ผู้อาวุโสฮวาจ้องเขม็งไปที่เจียงซื่อด้วยความรู้สึกสับสนเต็มประดา
นางเห็นความมุ่งมั่นแน่วแน่ในสายตาอีกฝ่าย
ผู้อาวุโสฮวาอดนึกถึงภาพที่เจียงซื่อปรากฏกายที่อูเหมียวมิได้
นี่คือคนที่งัดง้างต่อกรกับท่านหัวหน้าผู้อาวุโส หนำซ้ำยังกล้าข่มขู่ท่านหัวหน้า แล้วนับประสาอะไรกับนาง
หลังความลังเลชั่วอึดใจ ผู้อาวุโสฮวาตัดสินใจเลือกหนทางประนีประนอม
“ถูกต้องแล้ว ไทเฮาแห่งต้าโจวเป็นคนของพวกเรา”
เจียงซื่อตาเป็นประกาย มือที่วางนิ่งอยู่ที่หัวเข่ากำเล็กน้อย แต่ทว่าน้ำเสียงยังคงไว้ซึ่งความเป็นปกติ “ไทเฮาคือใคร เกี่ยวข้องกับท่านยายของข้าหรือไม่”
ผู้อาวุโสฮวานึกเสียใจที่พลั้งปากออกไปแต่แรก
เรื่องใหญ่เพียงนี้ นางควรรายงานให้หัวหน้าผู้อาวุโสทราบก่อนแท้ๆ เหตุใดถึงได้ปากพล่อยออกไปเช่นนั้น
“ผู้อาวุโสฮวาจะไม่พูดจริงๆ งั้นรึ” เจียงซื่อวางมือลงบนโต๊ะด้วยท่าทีเย็นชา
ผู้อาวุโสฮวาเหลือบมองถ้วยชาในมือเจียงซื่อ ความคิดแปลกประหลาดผุดขึ้นในหัว หากนางไม่พูด สตรีศักดิ์สิทธิ์จะสาดน้ำชาใส่หน้านางหรือเปล่า
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทำแน่!
ผู้อาวุโสฮวาสูดลมหายใจลึกๆ พลางกล่าวด้วยความยอมจำนน “สตรีศักดิ์สิทธิ์ใจเย็นๆ ก่อน ฟังข้าอธิบายก่อน เดิมทีไทเฮาเป็นเพียงสตรีอูเหมียวทั่วไป แต่เนื่องจากอายุที่ไล่เลี่ยกัน และมีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายพระชายาไท่จื่อแห่งต้าโจวในเวลานั้น จึงถูกเลือกให้มาสลับร่างกับพระชายาไท่จื่อ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ท่านยายของท่านเชี่ยวชาญวิชาแปลงกาย นางจึงเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนี้…”
จากคำอธิบายของผู้อาวุโสฮวา เจียงซื่อเริ่มเห็นภาพเหตุการณ์กระจ่างชัดยิ่งขึ้น ซึ่งเกือบจะตรงตามที่พวกนางเคยสันนิษฐานเอาไว้ก่อนหน้านี้
ด้วยสาเหตุบางประการ อูเหมียวต้องการให้คนของตัวเองแฝงตัวเข้าไปอยู่ในที่สูงส่งของต้าโจว หลังจากการพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน พวกเขาพุ่งเป้ามาที่พระชายาไท่จื่อในเวลานั้น ดังนั้นยายของอาซังจึงถูกส่งมาที่ต้าโจว นางใกล้ชิดกับพระชายาไท่จื่อผ่านทางเหล่าฮูหยินอี๋หนิงโหว เมื่อเริ่มคุ้นชินกับการพูดและพฤติกรรมของพระชายาไท่จื่อแล้ว ก็นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปถ่ายทอดให้กับสตรีชาวอูเหมียว และทำการสลับตัว
แผนนี้เป็นการกระทำที่อุกอาจ และยากที่จะทำให้สำเร็จ
สตรีสูงศักดิ์ที่ใกล้ออกเรือนมักจะสุงสิงกับครอบครัวของตัวเองน้อยลง หลังจากการสลับตัว หากระวังตัวอย่างดีก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกติ หรือต่อให้มีคนจับได้ ใครกันจะกล้าพูด และทันทีที่ไทเฮาเข้าวังก็จะไม่มีผู้ใดรับรู้ความผิดปกตินั้นอีกแล้ว
แผนการนี้เป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบก็จริง แต่พลาดไปจุดหนึ่งคือ เหล่าฮูหยินอี๋หนิงโหวสนิทสนมกับไทเฮาตัวจริง นางรู้จักไทเฮาดีเสียยิ่งกว่าคนในครอบครัวของไทเฮาเอง
อีกทั้งสัญชาตญาณของสตรีเพศก็ว่องไวเสียด้วย
