บทที่ 1158 นี่คือโชคชะตา
บทที่ 1158 นี่คือโชคชะตา
“ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ!”
พอรู้ตัวว่าชนเข้ากับใครสักคนจึงรีบขอโทษทันที
“ไม่เป็นไรครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนของชายคนนั้นดังขึ้น “สวัสดีเสี่ยวเถียน!”
ทีแรกจ้าวหงเหมยตั้งใจจะขอโทษต่อ แต่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกเสี่ยวเถียน
เธอมองคนพูด
เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามวัยยี่สิบกว่าปี และไม่ได้มองผู้กระทำความผิด แต่มองไปที่ซูเสี่ยวเถียนแทน
ทันใดนั้น เธอก็รู้เลยว่าพวกเขาสนิทกัน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยค่ะพี่กู้ วันนี้มาเดินเที่ยวหรือคะ?”
เด็กสาวประหลาดใจที่เห็นกู้เฉิงเซวียนอยู่ที่นี่
เพราะร้านส่วนใหญ่บนถนนคนเดินเส้นนี้เป็นร้านเสื้อผ้าผู้หญิง หรือไม่ก็ร้านเครื่องประดับของจุกจิกที่ปกติผู้ชายไม่ค่อยมาหรอก
ส่วนใหญ่จะมากับคนรักหรือไม่ก็ภรรยาเท่านั้น
มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแหละที่มา เหมือนกู้เฉิงเซวียนนี่ไง
“พี่ตั้งใจจะเปิดร้านน่ะก็เลยมาดูสักหน่อย วันนี้ว่างหรือ?” กู้เฉิงเซวียนยิ้ม “พี่สะใภ้เพิ่งจะพูดอยู่เลยว่าเธอเป็นคนที่ยุ่งมาก ไม่เคยได้เจอกันเลย”
“พี่ถงหลานสบายดีไหมคะ? น้องโตเยอะหรือยัง?”
“เยอะแล้ว ไม่รู้กินอะไรโตไวเหลือเกิน อย่างกับเห็นลมขยายขนาดเลย*[1]!” สีหน้ากู้เฉิงเซวียนพูดถึงหลานชายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บ่งบอกได้เลยว่าเขาชอบหลานคนนี้มากจริง ๆ
“ฝากบอกพี่ถงหลานด้วยนะคะ ไว้หยุดคราวหน้าหนูจะไปเยี่ยม” ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “วันนี้หนูมาเดินซื้อของกับเพื่อนค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะเผลอชนพี่เข้า”
เธอแอบนึกถึงครั้งแรกที่เราบังเอิญได้พบกัน นั่นก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นด้วย
โชคชะตาช่างวิเศษเสียจริง
“ขอโทษนะคะคุณกู้ เมื่อครู่ฉันไม่ทันระวัง ไม่ได้ทำคุณล้มใช่ไหมคะ?” จ้าวหงเหมยเอ่ยอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไรครับ ผู้หญิงคนเดียวจะชนผมที่เป็นผู้ชายเจ็บตัวได้ยังไง?” เขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“คนนี้คือเพื่อนร่วมชั้นหนูเองค่ะชื่อจ้าวหงเหมย ส่วนคนนี้คือหลี่เจี้ยนหงคนรักพี่รองค่ะ แล้วก็เฉียนเสี่ยวเป่า ทุกคน พี่คนนี้ชื่อกู้เฉิงเซวียนจ้ะ!”
ตอนแรกกู้เฉิงเซวียนกับพี่เสี่ยวเฉ่าไม่รู้จักกัน แต่หลังจากนั้นเขาได้ตกหลุมรักเธอ ทว่าพี่เสี่ยวเฉ่ามีคนในใจแล้ว จึงไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่ด้วยกันในท้ายที่สุด
แล้ววันนี้หงเหมยได้ชนเข้ากับพี่กู้ บางทีคงเป็นโชคชะตาร่วมของคนทั้งสองก็ได้
เคยได้ยินชุยถงหลานพูดอยู่ว่าน้องสามีคนนี้ยังไม่มีใจจะหาภรรยาเท่าไร เลยเป็นโสดอยู่
แถมยังบอกอีกว่าที่บ้านห่วงมาก อยากให้เขาหาคู่ครองเสียที
“สวัสดีครับ!” กู้เฉิงเซวียนไม่รู้ว่าเด็กสาวคิดอะไร จึงยกยิ้มทักทายทุกคน
สาว ๆ ทักทายกลับ
“พี่กู้อยากไปเดินซื้อของกับเราไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนถาม
กู้เฉิงเซวียนตกใจ จากนั้นจึงส่ายหัว “ไม่ไปหรอก พี่เป็นผู้ชายนะ จะตามกลุ่มสาว ๆ ไปทำอะไรเล่า?”
หลัก ๆ คือเขารู้จักแค่ซูเสี่ยวเถียน เลยรู้สึกอึดอัดหากต้องตามไปด้วย
เด็กสาวเสียใจ แต่สิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวก็ไม่แปลก
หลังชายหนุ่มจากไป จ้าวหงเหมยก็เอ่ยขึ้น “เสี่ยวเถียน คนรอบตัวเธอมีแต่คนโดดเด่นทั้งนั้นเลย พี่กู้อีกคน ดูเก่งมากเลยนะ!”
หญิงสาวมองคนผู้นั้นด้วยแววตาเป็นประกาย
“ดีใช่ไหมล่ะ? พี่กู้เป็นคนดีนะ อยากรู้จักไหม?” เธอหยอกเย้า “ห้องเรามีคนโสดน้อยลงเรื่อย ๆ แล้วนะ เธอต้องรีบแล้วหงเหมย!”
