะ​ต้อง​กังวล​เรื่อง​นี้​!

“ท่าน​อาจารย์​ ท่าน​ช่วย​ข้า​พูด​ที​ขอรับ​!” จี้เสียว​อู่​ทำได้​เพียง​หา​คน​ช่วยเหลือ​

นักพรต​ซีเฉิงกำลังจะ​พูด​ แต่​คนรับใช้​ตระกูล​จี้รีบ​เข้ามา​บอ​กว่า​ “นาย​ท่าน​ ฮูหยิน​! คุณหนู​กลับมา​แล้ว​ขอรับ​!”

ใน​จดหมาย​หมิง​เวย​เขียน​แค่​ประมาณ​ระยะเวลา​เท่านั้น​ ทุกคน​ใน​ตระกูล​จี้รู้สึก​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ ไม่มีเวลา​สนใจ​จี้เสียว​อู่​พวกเขา​รีบ​เก็บ​ข้าวของ​กลับ​จวน​ พอ​ออกจาก​เสวียน​ตูก​วัน​ทุกคน​ถึงพบ​ว่า​ภายนอก​แตกต่าง​จาก​ตอน​เข้ามา​

ถนนใหญ่​ถูก​เปิดทาง​เจ้าหน้าที่​ และ​นักท่องเที่ยว​มากมาย​ยืน​หลบ​อยู่​ข้าง​ถนน​อย่าง​ตั้งตารอ​คอย​ จี้เสียว​อู่​คว้า​ตัว​นักพรต​เต๋า​ตัว​น้อย​ที่​มีท่าที​กระตือรือร้น​มาถาม “เกิด​อะไร​ขึ้น​ เชื้อพระวงศ์​เสด็จ​ออก​ประพาส​หรือ​”

นักพรต​น้อย​ตอบ​ “ไม่ใช่ขอรับ​! กองทัพ​ซีเป่ย​นำ​ชัยชนะ​กลับ​เมืองหลวง​ ทุกคน​จึงมาดู​เยวี่ย​อ๋อง​กับ​แม่ทัพ​ใหญ่​”

พูดถึง​เรื่อง​นี้​หลาย​คน​ต่าง​ให้ความสนใจ​ เยวี่ย​อ๋อง​ผู้​นี้​คือ​อดีต​คุณชาย​สามจาก​ตระกูล​หยาง​ เมื่อ​สอง​สามปีก่อน​ไม่มีผู้ใด​ใน​เมืองหลวง​ไม่รู้จัก​เขา​ต่อมา​ถูก​ลดขั้น​ และ​ไล่​ออกจาก​เมืองหลวง​ทุกคน​ยัง​ทอดถอนใจ​เลย​!

เรื่อง​ของ​คุณชาย​หยาง​ทำให้​ทุกคน​ต่าง​พูด​ถึงกัน​หลัง​อาหารเย็น​เป็นอย่างมาก​ การ​จากไป​เช่นนั้น​น่าเสียดาย​นัก​! ทำให้​ฮ่องเต้​ขุ่น​เคืองใจ​เกรง​ว่า​จากนี้​คง​ไม่ได้​กลับมา​อีก​

ผู้ใด​จะคิด​ว่า​ไม่ถึงสามปี​เขา​ไม่เพียง​กลับมา​เท่านั้น​ แต่​เปลี่ยน​จาก​พระประยูรญาติ​เป็นสมาชิก​ใน​ราชวงศ์​แทน​

หลาน​ของ​ซือฮว๋ายไท่จื่อ​ ถ้าไม่ใช่เพราะ​เคราะห์ร้าย​ตอนนี้​คง​สูงส่งเกิน​กว่า​จะอธิบาย​ ไม่น่าแปลกใจ​เลย​ที่​ความวุ่นวาย​เมื่อ​สอง​สามปีก่อน​ฮ่องเต้​ทรง​อดทน​แล้ว​อดทน​อีก​

อย่างไรก็ตาม​พวกเขา​ไม่สามารถ​ย้อนกลับ​ไป​ได้​แล้ว​ทุกคน​ในตระกูล​จี้ยืน​อยู่​ข้าง​ถนน​ตาม​ทุกคน​เช่นกัน​

อันที่จริง​วันที่​กองทัพ​ซีเป่ย​ตามกำหนด​เดิม​จะเข้า​เมืองหลวง​คือ​วันพรุ่งนี้​ แต่​วันนี้​ฮ่องเต้​อารมณ์ดี​ พระ​วรกาย​ก็ดี​จึงปรับ​ให้​เป็น​เข้า​เมือง​วันนี้​แทน​ อาการ​ปวด​พระเศียร​ของ​ฝ่าบาท​ไม่แน่นอน​ไม่รู้​ว่า​จะกำเริบ​เมื่อไร​ ใช้โอกาส​ที่​ฝ่าบาท​อารมณ์ดี​จัดการ​เรื่อง​จำเป็น​ทั้งหมด​ให้​เสร็จ​จะดีกว่า​

“วู…”​ เสียง​แตร​ดัง​ใกล้​เข้ามา​มีการ​สั่นสะเทือน​เล็กน้อย​ที่​พื้น​ และ​กองทัพ​ซีเป่ย​กำลัง​เดินทาง​เข้ามา​ใกล้​พวกเขา​

ประชาชน​แคว้น​ต้าฉี​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ มองเห็น​วีรบุรุษ​ใน​ชุด​เกราะ​สีดำ​มาจาก​ที่​ไกล​ ม้าศึก​ดู​แข็งแรง​ทรงพลัง​ ชุด​เกราะ​บน​ร่างกาย​เปล่งประกาย​มาพร้อมกับ​กลิ่นอาย​ของ​เลือด​