เจียงซื่อดีใจอยู่ลึกๆ ที่เหล่าฮูหยินอี๋หนิงโหวเลือกเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ มิได้พยายามสืบหาความจริง เพราะมิฉะนั้นนางคงไม่มีชีวิตรอดมาจนป่านนี้
“ในเมื่อท่านยายตัวจริงของข้าต้องรับหน้าที่สลับตัวที่ต้าโจว แล้วเหตุใดนางถึงได้ตกหลุมรักกับบุรุษชาวต้าโจวเล่า”
แววตาของผู้อาวุโสฮวาเปล่งประกายเล็กน้อย “สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็มีคู่ครอง ไม่เข้าใจเลยหรือว่าบนโลกนี้ความรักของหนุ่มสาวเป็นเรื่องที่หักห้ามใจได้ยากที่สุดแล้ว”
เจียงซื่อจนด้วยคำถาม
นางจำต้องยอมรับว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสฮวากล่าวมีเหตุผล
เพราะหากทุกเรื่องเป็นเหตุเป็นผลไปเสียหมด วันนี้คงไม่มีนางและอาจิ่น
นางเป็นเช่นนี้ บางทียายของนางอาจเป็นเช่นนี้ด้วยดุจกัน
แต่ทว่ายังมีเรื่องที่เจียงซื่อยังไม่เข้าใจ
หากท่านยายรักบุรุษต้าโจวด้วยใจจริง เหตุใดถึงด่วนจากไปทันทีที่คลอดบุตร อีกทั้งยังพาบุตรสาวที่คลอดไปเพียงคนเดียว และทิ้งอีกคนไว้ที่นี่
ผู้อาวุโสฮวากล่าวด้วยความลังเล “บางทีการเดินทางไกลทำให้นางพาทารกกลับมาได้แค่คนเดียว”
เจียงซื่อมองไปที่ผู้อาวุโสฮวาด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม “ในเมื่อท่านยายได้รับคำสั่งให้มาที่นี่ แล้วไม่มีคนในเผ่าคอยช่วยนางเลยอย่างนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสฮวาผงะไปก่อนจะรีบกล่าวเสียงแห้ง “เรื่องนั้นข้าไม่ทราบ ในตอนนั้นข้าไม่รู้อะไรเลย แต่เพราะบังเอิญได้พบท่าน ท่านหัวหน้าผู้อาวุโสถึงได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้ข้าฟัง”
“หากบอกว่าไทเฮาเป็นเพียงสตรีอูเหมียวธรรมดาคนหนึ่ง เช่นนั้นนางใช้ศาสตร์วิชาของเผ่าอูเหมียวได้หรือไม่”
“นางไม่ต่างจากสตรีสาวชาวอูเหมียวทั่วไปที่รู้วิชาเพียงผิวเผิน”
เจียงซื่อขยับคิ้ว
หากจะบอกเช่นนี้ก็หมายความว่าไทเฮามิใช่ตัวละครหลักของอูเหมียว เพียงแต่เป็นหมากตัวหนึ่ง
เป็นหมากที่ได้กลายมาเป็นไทเฮาแห่งต้าโจวอย่างนั้นรึ
แววตาของเจียงซื่อขับประกายวับวาบคล้ายกับเกิดความคิดบางอย่าง แต่เพียงชั่วแล่นประกายในตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“แล้วผู้อาวุโสฮวาทราบวัตถุประสงค์เรื่องการสลับตัวหรือไม่”
ผู้อาวุโสฮวาเหลือบแลซ้ายขวาก่อนจะกล่าว “เมื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์ทราบแล้วว่าไทเฮาเป็นชาวอูเหมียว สตรีศักดิ์สิทธิ์จะทำอะไร”
เจียงซื่อเงียบไปชั่วอึดใจ เลิกคิ้วพลางถาม “หากต้องเลือกระหว่างข้าและไทเฮา ผู้อาวุโสฮวาคิดว่าหัวหน้าผู้อาวุโสจะเลือกใคร”
ผู้อาวุโสฮวาชะงักงัน
แม้นางจะไม่ใช่หัวหน้าผู้อาวุโส แต่คำถามนี้ตอบได้โดยไม่ต้องลังเล สตรีศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่สุด
ต่อให้หมากเดินไปไกลเพียงใดก็ยังเป็นหมากอยู่วันยังค่ำ จะเอาไปเทียบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร
“ตอนนี้ท่านอ๋องได้ขึ้นเป็นไท่จื่อ ผู้อาวุโสฮวาคงได้ยินมาบ้างแล้วใช่หรือไม่”
ผู้อาวุโสฮวาผงกศีรษะรับ
ท่าทีของเจียงซื่อเย็นชาขึ้นทันใด “ไทเฮาต้องการสังหารไท่จื่อองค์ใหม่ ข้าและไท่จื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกัน หากเกิดเรื่องกับไท่จื่อ ข้าจะไม่แยแส วางตัวเป็นคนนอกได้หรือ เมื่อเวลานั้นมาถึง เกรงว่าหัวหน้าผู้อาวุโสจะต้องเลือกระหว่างข้าและไทเฮา”