“ฉู่เยว่ เสี่ยวฟาง เยี่ยนอันก็โสดนะ? ทำไมฉันต้องห่วงด้วยล่ะ?” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เห็นนะว่าหน้าแดงน่ะ
อืม ดูออกด้วยว่าดูสนใจนิดหน่อย
แต่ก็ดีแล้ว เรื่องของความรู้สึกต้องมีใครคนหนึ่งรู้สึกก่อนนะ
ไว้ลองคุยกังพี่ถงหลานดู อาจจะวางแผนไปถึงเรื่องแต่งงานก็ได้นะ
ทริปเดินเที่ยวหลังจากนั้นจ้าวหงเหมยรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่หน่อย ๆ
เช้าวันต่อมา หูเสี่ยวเหลียนก็ได้มาหาที่บ้าน
ซูเสี่ยวเถียนเพิ่งกินข้าวเสร็จ กำลังจะเตรียมเขียนแผนโรงงานต่อจากเมื่อวาน
ซึ่งแขกพาลูกสาวมาด้วย
คนโตชื่อเดิมคือเซี่ยงเหวินอิน ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหูเหวินอินแล้ว ปีนี้อายุหกขวบ ถึงวัยเข้าเรียนแล้วด้วย
ส่วนคนเล็กชื่อเดิมคือเซี่ยงเหวินจวิน ปัจจุบันชื่อหูเหวินจวิน อายุยังไม่ถึงสี่ขวบ แต่โตพอจะเข้าอนุบาลได้แล้ว
ส่วนลูกจะอยากเปลี่ยนไหมนั้น หลังจากต่อสู้กับความคิดจึงตัดสินใจเปลี่ยนเสีย
เด็กที่ใช้แซ่แม่จะโดนคนนินทาว่าร้าย
แต่เธอเกลียดเซี่ยงอิงมาก ไม่อยากให้ลูกมีพ่อแบบนี้
สุดท้ายก็ตัดสินใจให้ใช้แซ่ตนเองแทน
อย่าว่าแต่ตัวเธอไม่ได้รับการยอมรับเลย ลูกสาวที่เป็นพวกเลี้ยงเสียข้าวสุกในสายตาบ้านนั้นจะเหลือหรือ
สาวน้อยทั้งสองหน้าตาดีมาก ทั้งยังเป็นเด็กดีด้วย
พวกเธอจับมือมารดากันคนละข้าง และยืนอยู่เงียบ ๆ
“พี่หู เด็ก ๆ สวยขึ้นเยอะเลย”
เห็นน้อง ๆ แต่งตัวงดงามดูเรียบร้อยเธอก็ชื่นชมออกมาจากใจ
ไม่เหมือนครั้งแรกที่แต่งตัวซอมซ่อ
หูเสี่ยวเหลียนรักลูกมาก ถึงชีวิตจะลำบากแต่ยังหาเสื้อผ้าและรองเท้าใหม่ให้ใส่
“เหวินอิน เหวินจวิน เรียกพี่เสี่ยวเถียนสิ”
ทีแรกตนอยากจะให้เรียกว่าคุณน้า แต่ซูเสี่ยวเถียนอายุน้อยเกิน
เด็กสาวระเบิดเสียงหัวเราะ
“พี่หู แต่วัยพวกเรา…”
สีหน้าหูเสี่ยวเหลียนมีความเขินอายเล็กน้อย
“ฉันอายุมากกว่าเธอไม่ถึงสิบปีเลย ส่วนเด็ก ๆ ก็แค่สิบปี เรียกตามลำดับรุ่นไม่ไหวจริง ๆ จ้ะ”
“หลังจากนี้ก็เรียกแบบนี้แล้วกันค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนเห็นด้วยอย่างมาก
จะให้เธอเรียกหูเสี่ยวเหลียนว่าป้าก็คงไม่ไหว
แต่จะให้เด็ก ๆ เรียกตนว่าน้าก็คงไม่เอาเหมือนกัน
สาวน้อยทั้งสองเรียกตามที่ว่าด้วยความเชื่อฟัง
ตอนนั้นเองที่คุณย่าซูเดินออกมา
ตอนเห็นสองสาวไม่ทันได้พูดอะไรก็รีบเรียกให้เด็ก ๆ เข้าบ้าน
แต่พวกเธอเอาแต่มองผู้เป็นแม่
“ให้เด็ก ๆ เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ พวกพี่กินข้าวกันมาหรือยังคะ?”
“กินแล้วจ้ะ เสี่ยวเถียน พี่ว่าไปดูร้านก่อนดีกว่า เพราะกลับมาต้องทำน้ำหวานอีกน่ะ…”
หูเสี่ยวเหลียนไม่อยากล่าช้า
ถึงจะได้เงินไม่ถึงหยวน แต่มันก็มากพอให้สามแม่ลูกมีกิน แถมยังมีออมไว้อีก
อย่างที่เสี่ยวเถียนบอก พอลูกโตก็ต้องเรียนหนังสือ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ว่าเยอะมาก
หญิงชราได้ยินเรื่องราวมาก่อนแล้ว
แต่ระยะทางจากบ้านเราไปมหาวิทยาลัยต้องนั่งรถเนี่ยสิ ขึ้นรถประจำทางระหว่างทางเอาเด็ก ๆ ไปด้วยคงลำบาก
“ไม่งั้นให้เด็ก ๆ อยู่บ้านเราก่อนก็ได้นะ” คุณย่าซูเสนอ
เพราะรู้เรื่องราวอีกฝ่าย จึงรู้สึกเห็นใจผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้มาก
[1] ลมขยายขนาดเลย ใช้อธิบายทารกหรือเด็กเล็กที่โตอย่างรวดเร็ว