นอกจาก​เสียง​แตร​สั่งการ​ ทั้ง​ขบวน​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบ​และ​เข้มงวด​ทำให้​บรรยากาศ​ดู​มีรังสี​แห่ง​การฆ่าฟัน​มากขึ้น​ ตั้งแต่​หัว​ขบวน​ยัน​ท้าย​ขบวน​เดินผ่าน​ไป​ เหล่า​คน​มากมาย​ที่​ยืน​มุงอยู่​ด้าน​ข้าง​ไม่มีผู้ใด​พูด​อะไร​ออกมา​เลย​

จนกระทั่ง​ทุกคน​ และ​เจ้าหน้าที่​ถอนตัว​ออก​ไป​ถึงมีคน​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ น้ำเสียง​นี้​ทำลาย​บรรยากาศ​ที่​เคร่งเครียด​ทุกคน​พูดคุย​กัน​

“ผู้​ที่อยู่​หัว​ขบวน​คือ​แม่ทัพ​จงใช่หรือไม่​ น่าเกรงขาม​มาก​!”

“กองทัพ​ซีเป่ย​แข็งแกร่ง​มาก​ และ​ทหาร​ทุกคน​ก็​ดู​มีกลิ่นอาย​สังหาร​”

“พวกเขา​ต้อง​ฆ่าคน​มาไม่น้อย​แน่​”

“คน​พวก​นั้น​เป็น​ศัตรู​ สมควร​แล้ว​!”

“แล้ว​เยวี่ย​อ๋อง​ล่ะ​ คน​ไหน​กัน​”

“จริง​สิ เหมือน​จะไม่เห็น​นะ​…”

……………

[1] หนีว์​เอ๋อ​เจี๋ย​ : เทศกาล​ซ่างซื่อ​(上巳节) ตรง​กับ​วัน​ขึ้น​ 3 ค่ำ​ตาม​ปฏิทิน​จันทรคติ​ของ​จีน​ ปัจจุบัน​มัก​เรียก​ว่า​ หนีว์​เอ๋อ​เจี๋ย(女儿节)​ เล่า​กัน​ว่า​ วันนี้​เป็น​วัน​ประสูติ​ของ​หวา​งตี้(黄帝)​ ซึ่งเป็น​บรรพบุรุษ​ของ​ชนชาติ​จีน​ สมัยโบราณ​ ผู้คน​จะใช้ดอก​และ​ต้น​กล้วยไม้​ต้ม​น้ำ​ เพราะ​นอกจาก​ส่งกลิ่นหอม​แล้ว​ ยัง​เชื่อ​ว่า​ น้ำต้ม​กล้วยไม้​สามารถ​ขจัด​สิ่งอัปมงคล​ได้​ ต่อมา​ กลายเป็น​เทศกาล​เฉพาะ​สำหรับ​หญิงสาว​ โดยเฉพาะ​เป็น​เทศกาล​แสดงถึง​การโต​เป็นสาว​ของ​เด็กหญิง​ชาว​ฮั่น​ สาว​ๆ จะอาบน้ำ​กล้วยไม้​ แต่ง​ชุด​สวยงาม​ ร้องรำทำเพลง​ริมแม่น้ำ​ เที่ยว​ชมวิว​ฤดูใบไม้ผลิ​และ​ขอ​อธิษฐาน​ให้​มีความสุข​ตลอดชีวิต​

[2] มาจาก​สำนวน​ ดอก​ซิ่งแดง​ออก​กำแพง​ เป็น​สำนวน​จีน​ที่​นิยม​ใช้ใน​นิยาย​จีน​มัก​หมายถึง​ หญิง​ที่​มีสามีแล้ว​ แต่​ไป​คบชู้​ หรือ​ ยัง​คอย​โปรย​เสน่ห์​แก่​ชาย​อื่​น

คู่ชะตาบันดาลรัก

คู่ชะตาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

เหตุชะตาถึงฆาตทำให้วิญญาณของ ‘หมิงเวย’ หญิงสาวผู้มีวรยุทธ์เก่งกล้า ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของคุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลหมิงผู้อ่อนแอ

แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายเมื่อทันทีที่ลืมตา นางกลับพบว่าในสวนอวี๋ฟางที่นางและฮูหยินสามผู้เป็นมารดาอาศัยอยู่นั้นมีสิ่งอัปมงคล!

สองแม่ลูกเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวพันกับไสยศาสตร์มืด จึงได้ลงมือสืบความจริงของเรื่องนี้อย่างลับๆ

และยิ่งตามสืบปริศนามากมายที่เกิดขึ้นในจวนและตระกูลหมิงแห่งนี้… กลับยิ่งเจอความลับอันดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่

แต่ท่ามกลางความมืดมิดและสิ่งชั่วร้าย โชคชะตากลับลิขิตให้หญิงสาวได้ไขประตูสู่ความจริง… รวมถึงนำไปสู่ความรัก!

นับตั้งแต่ที่ ‘หยางชู’ เหลนของฮ่องเต้จอมเสเพลแฝงกายมายังเมืองที่นางอาศัยอยู่เพื่อภารกิจบางอย่าง

นางและเขาจึงได้ตกลงร่วมกันทำภารกิจไขปริศนา แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปเพราะโชคชะตารักบันดาลอยู่เบื้องหลัง!

Options

not work with dark mode
Reset