“เป็นไปไม่ได้!” ผู้อาวุโสฮวาโพล่งออกมา
ยิ้มหยันแขวนอยู่ที่มุมปากของเจียงซื่อ “ก็ใช่น่ะสิ เหตุใดการกระทำของไทเฮาถึงได้ขัดกับคำทำนายที่ผู้อาวุโสฮวาบอกกับข้า ในเมื่อองค์ชายเจ็ดนำแสงอรุณรุ่งสางมาสู่อูเหมียว เหตุไฉนไทเฮาที่เป็นสตรีชาวอูเหมียวถึงได้จ้องจะทำร้ายอาจิ่น”
ตาของผู้อาวุโสฮวาพร่ามัวไปชั่วขณะ
แววตาของเจียงซื่อกลับลุ่มลึก คำที่เปล่งฉะฉานถนัดหู “หมากตัวหนึ่งจะเชื่อฟังคำสั่งได้ตลอดจริงหรือ”
สีหน้าของผู้อาวุโสฮวาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“แผนสลับตัวเกี่ยวข้องกับคำทำนายอีกสองประการใช่หรือไม่” เจียงซื่อรัวคำถาม
ผู้อาวุโสฮวาพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว หลังจากได้สติจึงรีบดึงหน้าเคร่งขรึม “สตรีศักดิ์สิทธิ์ปราดเปรื่องยิ่งนัก เพียงแต่ข้าไม่ทราบว่าคำทำนายอีกสองประการที่ว่าคืออะไร หรือต่อให้ข้าทราบ หากไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าผู้อาวุโส ข้าก็ไม่อาจพูด ช่วยกรุณาเข้าใจในจุดนี้ด้วย”
นี่เป็นเรื่องเดียวที่นางพูดไม่ได้ ต่อให้สตรีศักดิ์สิทธิ์จะสาดน้ำชาใส่หน้านาง นางก็ยังคงแน่วแน่
เจียงซื่อวางป้ายอาญาสิทธิ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือของผู้อาวุโสฮวาพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง “เช่นนั้นรบกวนผู้อาวุโสฮวาช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้หัวหน้าผู้อาวุโสที ข้าจะรอดูว่าหัวหน้าผู้อาวุโสจะตัดสินใจอย่างไร”
ผู้อาวุโสฮวากำป้ายอาญาสิทธิ์แน่ รู้สึกว่าวัตถุในมือหนักอึ้งเกินบรรยาย เนิ่นนานกว่านางจะยอมพยักหน้ารับ
เจียงซื่อเหยียดริมฝีปาก “อาหมาน พาแขกออกไปส่ง”
ครั้นผู้อาวุโสฮวากลับไปแล้ว เจียงซื่อก็ให้คนไปตามอวี้จิ่น และเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
“กว่าจดหมายจะไปถึงมือหัวหน้าผู้อาวุโสคงต้องรออีกหลายวัน และสุดท้ายหัวหน้าผู้อาวุโสจะตัดสินใจเช่นไรก็ยากที่จะคาดเดา…”
เมื่ออวี้จิ่นเห็นสีหน้ากังวลของเจียงซื่อ เขาจึงลูบหลังมือของนางแผ่วเบาพลางปลอบใจ “ไทเฮาเพิ่งจะลงมือกับข้าครั้งแรกเมื่อตอนพิธีสถาปนาองค์รัชทายาท แต่หากพิจารณาจากความระแวดระวังยามที่ลงมือกับองค์หญิงฝูชิง อย่างน้อยๆ นางน่าจะเลือกช่วงเวลาลงมืออีกครั้งก่อนที่พวกเราจะย้ายเข้าไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา เจ้าอย่าเพิ่งกังวลใจไปเลย เราแค่ต้องเตรียมรับมือไว้ให้พร้อมก็เท่านั้น”
ครั้นนึกถึงไทเฮา รอยยิ้มของอวี้จิ่นก็เย็นเยียบ “ไทเฮาซ่อนคมเล็บไว้ในซอกลึก ในช่วงเวลาแบบนี้ ข้าไม่กลัวว่านางจะลงมือ ข้ากลัวว่านางจะเก็บตัวสงบเสงี่ยมเป็นไทเฮาต่อไปเพื่อมิให้ผู้ใดจับได้มากกว่า”
ยิ่งทำมาก ยิ่งมีโอกาสพลาดมาก
ในขณะที่เจียงซื่อกำลังรอจดหมายตอบกลับของหัวหน้าผู้อาวุโส เบาะแสที่หน่วยองครักษ์จิ่นหลินค้นพบทำให้ผู้บัญชาการหันหรานหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ
ภรรยาของจูตัวฮวน หลิงไถหลางขั้นห้าเติบโตมาจากสถานสงเคราะห์